More than two-thirds of adults in t

More than two-thirds of adults in the United States are overweight or obese, according to the Centers for Disease Control and Prevention. While research suggests that a sedentary lifestyle and genetics play roles in causing obesity, a large body of scientific evidence points toward overeating as the main culprit, the researchers said.

Many people associate exercising with eating more, McFerran said. "Exercise can be a valid way to lose weight if you can hold food intake constant, but many people struggle to do that."

In the new study, McFerran and his colleagues asked 301 people in South Korea ages 15 to 68 whether they believed the main cause of obesity was eating too much, not exercising enough, or genetics.

About half of the participants said that diet was the main cause of obesity, while about 40 percent implicated a lack of exercise. About 8 percent of people blamed genetics.

Those who said diet was the main cause had an average body mass index (BMI) of 21.55, significantly lower than the average BMI of 23.10 among those who said a lack of exercise was obesity's main cause. (A BMI of 25 or higher is considered overweight, and a BMI of more than 30 designates obesity.)

The researchers also found similar trends among residents of the U.S. and France, suggesting that beliefs about obesity and weight loss are cross-cultural.

In another test in the new study, nearly 100 Hong Kong college students were asked to snack on chocolates while they completed a survey. Researchers "primed" the students prior to the survey by reading a passage about either exercise or eating as the main cause of obesity.

The researchers found that students who were primed with an exercise theory of obesity ate significantly more chocolates than students primed with a diet theory.

The findings show that people's beliefs about what causes obesity can influence eating habits, the researchers said.

"Our results echo a lot of medical research that changing one's diet is a much easier way to shave off calories than going to the gym more often," McFerran said. The study was published this month in the journal Psychological Science.

Though the researchers accounted for some factors that could explain the effects on BMI, such as level of education and age, they can't say for sure whether some other factor played a role in the results.

It's also possible that a person's BMI could affect which theory he or she found more plausible. For instance, trying to lose weight by eating less, but not succeeding, could lead someone to put more stock in exercise as the answer to weight loss.

"This study is an example of how detached we have become from what we eat," said Dr. Mitchell Roslin, chief of weight-loss surgery at Lenox Hill Hospital in New York. "We define ourselves by what we do — as writers, doctors, firemen — but we each only have one body. We must start defining ourselves by our health."

But Roslin, who was not involved in the study, said the study's usefulness in practice may be limited. "Psychologists have been trying for years to identify an obese personality that could help with behavioral counseling, but this study doesn't do that," he said. "Obesity is very complex. There is no one personality type.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กว่าสองในสามของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักมากกว่าปกติ หรือ อ้วน ตามศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคและการป้องกัน ในขณะที่งานวิจัยแนะนำว่า ศูนย์พันธุกรรมและชีวิตแย่ ๆ เล่นบทบาทในการก่อให้เกิดโรคอ้วน ร่างกายขนาดใหญ่ของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ไปทาง overeating ว่าหลัก นักวิจัยกล่าวว่า การMcFerran กล่าวว่า หลายคนเชื่อมโยงกายกับการรับประทานอาหารมากขึ้น "ออกกำลังกายได้วิธีการลดน้ำหนักถ้าคุณสามารถเก็บค่าคงการบริโภคอาหาร แต่หลายคนต่อสู้ที่ถูกต้อง"ในการศึกษาใหม่ McFerran และเพื่อนร่วมงานของเขาถาม 301 คนเกาหลีอายุ 15-68 ว่าพวกเขาเชื่อว่า สาเหตุหลักของโรคอ้วนกินมากเกินไป ไม่ออกกำลังกายเพียงพอ หรือพันธุศาสตร์ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมกล่าวว่า อาหารเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วน ในขณะที่ขาดการออกกำลังกายเกี่ยวข้องประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ของคนตำหนิพันธุศาสตร์ผู้ที่กล่าวว่า อาหารเป็นสาเหตุหลักมีค่าเฉลี่ยดัชนีมวลกาย (BMI) ของ 21.55 ต่ำกว่า BMI เฉลี่ยของ 23.10 ในหมู่ผู้ที่กล่าวว่า การขาดการออกกำลังกายเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วน ได้ (BMI 25 หรือสูงกว่าจะถือว่าน้ำหนักเกิน และ BMI มากกว่า 30 กำหนดโรคอ้วน)นักวิจัยยังพบแนวโน้มที่คล้ายกันระหว่างผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส แนะนำความเชื่อเกี่ยวกับโรคอ้วนและน้ำหนักการสูญเสียวัฒนธรรมในการทดสอบอื่นในการศึกษาใหม่ Hong Kong นักเรียนเกือบ 100 ถูกต้องขนมช็อคโกแลตในขณะที่พวกเขาเสร็จสิ้นการสำรวจ นักวิจัย "งเยีย" นักศึกษาก่อนการสำรวจ โดยการอ่านข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการออกกำลังกายหรือกินอาหารเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนนักวิจัยพบว่า นักเรียนที่ถูกงเยียกับทฤษฎีการออกกำลังกายของโรคอ้วนกินช็อกโกแลตมากกว่างเยียกับทฤษฎีอาหารนักเรียนนักวิจัยกล่าวว่า ผลการวิจัยแสดงว่า ความเชื่อของคนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้โรคอ้วนสามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารMcFerran กล่าวว่า "ผลของเราสะท้อนของการวิจัยทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงของอาหารเป็นวิธีง่ายมากโกนออกแคลอรี่มากกว่าไปโรงยิมบ่อย การศึกษาถูกตีพิมพ์เดือนนี้ในสมุดรายวันวิทยาศาสตร์จิตวิทยาแม้ว่านักวิจัยคิดปัจจัยบางอย่างที่สามารถอธิบายผลใน BMI เช่นระดับการศึกษาและอายุ ไม่ว่า แน่นอนว่า ปัจจัยบางบทบาทในผลลัพธ์ก็ยังเป็นไปได้ว่า BMI ของบุคคลอาจมีผลต่อทฤษฎีที่เขาพบเป็นไปได้มากขึ้น ตัวอย่าง พยายามลดน้ำหนัก ด้วยการกินน้อย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจนำคนใส่หุ้นเพิ่มเติมในการออกกำลังกายเป็นคำตอบของการลดน้ำหนัก"การศึกษานี้เป็นตัวอย่างของวิธีหลังเราได้กลายเป็นจากสิ่งที่เรากิน กล่าวว่า ดร. Mitchell Roslin ประธานของน้ำหนักการผ่าตัดที่โรงพยาบาลเขาเลนอกซ์ในนิวยอร์ก "เรากำหนดตัวเอง โดยสิ่งที่เราทำตัวเป็นนักเขียน แพทย์ พนักงานดับเพลิง — แต่เราละจะหนึ่งในร่างกาย เราต้องเริ่มต้นการกำหนดตนเอง โดยสุขภาพของเรา"แต่ว่า Roslin ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ประโยชน์ของการศึกษาในทางปฏิบัติอาจถูกจำกัด "นักจิตวิทยามีการพยายามปีระบุบุคลิกภาพการอ้วนที่อาจช่วยให้คำปรึกษาพฤติกรรม แต่การศึกษานี้ไม่ทำที่ เขากล่าวว่า "โรคอ้วนนั้นซับซ้อนมาก ชนิดของบุคลิกภาพหนึ่งไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มากกว่าสองในสามของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนตามที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ขณะที่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าชีวิตอยู่ประจำและพันธุศาสตร์เล่นบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดโรคอ้วนตัวใหญ่ของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ไปกินมากเกินไปเป็นผู้ร้ายหลักนักวิจัยกล่าวว่า. หลายคนเชื่อมโยงการออกกำลังกายด้วยการรับประทานอาหารมากขึ้น McFerran กล่าวว่า "การออกกำลังกายจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการลดน้ำหนักหากคุณสามารถถือการบริโภคอาหารอย่างต่อเนื่อง แต่หลายคนพยายามที่จะทำอย่างนั้น." ในการศึกษาใหม่, McFerran และเพื่อนร่วมงานของเขาถาม 301 คนในทุกเพศทุกวัยเกาหลีใต้ 15-68 ไม่ว่าพวกเขาเชื่อว่า สาเหตุหลักของโรคอ้วนคือการรับประทานอาหารมากเกินไปไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอหรือพันธุศาสตร์. ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมกล่าวว่าอาหารที่เป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนในขณะที่ประมาณร้อยละ 40 ส่วนเกี่ยวข้องขาดการออกกำลังกาย เกี่ยวกับร้อยละ 8 ของผู้คนตำหนิพันธุศาสตร์. บรรดาผู้ที่กล่าวว่าอาหารที่เป็นสาเหตุหลักที่มีดัชนีมวลกายเฉลี่ย (BMI) 21.55 อย่างมีนัยสำคัญต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีมวลกาย 23.10 ในหมู่ผู้ที่กล่าวว่าขาดการออกกำลังกายเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนของ (ดัชนีมวลกาย 25 หรือสูงกว่าถือว่าเป็นน้ำหนักเกินและค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30 กำหนดให้โรคอ้วน.) นักวิจัยยังพบแนวโน้มที่คล้ายกันในหมู่ประชาชนของสหรัฐและฝรั่งเศสบอกว่าความเชื่อเกี่ยวกับโรคอ้วนและการสูญเสียน้ำหนักจะข้ามวัฒนธรรม. ใน การทดสอบอื่นในการศึกษาใหม่เกือบ 100 ฮ่องกงนักศึกษาถูกถามที่ว่างในช็อคโกแลตในขณะที่พวกเขาเสร็จสิ้นการสำรวจ นักวิจัย "ทำสีพื้น" นักเรียนก่อนที่จะมีการสำรวจโดยการอ่านเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่เป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วน. นักวิจัยพบว่านักเรียนที่ถูกครอบงำด้วยทฤษฎีการออกกำลังกายของโรคอ้วนกินช็อคโกแลตอย่างมีนัยสำคัญมากกว่านักเรียนครอบงำด้วยการรับประทานอาหาร ทฤษฎี. ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าความเชื่อของผู้คนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วนสามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการกินนักวิจัยกล่าวว่า. "ผลของเราสะท้อนมากของการวิจัยทางการแพทย์ว่าการเปลี่ยนอาหารของคนเป็นวิธีที่ง่ายมากที่จะโกนแคลอรี่กว่าจะไปออกกำลังกายบ่อยขึ้น "McFerran กล่าวว่า ศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนนี้ในวารสารวิทยาศาสตร์ทางจิตวิทยา. แม้ว่านักวิจัยคิดเป็นปัจจัยบางอย่างที่สามารถอธิบายผลกระทบต่อค่าดัชนีมวลกายเช่นระดับการศึกษาและอายุพวกเขาไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นปัจจัยอื่น ๆ มีบทบาทในการ ผล. นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าค่าดัชนีมวลกายของบุคคลที่อาจมีผลต่อทฤษฎีที่เขาหรือเธอก็พบว่าเป็นไปได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการพยายามที่จะลดน้ำหนักโดยการรับประทานอาหารน้อยลง แต่ไม่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่คนที่จะนำหุ้นมากขึ้นในการออกกำลังกายเป็นคำตอบที่จะสูญเสียน้ำหนัก. "การศึกษาครั้งนี้เป็นตัวอย่างของวิธีเดี่ยวเราได้กลายเป็นจากสิ่งที่เรากิน" กล่าวว่า ดร. มิทเชลล์โรสลินหัวหน้าของการผ่าตัดลดน้ำหนักที่โรงพยาบาลเลน็อกซ์ฮิลล์ในนิวยอร์ก "เรากำหนดตัวเราเองด้วยสิ่งที่เราทำ - เป็นนักเขียน, แพทย์, เจ้าหน้าที่ดับเพลิง - แต่เราแต่ละคนมีเพียงหนึ่งของร่างกายเราจะต้องเริ่มต้นการกำหนดตัวเองโดยสุขภาพของเรา.." แต่โรสลินที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการศึกษากล่าวว่าประโยชน์ของการศึกษาใน การปฏิบัติที่อาจจะมี จำกัด "นักจิตวิทยาได้พยายามมานานหลายปีในการระบุบุคลิกภาพเป็นโรคอ้วนที่จะช่วยให้คำปรึกษากับพฤติกรรม แต่การศึกษานี้ไม่ได้ทำอย่างนั้น" เขากล่าวว่า "โรคอ้วนเป็นที่ซับซ้อนมาก. ไม่มีบุคคลประเภทหนึ่งคือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มากกว่าสองในสามของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักเกินหรืออ้วน ตามที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ในขณะที่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิต sedentary และพันธุศาสตร์เล่นบทบาทในการก่อให้เกิดโรคอ้วน ขนาดใหญ่ ร่างกายของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อจุด overeating เป็นผู้ร้ายหลัก , นักวิจัยกล่าวว่า .

หลายคนเชื่อมโยงการออกกำลังกายกับการรับประทานอาหารมากขึ้นmcferran กล่าว ออกกำลังกายสามารถเป็นวิธีที่ถูกต้องที่จะลดน้ำหนักหากคุณสามารถเก็บอาหารที่บริโภคคงที่ แต่หลายคนที่ดิ้นรนทำแบบนั้น "

ใหม่ในการศึกษา mcferran และเพื่อนร่วมงานของเขาถาม 301 คน ในเกาหลีใต้ อายุ 15 68 ไม่ว่าพวกเขาเชื่อว่าสาเหตุหลักของโรคอ้วนคือการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอ

หรือพันธุศาสตร์ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมกล่าวว่าอาหารเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วนในขณะที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เช่น ขาดการออกกำลังกาย ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ตำหนิพันธุศาสตร์

ผู้ที่กล่าวว่าอาหารเป็นสาเหตุหลักเฉลี่ยดัชนีมวลกาย ( BMI ) ของกำไรสุทธิลดลงกว่าค่าเฉลี่ย , ค่าดัชนีมวลกายของ 23.10 ในหมู่ผู้ที่กล่าวว่า การขาดการออกกำลังกาย คือสาเหตุหลักของโรคอ้วน .( BMI 25 ขึ้นไปถือว่าอ้วน และ BMI มากกว่า 30 แสดงว่าโรคอ้วน )

นักวิจัยยังพบแนวโน้มที่คล้ายกันในประชาชนของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส บอกว่า ความเชื่อเกี่ยวกับโรคอ้วนและน้ำหนักจะข้ามวัฒนธรรม

ในการทดสอบอื่นในการศึกษาใหม่เกือบ 100 ฮ่องกงวิทยาลัย ให้นักเรียนกินช็อคโกแลตในขณะที่เขาเสร็จสิ้นการสํารวจนักวิจัย " สั่งการ " นักเรียนก่อนการสำรวจ โดยการอ่านข้อความเรื่องให้ออกกำลังกาย หรือกินเป็นสาเหตุหลักของโรคอ้วน .

นักวิจัย พบว่า นักเรียนที่เป็น primed กับการออกกำลังกายทฤษฎีของโรคอ้วนกินช็อคโกแลตมากขึ้นกว่านักเรียนพร้อมกับอาหาร . .

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อของประชาชนเกี่ยวกับ อะไรเป็นสาเหตุของโรคอ้วนสามารถมีอิทธิพลต่อนิสัยการรับประทานอาหาร ,นักวิจัยกล่าวว่า

" ผลของเราสะท้อนมากของการวิจัยทางการแพทย์ว่า การเปลี่ยนแปลงของอาหารเป็นวิธีที่ง่ายมากที่จะโกนแคลอรีมากกว่าไปที่โรงยิมบ่อยๆ " mcferran กล่าว การศึกษาถูกตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์จิตวิทยาเดือนนี้

แม้ว่านักวิจัยคิดเป็นปัจจัยบางประการที่ไม่สามารถอธิบายต่อมวล เช่น ระดับการศึกษา และอายุพวกเขาไม่สามารถพูดได้ว่ามีปัจจัยอื่น ๆมีบทบาทในผล

เป็นไปได้ว่า BMI ของบุคคลจะมีผลต่อทฤษฎีไหนเขาหรือเธอพบที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ตัวอย่างเช่นพยายามที่จะลดน้ำหนักโดยการรับประทานน้อย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ใครบางคนต้องใส่หุ้นมากขึ้นในการออกกำลังกายเป็นคำตอบของการสูญเสียน้ำหนัก .