In the case of Thailand, the state

In the case of Thailand, the state seems to have been impotent. The entrenchment of
powerful urban industrialists and other rent-seeking groups, import-competing, exportoriented
industries and bureaucrats have had a major role to play in the mechanism of extracting and transferring economic surplus from the agricultural sector. Unfortunately, the
abundance of unused land (resource wealth) permitted the Thai state to avoid reforming at the
grass-root level. The ruling class in Bangkok has rarely been threatened by any social unrest
among the lower classes since the mid-nineteenth century. Hence, the Thai state does not
seem to fit the characteristics of a developmental state in which the state becomes strong and
paternalistic. But it is, of curse, a kind of bureaucratic polity and kleptocracy in which the
state is entirely controlled and governed by state bureaucrats without any accountability to the
civil society (see Christensen and Siamwalla, 1993; Riggs, 1966; Siriprachai, 1995b;
Thanapornpun, 1990). I shall argue that external threats facing both South Korea and Taiwan
did help in making the state (the nation) strong. While Japan, during the early years of the
Meiji restoration, also faced the possibility of colonization from a western power. These real
external threats might have helped to turn predatory to developmental states (see Grabowski,
1994; Gunnarsson and Lundahl, 1994; Kohli, 1994). Nationalism worked to build up the
nation state as happened in the mercantilist era from the sixteenth to the eighteenth centuries
in Europe. The power of nationalistic policy in the East Asian NIEs was the case to the extent
that any kinds of state decisions were intended to modernize the nation. Hence, it ensured the
co-operation of its population.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในกรณีของประเทศไทย รัฐน่าจะ มีการปราศ การขุดสนามเพลาะของนักการเมืองมีประสิทธิภาพ และอื่น ๆ กลุ่มแสวงหาเช่า นำเข้าแข่งขัน exportorientedอุตสาหกรรมและ bureaucrats ได้มีบทบาทสำคัญในกลไกของการแยก และโอนส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากภาคการเกษตร อับ การรัฐไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิรูปที่อนุญาตให้ใช้ที่ดิน (ทรัพยากรให้เลือกมากมาย) มากมายระดับรากหญ้า ไม่ค่อยถูกขู่ชั้นปกครองในกรุงเทพมหานคร โดยสังคมใด ๆในหมู่ชนชั้นล่างตั้งแต่ศตวรรษกลางปั้นจั่น ดังนั้น รัฐไทยไม่ได้ดูเหมือนจะ เหมาะสมกับลักษณะของรัฐพัฒนาที่รัฐกลายเป็นแข็งแรง และpaternalistic แต่มันเป็น แช่ง ชนิดของอำมาตยาธิปไตยและ kleptocracy ซึ่งการรัฐทั้งหมดควบคุม และควบคุม โดย bureaucrats รัฐไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ กับการประชาสังคม (ดูคริสเตนเซ่นและ Siamwalla, 1993 Riggs, 1966 มาตะโก 1995bThanapornpun, 1990) ผมจะกล่าวที่ภายนอกคุกคามที่หันหน้าไปทางเกาหลีใต้และไต้หวันไม่ได้ช่วยในการทำให้รัฐ (ประเทศ) แข็งแรง ขณะที่ญี่ปุ่น ระหว่างปีแรก ๆ ของการคาง ยังต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ของอาณานิคมจากอำนาจตะวันตก เหล่านี้จริงภัยคุกคามจากภายนอกอาจได้ช่วยพลิกมหาศาลสู่อเมริกาพัฒนา (ดู Grabowskiปี 1994 Gunnarsson และ Lundahl, 1994 Kohli, 1994) ชาตินิยมที่ทำงานเพื่อสร้างการรัฐชาติเกิดขึ้นในยุค mercantilist จากที่ sixteenth เพื่อศตวรรษ eighteenthในยุโรป อำนาจของนโยบาย nationalistic NIEs เอเชียตะวันออกเป็นกรณีที่เป็นขอบเขตที่ทุกชนิดของการตัดสินใจของรัฐได้มีจุดประสงค์ให้ประเทศ ดังนั้น จึงมั่นใจในความร่วมมือของประชากร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในกรณีของประเทศไทยที่รัฐดูเหมือนจะเป็นหมัน ตั้งมั่นของครัวเรือนในเมืองที่มีประสิทธิภาพและกลุ่มเช่าที่กำลังมองหาคนอื่น ๆ นำเข้าการแข่งขันงออกอุตสาหกรรมและข้าราชการได้มีบทบาทสำคัญในการเล่นในกลไกของการสกัดและการถ่ายโอนส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากภาคเกษตร แต่น่าเสียดายที่ความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนที่ไม่ได้ใช้ (ความมั่งคั่งของทรัพยากร) ที่ได้รับอนุญาตของรัฐไทยที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิรูปในระดับรากหญ้า ชนชั้นปกครองในกรุงเทพฯไม่ค่อยได้รับการคุกคามจากความไม่สงบทางสังคมใด ๆในหมู่ชนชั้นต่ำตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า ดังนั้นรัฐไทยไม่ได้ดูเหมือนจะเหมาะสมกับลักษณะของการพัฒนาของรัฐที่อยู่ในสถานะที่จะกลายเป็นที่แข็งแกร่งและบิดา แต่มันเป็นคำสาปชนิดของรัฐธรรมนูญราชการและ kleptocracy ซึ่งเป็นรัฐที่มีการควบคุมทั้งหมดและควบคุมโดยข้าราชการของรัฐโดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ในภาคประชาสังคม(ดูคริสและสยามวาลา, 1993; ริกส์ 1966; Siriprachai, 1995b; Thanapornpun , 1990) ฉันจะยืนยันว่าภัยคุกคามจากภายนอกหันหน้าไปทางทั้งเกาหลีใต้และไต้หวันได้ช่วยเหลือในการทำรัฐ (ประเทศ) ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปีแรกของการฟื้นฟูเมจิยังต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ของการล่าอาณานิคมจากอำนาจตะวันตก เหล่านี้จริงภัยคุกคามจากภายนอกอาจจะช่วยให้นักล่าที่จะหันไปยังรัฐพัฒนา (ดูราบาวสกี, 1994; Gunnarsson และ Lundahl 1994; Kohli, 1994) ชาตินิยมทำงานเพื่อสร้างรัฐชาติที่เกิดขึ้นในยุค mercantilist จากสิบหกสิบแปดศตวรรษในยุโรป พลังของนโยบายชาตินิยมในเอเชียตะวันออก NIEs กรณีที่เกิดขึ้นในขอบเขตที่ทุกชนิดของการตัดสินใจของรัฐตั้งใจที่จะปฏิรูปประเทศ ดังนั้นจึงมั่นใจความร่วมมือของประชากร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในกรณีของประเทศไทย รัฐน่าจะมีสมรรถภาพ การ entrenchment ของอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพและอื่น ๆเมือง
ค่าเช่า - กลุ่มเข้าแข่งขัน exportoriented
อุตสาหกรรมและข้าราชการที่มีบทบาทสำคัญที่จะเล่นในกลไกของการสกัดและการถ่ายโอนส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากภาคการเกษตร ขออภัย
ความอุดมสมบูรณ์ของที่ดินที่ไม่ได้ใช้ ( ความมั่งคั่งของทรัพยากร ) อนุญาตให้รัฐไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิรูปที่
รากหญ้าระดับ ชนชั้นปกครองในกรุงเทพไม่เคยถูกคุกคามโดยความไม่สงบทางสังคม
ในหมู่ชนชั้น ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเก้ากลาง ดังนั้น รัฐไทยไม่ได้
ดูเหมือนจะพอดีกับลักษณะของการพัฒนาในรัฐซึ่งรัฐจะกลายเป็นที่แข็งแกร่งและ
บิดา . แต่มันคือคำสาป , ชนิดของระบบการเมืองและระบบราชการเคลพโตเครซีซึ่ง
รัฐควบคุมได้ทั้งหมด และควบคุมโดยรัฐ ข้าราชการ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ( ดู Christensen
และ สยามวาลา , 1993 ; Riggs , 1966 ; siriprachai 1995b ;
thanapornpun , 1990 ) ฉันจะยืนยันว่าภัยคุกคามภายนอกซึ่งทั้งเกาหลีใต้และไต้หวัน
ได้ช่วยให้รัฐ ( ชาติ ) ที่แข็งแกร่งในขณะที่ญี่ปุ่น ในช่วงปีแรกของ
ฟื้นฟูเมจิ ยังต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ของการล่าอาณานิคมจากอำนาจตะวันตก เหล่านี้จริง
ภายนอกภัยคุกคามอาจช่วยเปิดขูดรีดให้รัฐพัฒนา ( ดูเกรอบอว์สกี้
, 1994 ; กันนาร์สัน และลันดอล , 1994 ; Kohli , 1994 ) วิธีการทำงานเพื่อสร้างขึ้น
ชาติที่เกิดขึ้นในยุค mercantilist จาก 16 ถึงศตวรรษที่ 18
ในยุโรป พลังของนโยบายชาตินิยมในคนเอเซียตะวันออกเป็นกรณีในขอบเขตใด ๆชนิดของการตัดสินใจ
ว่ารัฐมีวัตถุประสงค์เพื่อ modernize ประเทศ ดังนั้นจึงมั่นใจ
ความร่วมมือของประชาชน