Our research suggests that M. latis

Our research suggests that M. latisulcatus may not be as affected by seagrass loss due to coastal development as it would if it depended on seagrass for habitat, although there are still several important life history aspects that need to be addressed before we can firmly conclude this.

While seagrasses may not provide habitat, they may still be a primary source of food if prawns rely on exports from seagrass areas to their habitat.

Many juvenile penaeids feed primarily on benthic diatoms, etc. (Da et al., 1990), which can be highly productive on intertidal soft sediments.

To fully understand the consequences of seagrass loss, we need to determine to what extent M. latisulcatus relies on in situ production vs. production exported from nearby seagrass beds.

While detritus is not a major food source for penaeids (Dall et al., 1990), it may still be the basis for the food chain involving juveniles.

Seagrasses might also modify the intertidal environment by trapping sediment and reducing water motion and turbidity, with possible consequences for organisms living inshore of them.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยของเราแนะนำว่า ม. latisulcatus อาจไม่เป็นที่ได้รับผลกระทบโดยหญ้าทะเลสูญหายเนื่องจากการพัฒนาชายฝั่งทะเลเพราะ จะถ้ามันขึ้นอยู่กับหญ้าทะเลสำหรับอยู่อาศัย แม้ว่าจะยังมีหลายแง่มุมประวัติชีวิตสำคัญที่ต้องจัดการก่อนที่จะ เราสามารถอย่างสรุปนี้ ขณะ seagrasses อาจให้อยู่อาศัย พวกเขายังได้เป็นแหล่งอาหารหลักถ้ากุ้งพึ่งพาส่งออกจากพื้นที่หญ้าทะเลเพื่อการอยู่อาศัย Penaeids หลายอารมณ์อาหารหลักในธรรมชาติ diatoms ฯลฯ (ดาและ al., 1990), ซึ่งสามารถมีประสิทธิผลสูงในตะกอน intertidal นุ่ม เข้าใจผลกระทบของการสูญเสียหญ้าทะเล เราต้องกำหนดขอบเขต latisulcatus เมตรอาศัยใน situ ผลิตเปรียบเทียบกับการผลิตที่ส่งออกจากเตียงหญ้าทะเลในบริเวณใกล้เคียง ขณะ detritus ไม่ เป็นแหล่งอาหารสำคัญสำหรับ penaeids (Dall et al., 1990), มันอาจยังคงเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อาหารที่เกี่ยวข้องกับ juveniles Seagrasses อาจยังปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม intertidal โดยดักจับตะกอน และลดความขุ่น มีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ต่อไปได้และเคลื่อนไหวน้ำ inshore ของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าเอ็ม latisulcatus อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียเป็นหญ้าทะเลเนื่องจากการพัฒนาชายฝั่งทะเลในขณะที่มันจะถ้ามันขึ้นอยู่กับหญ้าทะเลสำหรับที่อยู่อาศัยแม้ว่าจะยังคงมีชีวิตที่สำคัญหลายด้านประวัติศาสตร์ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขก่อนที่เราจะสามารถสรุปได้อย่างมั่นคงนี้ . ในขณะที่หญ้าทะเลอาจจะไม่ให้ที่อยู่อาศัยพวกเขายังคงอาจจะเป็นแหล่งที่มาหลักของอาหารถ้ากุ้งพึ่งพาการส่งออกจากพื้นที่หญ้าทะเลเพื่อที่อยู่อาศัยของพวกเขา. penaeids เด็กและเยาวชนจำนวนมากกินอาหารหลักในหน้าดินไดอะตอม ฯลฯ (ดา et al., 1990) ซึ่ง สามารถผลิตสูงในตะกอนนุ่ม intertidal. เพื่อให้เข้าใจผลกระทบของการสูญเสียแหล่งหญ้าทะเลที่เราจำเป็นต้องตรวจสอบสิ่งที่ขอบเขตเมตร latisulcatus อาศัยแหล่งกำเนิดในการผลิตเมื่อเทียบกับการผลิตที่ส่งออกจากเตียงหญ้าทะเลที่ใกล้เคียง. ในขณะที่เหลือไม่ได้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ สำหรับ penaeids (ดอลล์ et al., 1990) ก็ยังคงอาจจะเป็นพื้นฐานสำหรับห่วงโซ่อาหารที่เกี่ยวข้องกับหนุ่มสาว. Seagrasses อาจปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม intertidal โดยดักตะกอนและลดการเคลื่อนไหวของน้ำและความขุ่นที่มีผลกระทบที่เป็นไปได้สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ฝั่งของพวกเขา .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า ม. latisulcatus อาจไม่มีผลต่อหญ้าทะเลขาดทุนเนื่องจากการพัฒนาชายฝั่งมันจะถ้ามันขึ้นอยู่กับหญ้าทะเลเพื่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่ายังคงมีหลายแง่มุมที่สำคัญประวัติชีวิตที่ต้อง addressed ก่อนที่เราจะมั่นสรุปนี้

ตอนที่ seagrasses อาจให้สิ่งแวดล้อมพวกเขาอาจจะยังคงเป็นแหล่งที่มาหลักของอาหาร ถ้ากุ้งพึ่งพาการส่งออกจากพื้นที่หญ้าทะเลเพื่อที่อยู่อาศัยของพวกเขา

หลายเยาวชน penaeids กินดินไดอะตอมเป็นหลัก ฯลฯ ( ดา et al . , 1990 ) ซึ่งสามารถมีประสิทธิภาพสูงในเขตน้ำขึ้นน้ำลง นุ่ม ตะกอน

เข้าใจผลของหญ้าทะเล การสูญเสีย เราต้องกำหนดสิ่งที่ขอบเขตม. latisulcatus อาศัยในการผลิตฟิล์ม กับการผลิตส่งออกจากบริเวณแหล่งหญ้าทะเลเตียง

ขณะที่ detritus ไม่ได้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับ penaeids ( Sad et al . , 1990 ) , มันอาจจะยังคงเป็นฐานของห่วงโซ่อาหารที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน .

seagrasses อาจปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ป่าโกงกาง โดยดักตะกอนและลดการเคลื่อนไหวของน้ำและความขุ่น กับผลที่เป็นไปได้สำหรับสิ่งมีชีวิต
เลียบฝั่งของพวกเขา