Biodiesel contributes to environmen

Biodiesel contributes to environmental protection in that it is
biodegradable, renewable, non-toxic, reduces sulphur oxides
emission, reduces carbon monoxide emission, and reduces the
global warming problems [1]. About 95% of world biodiesel
production is derived from edible oils [2]. Consumption of edible
oil in biodiesel production has led to the price of edible oil and
biodiesel to increase to levels 1.5–2 fold higher than diesel fuel [3].
For this reason, non-edible waste cooking oils become more
attractive and promising alternate raw material for biodiesel
production. Waste cooking oil is categorised as a non-edible oil.
Waste cooking oil is considerably cheaper—five times average
lower than refined cooking oil. Utilising waste cooking oil in
biodiesel production is a clean technology solution offering
solutions for both disposal [4] and health problems, e.g. feeding
mixture for domestic animal [5], reusing and recycling [6].
Methanol with a short carbon chain is the most commonly used
in esterification and transesterification due to its easy in separation
process, lower cost and higher nucleophilicity compared to ethanol
having long carbon chain [7]. In terms of alkali catalyst in
transesterification, potassium hydroxide (KOH) resulted in 96%
conversion [8] compared to sodium hydroxide (NaOH) of only
76.9% conversion [9] with waste oil to methanol molar ratio of
1:3 in the presence of 1% alkali catalyst at 50 C within 60 min
reaction time. Shahid et al. [10] also claimed that separation of
biodiesel and glycerol was easier when KOH was used as catalyst
compared to NaOH.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไบโอดีเซลก่อให้เกิดการป้องกันสิ่งแวดล้อมที่เป็นย่อยสลายตามธรรมชาติ ทดแทน ปลอดสารพิษ ลดซัลเฟอร์ออกไซด์ปล่อย ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และลดการปัญหาภาวะโลกร้อนทั่วโลก [1] ประมาณ 95% ของไบโอดีเซลโลกผลิตมาจากน้ำมันกิน [2] ปริมาณการกินได้ใช้น้ำมันในการผลิตไบโอดีเซลได้นำราคาของน้ำมันพืช และไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1.5-2 เท่าสูงกว่าน้ำมันดีเซล [3]ด้วยเหตุนี้ -กินเสียน้ำมันมากขึ้นน่าสนใจ และแนวโน้มอื่นวัตถุดิบสำหรับไบโอดีเซลการผลิต น้ำมันจัดเป็นแบบน้ำมัน-กินเสียน้ำมันจะถูกกว่า — เฉลี่ยห้าครั้งต่ำกว่าอาหารกลั่นน้ำมัน ใช้น้ำมันปรุงอาหารขยะในผลิตไบโอดีเซลเป็นโซลูชันเทคโนโลยีสะอาดนำเสนอโซลูชันสำหรับการกำจัด [4] และปัญหาสุขภาพ การให้อาหารเช่นส่วนผสมสำหรับสัตว์เลี้ยง [5], ใช้ซ้ำ และรีไซเคิล [6]เมทานอลสายโซ่คาร์บอนสั้นใช้กันมากที่สุดใน esterification และเพิ่มเนื่องจากง่ายในการแยกกระบวนการ ต้นทุนต่ำกว่า และสูงกว่า nucleophilicity เมื่อเทียบกับเอทานอลมีโซ่คาร์บอนที่ยาว [7] ในแง่ของตัวเร่งปฏิกิริยาด่างในเพิ่ม ผล 96% โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (เกาะ)แปลง [8] เมื่อเทียบกับโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ของเท่านั้นจำนวน 76.9% แปลง [9] เสียน้ำมันอัตราส่วนสบเมทานอล1:3 ในด่าง 1% เศษที่ 50 C ภายใน 60 นาทีเวลาปฏิกิริยา หิท et al. [10] นอกจากนี้ยังอ้างว่า แบ่งแยกไบโอดีเซลและกลีเซอรอลก็ง่ายเมื่อเกาะถูกใช้เป็นเศษเมื่อเทียบกับ NaOH

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไบโอดีเซลก่อให้เกิดการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในการที่จะ
ย่อยสลายทดแทนปลอดสารพิษ, ลดซัลเฟอร์ออกไซด์
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์และช่วยลด
ปัญหาภาวะโลกร้อน [1] ประมาณ 95% ของการผลิตไบโอดีเซลของโลก
ที่ผลิตมาจากน้ำมันพืช [2] การบริโภคของกิน
น้ำมันผลิตไบโอดีเซลได้นำไปสู่ราคาของน้ำมันพืชและ
ไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.5-2 เท่าสูงกว่าน้ำมันดีเซล [3].
ด้วยเหตุนี้ไม่กินน้ำมันปรุงอาหารขยะมากขึ้น
ที่น่าสนใจและมีแนวโน้มสลับดิบ วัสดุสำหรับการผลิตไบโอดีเซล
ที่ผลิต น้ำมันปรุงอาหารขยะจะถูกแบ่งออกเป็นน้ำมันที่ไม่ได้กิน.
เสียน้ำมันปรุงอาหารเป็นอย่างมากที่ถูกกว่าห้าครั้งเฉลี่ย
ต่ำกว่าการกลั่นน้ำมันปรุงอาหาร เงินทองน้ำมันปรุงอาหารของเสียใน
การผลิตไบโอดีเซลเป็นเทคโนโลยีสะอาดทางออกที่เสนอขาย
โซลูชั่นสำหรับการกำจัดทั้งสอง [4] และปัญหาสุขภาพเช่นการให้อาหาร
ผสมสำหรับการเลี้ยงสัตว์ในประเทศ [5] การนำและการรีไซเคิล [6].
เมทานอลด้วยโซ่คาร์บอนสั้นเป็นส่วนใหญ่ ที่ใช้กันทั่วไป
ใน esterification และ transesterification เนื่องจากง่ายในการคัดแยก
กระบวนการต้นทุนต่ำและ nucleophilicity สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเอทานอล
มีคาร์บอนโซ่ยาว [7] ในแง่ของตัวเร่งปฏิกิริยาด่างใน
transesterification โพแทสเซียมไฮดรอกไซ (เกาะ) ส่งผลให้% 96
แปลง [8] เมื่อเทียบกับโซเดียมไฮดรอกไซ (NaOH) เพียง
76.9% แปลง [9] ด้วยน้ำมันเสียเมทานอลอัตราส่วนของ
1: 3 ในการแสดงตน ตัวเร่งปฏิกิริยาด่าง 1% ที่ 50 องศาเซลเซียสภายใน 60 นาที
เวลาการเกิดปฏิกิริยา Shahid et al, [10] ยังอ้างว่าการแยกตัวของ
ไบโอดีเซลและกลีเซอรอลได้ง่ายขึ้นเมื่อเกาะถูกนำมาใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
เมื่อเทียบกับ NaOH

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไบโอดีเซลมีส่วนช่วยคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในการที่จะเป็นย่อยสลายได้ทางชีวภาพ , พลังงานทดแทน , ปลอดสารพิษ , ลดออกไซด์ ซัลเฟอร์มลพิษ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และ ลดโลกร้อนปัญหา [ 1 ] ประมาณ 95% ของโลก ไบโอดีเซลการผลิตน้ํามันที่ได้จาก [ 2 ] ปริมาณการกินได้น้ำมันไบโอดีเซลที่ผลิตได้ ทำให้ราคาของน้ำมัน และกินได้ไบโอดีเซลเพื่อเพิ่มระดับ 1.5 - 2 เท่า สูงกว่าน้ำมันดีเซล [ 3 ]ด้วยเหตุนี้ น้ำมันปรุงอาหารไม่เสียกินได้มากขึ้นที่น่าสนใจและมีแนวโน้มสำรองวัตถุดิบเพื่อผลิตไบโอดีเซลการผลิต น้ำมันปรุงอาหารขยะตาม น้ำมันไม่กินกากน้ำมันปรุงอาหารถูกกว่ามาก เฉลี่ย 5 ครั้งน้อยกว่าการกลั่นน้ำมันปรุงอาหาร การใช้ของเสียน้ำมันปรุงอาหารในการผลิตไบโอดีเซลเป็นบริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสะอาดโซลูชั่นสำหรับปัญหาสุขภาพทั้ง 4 ] และ [ อาหารทิ้ง เช่นส่วนผสมสำหรับสัตว์เลี้ยง [ 5 ] ใช้ใหม่และการรีไซเคิล [ 6 ]เมทานอลด้วยโซ่คาร์บอนสั้นมากที่สุดโดยทั่วไป ใช้และในการปรับปรุงกระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น เนื่องจากความง่ายในการกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และสูงกว่า nucleophilicity เทียบกับเอทานอลมีความยาวโซ่คาร์บอน [ 7 ] ในแง่ของตัวเร่งปฏิกิริยาด่างในการศึกษาปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคช โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ( KOH ) ส่งผลให้เกิด 96 %การแปลง [ 8 ] เมื่อเทียบกับโซเดียมไฮดรอกไซด์ ( NaOH ) เท่านั้น76.9 % แปลง [ 9 ] กับน้ำมันในอัตราส่วนโดยโมลของเมทานอล1 : 3 ในการแสดงตนของ 1% ด่างตัวเร่งปฏิกิริยาที่ 50 องศาเซลเซียส ภายใน 60 นาทีเวลาปฏิกิริยาตอบสนอง Shahid et al . [ 10 ] ยังอ้างว่า การไบโอดีเซลและกลีเซอรอลได้ง่ายขึ้นเมื่อเกาะถูกใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเทียบกับ NaOH