การสอนแบบ KWL-PLUS เน้นให้ผู้เรียนม

การสอนแบบ KWL-PLUS เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่านซึ่งสอดคล้องกับทักษะการคิดอย่างรู้ตัวว่าตนคิดอะไร มีวิธีคิดอย่างไร สามารถตรวจสอบความคิดของตนได้ และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการคิดของตนได้ โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกให้ตระหนักในกระบวนการทำความเข้าใจตนเอง มีการวางแผน ตั้งจุดมุ่งหมาย ตรวจสอบความเข้าใจของตน มีการจัดระบบข้อมูลเพื่อการดึงมาใช้ภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพองค์ประกอบสำคัญของการสอนแบบ KWL-PLUS คือ เนื้อหาสาระของเรื่องที่จะศึกษาประเด็นคำถาม และผลการเรียนรู้ของผู้เรียน มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้น K เป็นขั้นตอนการเตรียมความรู้พื้นฐาน 2. ขั้น W เป็นขั้นตอนการตั้งจุดมุ่งหมายการอ่านหรือการเรียนรู้ แล้วนำมาเขียนคำถามสิ่งที่ต้องการรู้แล้วจึงเรียนรู้หรือหาคำตอบ 3. ขั้น L เป็นขั้นตอนการเขียนคำตอบหรือบันทึกข้อมูล และ 4. ขั้น PLUS เป็นขั้นตอนการเขียนสรุปและนำเสนอในรูปของแผนผังหรือข้อความที่สรุปไว้ จากความหมายข้างต้น สรุปได้ว่า การสอนแบบ KWL-PLUS หมายถึง วิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด มีความต้องการเรียนรู้จากสิ่งที่ตนคิด การตั้งคำถาม การสร้างผังความคิด และการสรุปความ ทั้งยังสามารถวางแผนโดยการตั้งเป้าหมายว่าตนอยากจะทราบเรื่องใด โดยมีกระบวนการที่เป็นระบบ คือ 1. นำความรู้เดิมมาเขียน 2. ตั้งเป้าสิ่งที่ยังไม่รู้และอยากรู้ 3. บรรยายถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว และ 4. เขียนเป็นแผนผังหรือสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมด(วิสิฏฐา แรงเขตรการ,2551 : 11-16)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การสอนแบบ KWL-PLUS เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่านซึ่งสอดคล้องกับทักษะการคิดอย่างรู้ตัวว่าตนคิดอะไรมีวิธีคิดอย่างไรสามารถตรวจสอบความคิดของตนได้และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการคิดของตนได้โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกให้ตระหนักในกระบวนการทำความเข้าใจตนเองมีการวางแผนตั้งจุดมุ่งหมายตรวจสอบความเข้าใจของตนมีการจัดระบบข้อมูลเพื่อการดึงมาใช้ภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพองค์ประกอบสำคัญของการสอนแบบคือ KWL-PLUS เนื้อหาสาระของเรื่องที่จะศึกษาประเด็นคำถามและผลการเรียนรู้ของผู้เรียนมี 4 ขั้นตอนได้แก่ 1. ขั้น K เป็นขั้นตอนการเตรียมความรู้พื้นฐาน 2 ขั้น W เป็นขั้นตอนการตั้งจุดมุ่งหมายการอ่านหรือการเรียนรู้แล้วนำมาเขียนคำถามสิ่งที่ต้องการรู้แล้วจึงเรียนรู้หรือหาคำตอบ 3 ขั้น L เป็นขั้นตอนการเขียนคำตอบหรือบันทึกข้อมูลและ 4 ขั้นบวกเป็นขั้นตอนการเขียนสรุปและนำเสนอในรูปของแผนผังหรือข้อความที่สรุปไว้จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่าการสอนแบบ KWL-PLUS หมายถึงวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดมีความต้องการเรียนรู้จากสิ่งที่ตนคิดการตั้งคำถามการสร้างผังความคิดและการสรุปความทั้งยังสามารถวางแผนโดยการตั้งเป้าหมายว่าตนอยากจะทราบเรื่องใดโดยมีกระบวนการที่เป็นระบบคือ 1 นำความรู้เดิมมาเขียน 2 ตั้งเป้าสิ่งที่ยังไม่รู้และอยากรู้ 3 บรรยายถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้วและ 4 เขียนเป็นแผนผังหรือสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมด (วิสิฏฐาแรงเขตรการ 2551:11-16)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การสอนแบบ KWL-PLUS มีวิธีคิดอย่างไรสามารถตรวจสอบความคิดของตนได้ มีการวางแผนตั้งจุดมุ่งหมายตรวจสอบความเข้าใจของตน KWL-PLUS คือ และผลการเรียนรู้ของผู้เรียนมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ขั้น K 2. ขั้น W 3. ขั้น L และ 4. ขั้น PLUS จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่าการสอนแบบ KWL-PLUS หมายถึง การตั้งคำถามการสร้างผังความคิดและการสรุปความ โดยมีกระบวนการที่เป็นระบบคือ 1. นำความรู้เดิมมาเขียน 2 3. บรรยายถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้วและ 4 แรงเขตรการ, 2551: 11-16)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การสอนแบบแบบเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่านซึ่งสอดคล้องกับทักษะการคิดอย่างรู้ตัวว่าตนคิดอะไรมีวิธีคิดอย่างไรสามารถตรวจสอบความคิดของตนได้และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการคิดของตนได้โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกให้ตระหนักในกระบวนการทำความเข้าใจตนเองมีการว างแผนตั้งจุดมุ่งหมายตรวจสอบความเข้าใจของตนมีการจัดระบบข้อมูลเพื่อการดึงมาใช้ภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพองค์ประกอบสำคัญของการสอนแบบตามความเนื้อหาสาระของเรื่องที่จะศึกษาประเด็นคำถามและผลการเรียนรู้ของผู้เรียนคอนโด 4 แนะนำและอำนวยได้แก่ 1 ขั้น K เป็นขั้นตอนการเตรียมความรู้พื้นฐาน 2 ขั้น W เป็นขั้นตอนการตั้งจุดมุ่งหมายการอ่านหรือการเรียนรู้แล้วนำมาเขียนคำถามสิ่งที่ต้องการรู้แล้วจึงเรียนรู้หรือหาคำตอบ 3 ขั้นผมเป็นขั้นตอนการเขียนคำตอบหรือบันทึกข้อมูลและ 4 ขั้นบวกเป็นขั้นตอนการเขียนสรุปและนำเสนอในรูปของแผนผังหรือข้อความที่สรุปไว้จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่าการสอนแบบแบบหมายถึงวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดมีความต้องการเรียนรู้จากสิ่งที่ตนคิดการตั้งคำถามการสร้างผังความคิดและกา รสรุปความทั้งยังสามารถวางแผนโดยการตั้งเป้าหมายว่าตนอยากจะทราบเรื่องใดโดยมีกระบวนการที่เป็นระบบความ 1 นำความรู้เดิมมาเขียน 2 ตั้งเป้าสิ่งที่ยังไม่รู้และอยากรู้ 3 บรรยายถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้วและ 4 เขียนเป็นแผนผังหรือสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมด ( วิสิฏฐาแรงเขตรการ 2551 : 11-16 )