Clinical Nursing Implications This

Clinical Nursing Implications
This qualitative study identifies the need for education about anticipatory guidance and visit by age 1 (AAPD, 2009). Primary HCPs have the opportunity to examine an infant several times within the critical first year of life, prior to the establishment of a dental home. During this first year, family patterns and habits will be set. Although the dentist will see the child regularly starting at the age of 1, these primary HCPs have numerous well-child checks, in addition to sick visits, where they have regular contact and valuable teaching time with that parent and child prior to that first birthday.
All of the mothers in the study reported keeping their child in bed with them for most, if not all, of the night. Numerous studies show that when a child is in the bed with the mother, breastfeeding occurs more frequently than if the mother had to get up to feed the child in his own room (Blair, Heron, & Fleming 2010; McKenna et al., 1997). Breastfeeding episodes tend to be frequent throughout the night with co-sleeping as reported by the mothers in our study. This frequency of exposure to human milk leads to a repeated drop in the child’s mouth pH into the danger Zone of the Stephan curve, potentially increasing the risk of dental caries. Although the true cariogenicity, or cavity-causing ability, of human milk is low, this frequent drop in pH caused by night feeding complicates the situation. For example, children who breastfeed at night and have teeth often consume other fermentable carbohydrates throughout the day, similar to other children their age who have teeth that are not breastfed or even bottle fed. These carbohydrates are found in many foods such as fruit, crackers, pretzels, puffs, candy, bread, flavored milk, and juice to name a few, and these carbohydrates will get incorporated into the plaque on the child’s teeth throughout the day. If this plaque is not properly brushed or flossed off of the teeth prior to bedtime, it becomes a feast for the cavity-causing bacteria in the mouth to cause cavities once the pH of the mouth drops again. Although the cariogenicity of human milk alone is found to be low from study to study, plaque from solid foods together with frequent and prolonged exposure to human milk complicates the analysis of caries risk (Weerheijm et al., 1998). Human milk alone may not be implicated in forming caries, but human milk in the presence of a carbohydrate-laden plaque does increase a child’s caries risk (Weerheijm et al.). If a toddler who has plaque on their teeth from eating through the day is exposed repeatedly to human milk, a drop in pH in the mouth occurs. This frequent drop throughout the night helps the pH of the mouth to linger in that low pH danger Zone where the enamel of teeth starts to break down in the presence of cavity-causing bacteria and carbohydrates that have been left on the teeth from the day.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลของการพยาบาลทางคลินิก การศึกษาเชิงคุณภาพนี้ระบุต้องการศึกษาเกี่ยวกับ anticipatory คำแนะนำและเยี่ยมชมตามอายุ 1 (AAPD, 2009) HCPs หลักมีโอกาสตรวจสอบทารกหลายครั้งภายในที่สำคัญในปีแรกของชีวิต ก่อนก่อตั้งบ้านทันตกรรม ในช่วงปีแรกนี้ รูปแบบครอบครัวและนิสัยจะสามารถตั้งค่า แม้ว่าหมอฟันจะเห็นเด็กเป็นประจำราคาเริ่มต้นที่อายุ 1, HCPs หลักเหล่านี้ได้มากมายเด็กดีเช็ค นอกจากนี้ป่วยเข้าชม ที่จะมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอและเวลาสอนดีกับหลักและรองก่อนวันเกิดที่ครั้งแรกที่ ของมารดาในการศึกษารายงานการรักษาเด็กของพวกเขาในเตียงกับพวกเขา ในที่สุด ถ้า ไม่ทั้งหมด ของ การศึกษาจำนวนมากแสดงว่า เมื่อเด็กอยู่ในนอนกับแม่ เลี้ยงลูกด้วยนมเกิดขึ้นบ่อย ๆ มากกว่าถ้าแม่ได้รับค่าเลี้ยงลูกในห้องของเขาเอง (แบลร์ เฮรอน และเฟลมิง 2010 McKenna ร้อยเอ็ด al., 1997) ตอนเลี้ยงลูกด้วยนมมักจะ เป็นบ่อย ๆ ตลอดทั้งคืนนอนร่วมรายงานของมารดาในการศึกษาของเรา นี้ความถี่ของการสัมผัสกับน้ำนมมนุษย์นำไปวางซ้ำใน pH ปากของเด็กเป็นอันตรายโซนโค้ง Stephan อาจเพิ่มความเสี่ยงของฟันผุ แม้ว่า cariogenicity จริง หรือช่องที่ทำให้เกิดความสามารถ นมมนุษย์ต่ำ ลดลงค่า pH ที่เกิดจากอาหารคืนนี้บ่อย complicates สถานการณ์ เด็กตัวอย่าง ที่ให้นมลูกในตอนกลางคืน และมีฟันที่มักจะใช้คาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ fermentable ตลอดวัน เช่นเดียวกับเด็กอื่น ๆ ของอายุที่มีฟันที่ไม่ breastfed หรือแม้แต่ขวดเลี้ยง คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้จะพบได้ในอาหารในผลไม้ เนื้อ pretzels, puffs ลูกกวาด ขนมปัง นม flavored และน้ำชื่อคาร์โบไฮเดรตกี่ และเหล่านี้จะได้รับการรวมเข้าไปในหินปูนบนฟันของเด็กตลอดทั้งวัน ถ้าเป็นทาสี หรือ flossed ออกจากฟันก่อนนอนหินปูนนี้ไม่ถูกต้อง มันกลายเป็นงานฉลองสำหรับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโพรงในปากทำให้เกิดฟันผุเมื่อ pH ของปากหยดอีก ถึงแม้ว่าพบ cariogenicity นมเพียงอย่างเดียวมนุษย์จะต่ำจากการศึกษาการศึกษา หินปูนจากอาหารแข็งพร้อมสัมผัสมนุษย์นมบ่อย และนาน complicates การวิเคราะห์ความเสี่ยงการผุ (Weerheijm et al., 1998) น้ำนมมนุษย์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เกี่ยวข้องในการขึ้นรูปผุ แต่นมมนุษย์ในต่อหน้าของหินปูนที่รับภาระคาร์โบไฮเดรตเพิ่มเด็กผุความเสี่ยง (Weerheijm et al.) ถ้าเด็กที่หัดเดินแบบที่มีหินปูนบนฟันของพวกเขาจากการรับประทานอาหารผ่านวัน สัมผัสซ้ำ ๆ กับนมมนุษย์ ใน pH ในปากเกิดขึ้น หล่นบ่อยนี้ตลอดทั้งคืนช่วย pH ไปที่ pH ต่ำอันตรายโซนที่แบ่งในต่อหน้าของช่องที่ทำให้เกิดแบคทีเรียและคาร์โบไฮเดรตที่มีด้านซ้ายบนฟันจากวัน เริ่มเคลือบฟันของฟันในปาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลกระทบทางคลินิกการพยาบาลการศึกษาเชิงคุณภาพนี้จะระบุความจำเป็นในการศึกษาเกี่ยวกับคำแนะนำที่มุ่งหวังและการเยี่ยมชมตามอายุที่ 1 (AAPD 2009)
HCPs ประถมศึกษามีโอกาสที่จะตรวจสอบทารกหลายครั้งภายในปีแรกที่สำคัญของชีวิตก่อนที่จะมีการจัดตั้งบ้านทันตกรรม ในช่วงปีแรกนี้รูปแบบครอบครัวและนิสัยจะถูกตั้งค่า แม้ว่าทันตแพทย์จะเห็นลูกเป็นประจำเริ่มต้นที่อายุ 1, HCPs หลักเหล่านี้มีจำนวนมากการตรวจสอบเด็กดีนอกเหนือไปจากการเข้าชมป่วยที่พวกเขามีการติดต่อและเวลาการเรียนการสอนที่มีคุณค่ากับผู้ปกครองและเด็กก่อนที่จะวันเกิดครั้งแรก .
ทั้งหมดของมารดาในการศึกษารายงานการรักษาเด็กของพวกเขาอยู่บนเตียงกับพวกเขามากที่สุดหากไม่ได้ทั้งหมดของคืน การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กอยู่ในเตียงกับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นกว่าถ้าแม่จะต้องได้รับการขึ้นที่จะเลี้ยงเด็กในห้องพักของตัวเอง (แบลร์นกกระสาและเฟลมมิ่ง 2010. McKenna et al, 1997 ) ตอนที่เลี้ยงลูกด้วยนมมีแนวโน้มที่จะบ่อยตลอดทั้งคืนร่วมกับการนอนหลับตามการรายงานของมารดาในการศึกษาของเรา ความถี่ของการสัมผัสกับนมมนุษย์นี้นำไปสู่การลดลงของค่า pH ซ้ำในปากของเด็กเข้าไปในโซนอันตรายของเส้นโค้งสเตฟานอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคฟันผุ แม้ว่า cariogenicity จริงหรือความสามารถในโพรงที่ก่อให้เกิดของนมของมนุษย์อยู่ในระดับต่ำนี้ลดลงบ่อยในค่า pH ที่เกิดจากการให้อาหารคืนความซับซ้อนสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่นเด็กที่เลี้ยงลูกด้วยนมในเวลากลางคืนและมีฟันมักจะกินคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยอื่น ๆ ตลอดทั้งวันเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ อายุของพวกเขาที่มีฟันที่ไม่ได้กินนมแม่หรือแม้กระทั่งขวดที่เลี้ยง คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้จะพบในอาหารหลายชนิดเช่นผลไม้, ขนมปังกรอบ, เพรทเซิลพัฟ, ขนม, ขนมปังนมรสและน้ำผลไม้เพื่อชื่อไม่กี่และคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้จะได้รับการรวมอยู่ในคราบจุลินทรีย์บนฟันของเด็กตลอดทั้งวัน ถ้าคราบจุลินทรีย์นี้จะไม่ถูกต้องหรือแปรง flossed ออกจากฟันก่อนนอนมันจะกลายเป็นงานฉลองสำหรับช่องที่ก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียในปากจะทำให้เกิดฟันผุครั้งเดียวค่า pH ของปากลดลงอีกครั้งที่ แม้ว่า cariogenicity นมของมนุษย์เพียงอย่างเดียวพบว่าอยู่ในระดับต่ำจากการศึกษาเพื่อการศึกษาโล่จากอาหารที่เป็นของแข็งที่มีความเสี่ยงร่วมกันบ่อยครั้งและเป็นเวลานานถึงนมมนุษย์มีความซับซ้อนการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคฟันผุ (Weerheijm et al., 1998) นมมนุษย์เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างฟันผุ แต่นมของมนุษย์ในการปรากฏตัวของคราบจุลินทรีย์คาร์โบไฮเดรตภาระที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคฟันผุของเด็ก (Weerheijm et al.) ถ้าเด็กวัยหัดเดินที่มีคราบจุลินทรีย์บนฟันของพวกเขาจากการรับประทานอาหารตลอดทั้งวันมีการสัมผัสซ้ำ ๆ เพื่อนมของมนุษย์ลดลงในค่า pH ในปากเกิดขึ้น นี้ลดลงบ่อยตลอดทั้งคืนจะช่วยให้ค่า pH ของปากเพื่ออิทธิพลในเขตอันตรายค่า pH ต่ำที่ที่เคลือบฟันของฟันเริ่มที่จะทำลายลงในการปรากฏตัวของโพรงที่ก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและคาร์โบไฮเดรตที่จะถูกทิ้งไว้บนฟันจากวันที่