Overall, this study reveals the vas

Overall, this study reveals the vast majority of Facebook users believe both Facebook
the company and the user have an almost equal obligation to protect users’ information on
Facebook. This finding shows users expect Facebook to protect their information. However
they do not trust them with their information. Trust’s traditional orientation as focusing
on an ‘expectation of goodwill’ (Koehn, 2003: 7) is therefore not refl ective in a social
networking context. Facebook users do not believe Facebook the company has their best
interests at heart but believe they have a duty to provide control mechanisms to protect
online users to a certain extent. This view is supported by Hoadley et al. (2010) who found
that by providing protective controls to Facebook users their privacy concerns relating to
new features were largely alleviated. Facebook users equally have a duty to fully utilise
these control mechanisms. Perhaps trust is less likely to be a deciding factor within a
social networking context, thus supporting Wang and Emurian (2005) who believe trust
is context specific, and what may exist instead is the need for a partnership with shared
responsibility.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยรวม การศึกษานี้พบทั้ง Facebook เชื่อว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebookบริษัทและผู้ใช้ที่มีเกือบเท่าการป้องกันข้อมูลของผู้ใช้ในFacebook ค้นหานี้แสดงผู้ใช้คาดว่า Facebook จะปกป้องข้อมูลของพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เชื่อถือให้กับข้อมูลของตน ความน่าเชื่อถือของแนวดั้งเดิมเป็นการเน้นในการ 'ความสูง' (Koehn, 2003:7) จึงไม่ ective refl ในสังคมเป็นบริบทระบบเครือข่าย ไม่เชื่อผู้ใช้ Facebook Facebook บริษัทมีส่วนของพวกเขาสนใจที่พัก แต่เชื่อว่า พวกเขามีหน้าที่ให้ควบคุมกลไกในการป้องกันผู้ใช้ออนไลน์ขอบแบบบางเขต มุมมองนี้สนับสนุนโดย Hoadley et al. (2010) ที่พบโดยให้ความกังวลความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการควบคุมป้องกันให้ผู้ใช้ Facebookส่วนใหญ่มี alleviated คุณลักษณะใหม่ ผู้ใช้ Facebook มีหน้าที่ใช้อย่างเท่าเทียมกันกลไกนี้ควบคุม บางทีความน่าเชื่อถือจะน้อยเป็นปัจจัย deciding ภายในการบริบทระบบเครือข่ายสังคม สนับสนุนวังและ Emurian (2005) ที่เชื่อว่าความน่าเชื่อถือดังนั้นบริบทเฉพาะ และอะไรอาจมีอยู่แต่ ต้องการความร่วมมือกับใช้ร่วมกันความรับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยรวม, การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook เชื่อว่าทั้ง Facebook
บริษัท และผู้มีหน้าที่เกือบเท่ากับการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ใน
Facebook การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้คาดหวัง Facebook เพื่อปกป้องข้อมูลของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ไว้วางใจพวกเขามีข้อมูลของพวกเขา
การวางแนวทางดั้งเดิมของความไว้วางใจเป็นมุ่งเน้นในความคาดหวังของค่าความนิยม (Koehn 2003: 7) ดังนั้นจึงไม่ refl ective ในสังคมบริบทเครือข่าย ผู้ใช้ Facebook ไม่เชื่อว่า Facebook ของ บริษัท มีที่ดีที่สุดของพวกเขามีความสนใจที่หัวใจแต่เชื่อว่าพวกเขามีหน้าที่ที่จะให้กลไกการควบคุมเพื่อปกป้องผู้ใช้ออนไลน์ในระดับหนึ่ง มุมมองนี้จะได้รับการสนับสนุนโดย Hoadley et al, (2010) ที่พบว่าโดยการให้การควบคุมป้องกันเพื่อผู้ใช้Facebook ของพวกเขาละเมิดความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติใหม่ที่ได้รับการบรรเทาส่วนใหญ่ ผู้ใช้ Facebook อย่างเท่าเทียมกันมีหน้าที่ที่จะต้องใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่กลไกการควบคุมเหล่านี้ บางทีความไว้วางใจเป็นโอกาสน้อยที่จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจภายในบริบทของเครือข่ายทางสังคมจึงสนับสนุนวังและ Emurian (2005) ที่เชื่อความไว้วางใจเป็นบริบทที่เฉพาะเจาะจงและสิ่งที่อาจมีอยู่แทนความจำเป็นสำหรับความร่วมมือกับที่ใช้ร่วมกันที่รับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยการศึกษานี้พบว่าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook เชื่อว่าทั้ง Facebook
บริษัทและผู้ใช้มีภาระเกือบเท่ากับปกป้องข้อมูลผู้ใช้ '
Facebook การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ Facebook เพื่อปกป้องข้อมูลของพวกเขา อย่างไรก็ตาม
พวกเขาไม่ไว้วางใจให้กับลูกค้า ความน่าเชื่อถือของแบบดั้งเดิมที่เน้นการ
บนความคาดหวังของค่าความนิยม ( Koehn2545 : 7 ) ดังนั้นจึงไม่ refl ective ในสังคม
เครือข่ายบริบท ผู้ใช้ Facebook ไม่เชื่อว่า Facebook บริษัท มีความสนใจที่ดีที่สุดของพวกเขาที่หัวใจ
แต่เชื่อว่าพวกเขาได้รับหน้าที่ให้กลไกการควบคุมเพื่อป้องกัน
ผู้ใช้ออนไลน์เพื่อบางขอบเขต . มุมมองนี้ได้รับการสนับสนุนโดยโฮดลีย์ et al . ( 2010 ) ที่พบ
โดยการให้การควบคุมป้องกันผู้ใช้ Facebook ความเป็นส่วนตัวของพวกเขากังวลเกี่ยวกับ
คุณสมบัติใหม่ส่วนใหญ่มีปัญหา . ผู้ใช้ Facebook กันต้องใช้
อย่างเต็มที่การควบคุมกลไกเหล่านี้ บางที เชื่อเป็นโอกาสน้อยที่จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจภายใน
บริบทเครือข่ายทางสังคมจึงสนับสนุนวังและ emurian ( 2005 ) ที่เชื่อวางใจ
เป็นบริบทที่เฉพาะเจาะจงและสิ่งที่อาจมีอยู่แทนจะต้องจับคู่กับความรับผิดชอบร่วมกัน