5000 B.C. – Ancient Egyptians use w

5000 B.C. – Ancient Egyptians use wind energy to propel boats along the Nile River.

200 B.C. – The Chinese use simple windmills to pump water, and people in the Middle East use vertical-axis windmills with woven reed sails to grind grain.

11th century – After seeing people in the Middle East using windmills for food production, European explorers take the technology home with them. The Dutch use this new technology to drain lakes and marshes in the Rhine River Delta.

Late 19th century – In the US, windmills are used to pump water for farms and ranches.

1890 – Wind turbines that can generate electricity are introduced in Denmark.

1930s – As industrialization picks up, the steam engine replaces water-pumping windmills in Europe.

1940s – A large-scale wind turbine is introduced in Vermont, providing electricity for several months during World War II, when fossil fuel prices were high. When fossil fuel prices fell after the war, interest in wind power waned.

1970s – Fuel prices skyrocket as the result of oil embargoes, and interest in improving on wind turbine technology picks up. Wind turbines are made safer and quieter.

Today – Wind power plants—or “wind farms”—generate power across the US and Europe, and with continuing research and development, wind-generated electricity is comparable in cost to other power sources.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

5000 บี – ชาวอียิปต์โบราณใช้พลังงานลมเพื่อขับเคลื่อนเรือไปแม่น้ำไนล์แม่น้ำ

บี 200 – จีนที่ใช้ windmills เรื่องปั๊มน้ำ และคนในตะวันออกกลาง windmills แกนแนวตั้งกับเซลส์ทอกกการบดเมล็ดข้าว

สมัยศตวรรษที่ 11 – หลังจากที่เห็นคนในตะวันออกกลางใช้ windmills สำหรับผลิตอาหาร เอ็กซ์พลอเรอร์ยุโรปใช้เทคโนโลยีบ้าน ดัตช์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพื่อระบายน้ำทะเลสาบและ marshes ในแม่น้ำไรน์เดลต้า

ปลายศตวรรษ – ในเรา ใช้ในการสูบน้ำสำหรับฟาร์มและ ranches windmills

1890 – กังหันลมที่สามารถสร้างไฟฟ้ามีการแนะนำในเดนมาร์ก

1930s – เป็นรับทวีความรุนแรงมากขึ้น เครื่องจักรไอน้ำแทนน้ำสูบ windmills ในยุโรป

ทศวรรษ 1940 โดย – กังหันลมขนาดใหญ่จะนำมาใช้ในรัฐเวอร์มอนต์ ให้ไฟฟ้าเวลาหลายเดือนในระหว่างสงครามโลก เมื่อราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้สูง เมื่อราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลลดลงหลังจากสงคราม waned สนใจในพลังงานลม

ปี 1970 – ราคาน้ำมัน skyrocket เป็นผลของน้ำมันห้าม และสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมที่รับค่า กังหันลมจะปลอดภัย และสงบเงียบ

วันนี้ – ลมไฟฟ้า — หรือ "ฟาร์มลม" – สร้างพลังงานในสหรัฐฯ และยุโรป และกับการวิจัยและพัฒนา สร้างลมไฟฟ้าคือสามารถเปรียบเทียบต้นทุนกับแหล่งพลังงานอื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พ.ศ. 5000 - ชาวอียิปต์โบราณที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อนเรือไปตามแม่น้ำไนล์200 BC - จีนใช้กังหันลมที่ง่ายในการสูบน้ำและผู้คนในตะวันออกกลางใช้กังหันลมแนวตั้งแกนกับทอกกแล่นจะบดเมล็ดศตวรรษที่ 11 - หลังจากที่ได้เห็นผู้คนในตะวันออกกลางโดยใช้กังหันลมสำหรับผลิตอาหารนักสำรวจชาวยุโรปจะกลับบ้านเทคโนโลยีกับพวกเขา ดัตช์ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพื่อระบายน้ำทะเลสาบและหนองน้ำในแม่น้ำไรน์เดลต้าปลายศตวรรษที่ 19 - ในสหรัฐอเมริกากังหันลมที่ใช้ในการสูบน้ำสำหรับฟาร์มและทุ่ง1890 - กังหันลมที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถูกนำเสนอในเดนมาร์ก1930 - ในฐานะที่เป็นอุตสาหกรรมหยิบขึ้นรถจักรไอน้ำแทนกังหันลมสูบน้ำในยุโรปปี 1940 - กังหันลมขนาดใหญ่ที่มีการแนะนำในเวอร์มอนต์ให้กระแสไฟฟ้าเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลสูง เมื่อราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลลดลงหลังสงครามความสนใจในพลังงานลมจางหายไปปี 1970 - ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง skyrocket เป็นผลมาจากการห้ามส่งน้ำมันและความสนใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีกังหันลมหยิบขึ้นมา กังหันลมที่ทำที่ปลอดภัยและเงียบสงบวันนี้ - พืชหรือพลังงานลม "ฟาร์มลม" พลัง -generate ทั่วสหรัฐอเมริกาและยุโรปและมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องลมไฟฟ้าสร้างเปรียบในค่าใช้จ่ายไปยังแหล่งพลังงานอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

5000 ปีก่อนคริสตกาล–อียิปต์โบราณใช้พลังงานลมขับเคลื่อนเรือไปตามแม่น้ำไนล์

200 ปีก่อนคริสตกาล–จีนใช้ง่ายกังหันลมเพื่อสูบน้ำ และประชาชนในการใช้แกนตั้งกังหันลมกับตะวันออกกลางทอรีดใบเรือบดเม็ด

ศตวรรษที่ 11 –หลังจากเห็นผู้คนในตะวันออกกลางการใช้กังหันลมเพื่อการผลิต อาหาร , นักสำรวจชาวยุโรปใช้เทคโนโลยีบ้านกับพวกเขาการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้กับดัตช์ระบายทะเลสาบและบึงใน Rhine River Delta .

สายศตวรรษที่ 19 ) ในสหรัฐฯ กังหันลมที่ใช้เครื่องสูบน้ำสำหรับฟาร์มและฟาร์ม

1890 –กังหันลมที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในเดนมาร์ก

1930 –เป็นอุตสาหกรรมรับ ไอน้ำ แทนที่เครื่องยนต์สูบน้ำกังหันลมในยุโรป .

1940 –กังหันลมขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักใน Vermont , การให้บริการไฟฟ้าเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อน้ำมันราคาสูง เมื่อน้ำมันราคาตก หลังจากสงคราม ความสนใจในพลังงานลมที่

1970 –เชื้อเพลิงราคา skyrocket เป็นผลของ embargoes น้ำมัน และความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมจะรับกังหันลมจะผลิตที่ปลอดภัยและเงียบสงบ

วันนี้ - ลม พืชพลังงาน หรือ " ลม " - สร้างพลังงานในสหรัฐฯ และยุโรป และมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ลมผลิตไฟฟ้าเทียบได้ในต้นทุนแหล่งพลังงานอื่น ๆ