To enable the Internet of Things, t

To enable the Internet of Things, the exploitation of connection techniques, such as RFID, is necessary. RFID
is a form of object automatic identification that uses communication via radio waves to exchange data between a
reader and an electronic tag. RFID technology initially came to replace the standard barcode technology.
However, the technology has been evolved so that RFID and barcodes are merging with each other. New RFID
printers and scanners can handle both RFID and barcodes. [29]. RFID technology can be deployed for a variety of
purposes, since RFID chips can be put not only on a material or product, but also on an everyday object, an
animal, or a person.
RFID tags are active, passive or semi-passive, depending on their power source. Active tags have an on-board
battery, while passive tags are powered from the signal carried by a RFID reader. Semi-passive tags have a small
battery and they are activated by the signal of a RFID reader. The RFID tag broadcast its unique ID serial
number, called Electronic Product Code (EPC), via radio frequencies to a nearby RFID reader. RFID systems are
designed to operate at a number of designated frequencies, i.e. Low Frequency (LF) in 125 kHz, High Frequency
(HF) in 13,56 MHz, Ultra High Frequency (UHF) in 860-960 MHz, and Microwave in 2,45 GHz. UHF tags are
suitable for supply chain tracking applications. UHF RFID systems can identify a larger number of tags in the
field at a given time, since they can read UHF tags from a greater distance, minimizing collisions. Microwave
tags are mostly used in active RFID systems. They offer long range and high data transfer speeds, but they are
costly. For this reason, they are mainly used for railroad car tracking and container tracking. A drawback is that
microwave transmissions are the most susceptible to performance degradations due to metal and liquids, among
other materials [30].
Current UHF RFID readers have become embedded and smaller – at the size of a compact flash card, while
their functionality has been expanded from reading a unique ID, to remotely determine the temperature of a
product, the direction of travel and velocity, impact and storage conditions and even actuate switches connected
to the tag [31]. Recently, innovative passive UHF RFID tags are used for item-level tagging in retail to optimize
business performance [32].
Barriers to the wide adoption of RFID technology are firstly the high costs of tags, readers and regional
certification for RF emissions, and also the lack of consistent and worldwide standardization. Providers of new
RFID readers attempt to reduce time and cost for their customers. For example, ThingMagic [31] provides an application-programming interface that supports UHF RFID modules and finished RFID readers, ensuring RF
certification for various countries. Nowadays, supply chain applications adopt the EPC standard in the UHF
frequency band, which is different for North America (902-928 MHz) and Europe (868 MHz), while China and
Japan does not allow transmission in this band at this time. However, the EPC Global attempts to change this
status by implementing global standards for real time identification

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตสิ่ง ใช้ประโยชน์จากเทคนิคการเชื่อมต่อ เช่น RFID เป็นสิ่งจำเป็น RFIDเป็นรูปแบบของรหัสโดยอัตโนมัติวัตถุที่ใช้สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง การอ่านและมีป้ายอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี RFID เริ่มมาแทนเทคโนโลยีบาร์โค้ดมาตรฐานอย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาให้ RFID และบาร์โค้ดจะผสานกัน RFID ใหม่เครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์ที่สามารถจัดการ RFID และบาร์โค้ด [29] . เทคโนโลยี RFID สามารถใช้งานได้หลากหลายเอนกประสงค์ เนื่องจากสามารถใส่ชิป RFID ไม่เพียง บนวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ แต่ยัง บน วัตถุทุกวัน การสัตว์ หรือบุคคลป้าย RFID ใช้งานอยู่ แฝง หรือกึ่งพาสซี ฟ ขึ้นอยู่กับแหล่งจ่ายไฟของพวกเขา แท็กที่ใช้งานอยู่ได้มีเหลือเฟือแบตเตอรี่ ในขณะที่มีเปิดแท็กพาสซีฟจากสัญญาณจำหน่ายเครื่องอ่าน RFID แท็กพาสซีฟกึ่งมีขนาดเล็กแบตเตอรี่และพวกเขาจะเรียกสัญญาณของเครื่องอ่าน RFID ป้าย RFID ออกอากาศประจำของ ID ไม่ซ้ำกันหมายเลข เรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์ผลิตภัณฑ์รหัส (EPC), ผ่านความถี่วิทยุกับเครื่องอ่าน RFID ที่ใกล้เคียง ระบบ RFIDการใช้งานที่ความถี่ที่กำหนด เช่นความถี่ต่ำ (LF) 125 kHz ความถี่สูงในการออกแบบ(HF) ใน 13,56 MHz ระบบความถี่สูง (UHF) ใน 860-960 MHz และไมโครเวฟในแท็ก 2,45 GHz. UHF ได้เหมาะสำหรับติดตามงานห่วงโซ่อุปทาน ฟไอระบบสามารถระบุจำนวนของแท็กในการฟิลด์ในเวลาที่กำหนด เนื่องจากพวกเขาสามารถอ่านแท็ก UHF จากระยะไกลมากขึ้น ลดตาม ไมโครเวฟส่วนใหญ่ใช้แท็กในระบบ RFID ที่ใช้งานอยู่ มียาวช่วง และความเร็วข้อมูลสูง แต่พวกเขาค่าใช้จ่าย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาส่วนใหญ่จะใช้รถไฟรถติดตามและคอนเทนเนอร์ที่ติดตาม การคืนเงินคือที่นี่มีมากไวต่อการประสิทธิภาพ degradations เนื่องจากโลหะและของเหลว ส่งไมโครเวฟอื่น ๆ วัสดุ [30]อ่านฟไอปัจจุบันกลายเป็นฝังตัว และในขณะที่ขนาดเล็ก– ขนาดของการ์ดแบบคอมแพคแฟลชมีการขยายงานจากอ่านรหัสเฉพาะ ระยะไกลกำหนดอุณหภูมิของการผลิตภัณฑ์ ทิศทาง ของเงื่อนไขการเดินทาง และความเร็ว ผลกระทบ และการจัดเก็บ และแม้ actuate สวิตช์เชื่อมต่อการแท็ก [31] เมื่อเร็ว ๆ นี้ จะใช้สำหรับระดับสินค้าที่ติดป้ายในฟไอแท็กพาสซีฟนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจประสิทธิภาพ [32]อุปสรรคการยอมรับเทคโนโลยี RFID มากมายประการแรกคือ ต้นทุนสูงของแท็ก อ่าน และภูมิภาครับรองปล่อย RF และไม่มีมาตรฐานที่สอดคล้องกัน และทั่วโลก ผู้ให้บริการของใหม่เครื่องอ่าน RFID พยายามลดเวลาและต้นทุนสำหรับลูกค้าของพวกเขา ตัวอย่าง ThingMagic [31] ให้อินเทอร์เฟซเขียนโปรแกรมประยุกต์ที่สนับสนุนโมดูฟไอและตัวอ่าน RFID สำเร็จรูป บริการ RFใบรับรองสำหรับประเทศต่าง ๆ ปัจจุบัน งานห่วงโซ่อุปทานนำมาตรฐาน EPC ในแบบ UHFความถี่ ซึ่งแตกต่างกันสำหรับอเมริกาเหนือ (902-928 MHz) และยุโรป (868 MHz), ในขณะที่จีน และญี่ปุ่นไม่ให้ส่งในวงนี้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม EPC โลกพยายามเปลี่ยนแปลงสถานะ โดยใช้มาตรฐานสากลสำหรับการระบุเวลาจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตของสิ่ง , การใช้ประโยชน์จากเทคนิคการเชื่อมต่อ เช่น RFID , จำเป็น RFID
เป็นรูปแบบของวัตถุโดยอัตโนมัติ รหัสที่ใช้สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง
อ่านป้ายอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี RFID เริ่มเข้ามาแทนที่เทคโนโลยีบาร์โค้ดมาตรฐาน
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้บาร์โค้ดและ RFID จะควบรวมกับแต่ละอื่น ๆ เครื่องพิมพ์ RFID
ใหม่และสแกนเนอร์สามารถจัดการทั้ง RFID และบาร์โค้ด . [ 29 ] เทคโนโลยี RFID สามารถใช้สำหรับความหลากหลายของ
วัตถุประสงค์ เนื่องจากชิป RFID สามารถใส่ไม่เพียง แต่บนวัสดุ หรือผลิตภัณฑ์ แต่ยังวัตถุทุกวัน ,
สัตว์ หรือคน
แท็ก RFID ใช้งานอยู่ เรื่อยๆ หรือ กึ่งเรื่อยๆ ,ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของอำนาจของพวกเขา แท็กที่ใช้งานได้บนกระดาน
แบตเตอรี่ ในขณะที่แท็ก passive จะขับเคลื่อนจากสัญญาณที่ทำโดยเครื่องอ่าน RFID กึ่งแท็กเรื่อยๆมีแบตเตอรี่เล็กๆ
และพวกเขาจะเปิดใช้งานโดยสัญญาณของเครื่องอ่าน RFID แท็ก RFID ที่ออกอากาศเฉพาะ ID หมายเลขอนุกรม
เรียกว่า รหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ( EPC ) ผ่านวิทยุความถี่ให้ใกล้เคียงเครื่องอ่าน RFID . ระบบ RFID เป็น
ออกแบบมาเพื่อใช้งานในหลายเขตความถี่ เช่น ความถี่ต่ำ ( LF ) ใน 125 kHz ความถี่สูง ( HF )
13,56 MHz ยูเอชเอฟ ( UHF ) ใน 860-960 MHz และ ไมโครเวฟใน 2,45 GHz UHF แท็ก
เหมาะสำหรับห่วงโซ่อุปทานการติดตามการใช้งาน ระบบ RFID UHF สามารถระบุเป็นตัวเลขขนาดใหญ่ของแท็กใน
สนามในเวลาที่กำหนด เนื่องจากพวกเขาสามารถอ่าน UHF แท็กจากระยะไกลมากกว่าการลดการชนกัน แท็กไมโครเวฟ
ส่วนใหญ่ใช้ในระบบ RFID ที่ใช้งานอยู่ พวกเขามีช่วงยาวและความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูง แต่ก็มี
ราคาแพง ด้วยเหตุนี้ , พวกเขาจะใช้เป็นหลักสำหรับทางรถไฟรถยนต์และการติดตามการติดตามตู้คอนเทนเนอร์ ข้อเสียเปรียบคือว่า
สัญญาณไมโครเวฟมีความอ่อนไหวมากที่สุด เพื่อ degradations ประสิทธิภาพเนื่องจากโลหะและวัสดุอื่น ๆของเหลว ของ

[ 30 ]ปัจจุบัน UHF RFID ผู้อ่านได้กลายเป็นที่ฝังตัวและขนาดเล็กและขนาดของบัตรแฟลชขนาดเล็ก , ในขณะที่
การทํางานของพวกเขามีการขยายตัวจากการอ่านรหัสไม่ซ้ำกันจากระยะไกลตรวจสอบอุณหภูมิของ
ผลิตภัณฑ์ , ทิศทางของการเดินทางและความเร็วผลกระทบและสภาวะการเก็บรักษาและแม้กระทั่งการปลุกเร้าสวิตช์เชื่อมต่อ
ที่จะแท็ก [ 31 ] เมื่อเร็วๆ นี้แท็ก UHF RFID ใหม่เรื่อยๆใช้สำหรับรายการระดับการติดแท็กในค้าปลีกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ
[ 32 ] .
อุปสรรคกับการยอมรับกว้างของเทคโนโลยี RFID มีต้นทุนสูงของแท็ก ผู้อ่านและการรับรองภูมิภาค
สำหรับการปล่อย RF และยังขาดความสอดคล้องกันทั่วโลก และมาตรฐานเดียวกัน ผู้ให้บริการของผู้อ่าน RFID ใหม่
พยายามที่จะลดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าของพวกเขาตัวอย่างเช่น thingmagic [ 31 ] มี โปรแกรมที่สนับสนุน UHF RFID ผู้อ่าน RFID และโมเสร็จ มั่นใจรับรอง RF
สำหรับประเทศต่าง ๆ ปัจจุบันการใช้งานโซ่อุปทาน adopt มาตรฐาน EPC ในแถบความถี่ UHF
ซึ่งเป็นที่แตกต่างกันสำหรับทวีปอเมริกาเหนือ ( 902-928 MHz ) และยุโรป ( 868 MHz ) ในขณะที่จีนและ
ญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ส่งข้อมูลในกลุ่มนี้ ในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม , EPC ทั่วโลกพยายามที่จะเปลี่ยนสถานะนี้โดยการใช้มาตรฐานระดับโลกสำหรับ

ตัวจริง เวลา