Regime type aside, the findings on

Regime type aside, the findings on electoral and party systems are weak or
contrary to expectations. The extent of political competition has no significant
relationship with growth or inflationary crises, though it does have a small affect on
the predicted probability of a fiscal crisis. As shown in Table 3, as the gap between
the vote shares of the top two parties goes from low (1%) to high (57%), the
likelihood of a fiscal crisis rises from 1% to 5%. Similarly, the indicator for
executive strength only has a statistically significant relationship with fiscal crises,
albeit in a manner contrary to expectations. Increasing the power of the chief
executive from low to high increases the predicted probability of a fiscal crisis from
8% to 16%.15 These results suggest that the checks and balances associated with
electoral competition and strong legislatures, rather than power concentrated in
dominant parties or executives, provide safeguards against fiscal crises

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบอบการปกครองเฉย ชนิดที่พบในการเลือกตั้ง และระบบพรรคจะอ่อนแอ หรือตรงกันข้ามกับความคาดหวัง ขอบเขตของการแข่งขันทางการเมืองได้ไม่สำคัญความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตหรือวิกฤตเงินเฟ้อ แม้ว่าจะมีผลขนาดเล็กน่าเป็นที่คาดการณ์ของวิกฤตทางการเงิน ดังแสดงในตาราง 3 เป็นช่องว่างระหว่างหุ้นลงคะแนนเสียงอันดับสองฝ่ายไปจากต่ำ (1%) สูง (57%), การโอกาสของวิกฤตทางการเงินเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5% ในทำนองเดียวกัน ตัวบ่งชี้สำหรับความแข็งแกร่งผู้บริหารมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับวิกฤตทางการเงินแม้ว่าอยู่ในลักษณะขัดกับความคาดหวัง เพิ่มอำนาจของหัวหน้าผู้บริหารจากต่ำไปสูงเพิ่มความน่าเป็นที่คาดการณ์ของวิกฤตทางการเงินจาก8% 16% .15 ผลลัพธ์เหล่านี้แนะนำว่า การตรวจสอบและยอดดุลเกี่ยวข้องกับแข่งขันเลือกตั้ง และ legislatures แข็งแรง มากกว่าพลังงานที่เข้มข้นในฝ่ายหลักหรือผู้บริหาร ป้องกันจากวิกฤตทางการเงินให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบอบการปกครองพิมพ์กันผลการวิจัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งและบุคคลที่อ่อนแอหรือขัดกับความคาดหวัง ขอบเขตของการแข่งขันทางการเมืองที่มีนัยสำคัญไม่มีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตหรือวิกฤตเงินเฟ้อแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กส่งผลกระทบต่อความน่าจะเป็นที่คาดการณ์ของวิกฤตทางการเงิน ดังแสดงในตารางที่ 3 เป็นช่องว่างระหว่างผู้ถือหุ้นออกเสียงลงคะแนนในด้านบนทั้งสองฝ่ายไปจากต่ำ(1%) จะสูง (57%) ที่น่าจะเป็นของวิกฤตการคลังเพิ่มขึ้นจาก1% ถึง 5% ในทำนองเดียวกันตัวบ่งชี้สำหรับความแข็งแรงของผู้บริหารเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับวิกฤตการคลังแม้ว่าในทางตรงกันข้ามลักษณะที่จะคาดหวัง การเพิ่มอำนาจของหัวหน้าผู้บริหารจากต่ำไปสูงเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นที่คาดการณ์ของวิกฤตทางการเงินจาก8% เป็น 16% 0.15 ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการตรวจสอบและถ่วงดุลที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันเลือกตั้งและ legislatures ที่แข็งแกร่งมากกว่าพลังงานความเข้มข้นในบุคคลที่โดดเด่นหรือผู้บริหารให้การป้องกันการวิกฤตการณ์ทางการคลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบอบการปกครองแบบเฉย ผลการวิจัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งและพรรคอ่อนแอหรือ
ขัดกับความคาดหวัง ขอบเขตของการแข่งขันทางการเมืองมีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตไม่แตกต่างกัน
หรือเงินเฟ้อวิกฤต แม้ว่ามันจะมีผลกระทบต่อเล็ก
ทำนายความน่าจะเป็นของวิกฤตเศรษฐกิจ ดังแสดงในตารางที่ 3 เป็นช่องว่างระหว่าง
โหวตหุ้นของด้านบน 2 ฝ่ายไปจากต่ำ ( 1% ) สูง ( ร้อยละ 57 ) ,
โอกาสในวิกฤตทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5% ส่วนดัชนีความแข็งแรงเท่านั้น
ผู้บริหารมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับวิกฤตการคลัง
แม้ว่าในลักษณะที่ขัดแย้งกับความคาดหวัง เพิ่มอำนาจของหัวหน้า
ผู้บริหารจากต่ำขึ้นสูงคาดการณ์ความน่าจะเป็นของวิกฤตทางการเงินจาก
8 % ถึง 16 % 15 ผลลัพธ์เหล่านี้ขอแนะนำให้ตรวจสอบและยอดคงเหลือที่เกี่ยวข้องกับ
การแข่งขันการเลือกตั้งและ legislatures แข็งแรงมากกว่าพลังเข้มข้น
บุคคลเด่นหรือผู้บริหาร ให้การป้องกันกับวิกฤตการคลัง