มาติน ลูเทอร์ มีความยินดีที่ได้มาร่วมชุมนุม ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้จะกลายเป็นการชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขากล่าวว่า เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อเมริกาได้ประกาศเลิกทาส การประกาศเลิกทาสครั้งนี้เป็นความหวังของทาสชาวนิโกรนับล้านคน ชาวนิโกรนั้นถูกเหยียดหยาม ดูหมิ่น ด้วยความไม่ยุติธรรม แต่ในปัจจุบันนี้ เราพบกับความจริงว่า ชาวนิโกรยังถูกเหยียดหยาม ดูหมิ่น ด้วยการเหยียดผิว ชาวนิโกรยังใช้ชีวิตอย่างโดดเดียวและยากจนบนเกาะ ในขณะที่คนอื่นนั้นพากันร่ำรวยมั่งคั่ง นิโกรยังมีชีวิตอย่างยากลำบากในสังคมของอเมริกา และนิโกรยังถูกเนรเทศให้ออกไปจากประเทศของชาวนิโกรเอง . มาติน ลูเทอร์ กล่าวว่า เมื่อครั้งที่คนอเมริกัน ได้รับการประกาศอิสรภาพนั้นเท่ากับว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์แห่งชีวิต เสรีภาพ และการหาความสุข แต่ปัจจุบันนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า อเมริกาไม่ได้ทำตามพันธสัญญา เพราะการคำนึงถึงสีผิวของพลเมืองในประเทศ แทนที่จะเคารพพันธสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ . ลูเทอร์ มีความฝันว่า ประเทศอเมริกาจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคที่ว่า มนุษย์ทุกคนถูกสร้างมาอย่างเท่าเทียมกัน . ลูเทอร์มีความฝันว่า วันหนึ่งที่รัฐมิสซิสซิปปี้ ที่เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม เต็มไปด้วยการกดขี่ จะเกิดเสรีภาพ และความยุติธรรม . ลูเทอร์ มีความฝันว่า วันหนึ่งลูกของเขาทั้ง4คน จะไม่ถูกตัดสินจากสิผิว แต่ถูกตัดสินด้วยนิสัยแทน . ลูเทอร์ มีความฝันว่าที่
อลาบาม่า ที่ซึ่งมีการเหยียดชาติอย่างรุนแรง จะมีเด็กผิวดำที่สามารถเป็นเพื่อนกับเด็กผิดขาวได้ . ลูเทอร์มีความฝันว่า คนผิวดำจะถูกยกให้สูงขึ้น จนเท่าเทียมกันทุกคน ทุกสิ่งนี้เป็นความหวามหวังและความศรัทธาของ มาติน ลูเทอร์