AS HEAD OF KING BHUMIBOL'S PRIVY CO

AS HEAD OF KING BHUMIBOL'S PRIVY COUNCIL

General Prem became a member of late King Bhumibol’s Privy Council when he stepped down from the premiership in 1988. A decade later, he became the Privy Council’s president.

As the head of the powerful Privy Council, he is known for his fight against corruption. But he has also been accused by critics of interfering in politics, particularly in the period leading up to and after the 2006 military coup. This accusation had been denied by the government of the time.

“I think General Prem was good at coordinating relations that allow democracy to flourished in the late 1990s to 2006,” said Sutachai.
“Prem has become powerful over the years as president of the Privy Council”, said Thitinan. “He is seen by others and himself as a counterweight to corrupt politicians. He also sees himself as a guardian, a steward of the Thai political order that was built from the Cold War.

"This is his overall role and now I think he is in his final role, playing as a Regent during the transitional period.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็นหัวหน้าของสภาองคมนตรีของพระองค์ทั่วไปเปรมกลายเป็น สมาชิกของปลายคิง Bhumibol องคมนตรีเมื่อเขาก้าวลงจากตำแหน่งนายกที่ 1988 ทศวรรษต่อมา เขาได้กลายเป็นประธานของสภาองคมนตรี เป็นประธานองคมนตรีมีประสิทธิภาพ เขาเป็นที่รู้จักสำหรับเขาต่อสู้กับการทุจริต แต่เขาได้รับคดี โดยนักวิจารณ์ของการแทรกแซงในการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรอบระยะเวลาที่นำไปสู่ และ หลังทหารทำ ข้อกล่าวหานี้ถูกปฏิเสธ โดยรัฐบาลของเวลา"ดิฉันคิดว่า ทั่วไปเปรมดีที่ประสานความสัมพันธ์ที่ทำให้ประชาธิปไตยเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในปลายปี 1990 ถึง 2006," Sutachai กล่าว"เปรมได้กลายเป็นมีประสิทธิภาพกว่าปีเป็นประธานองคมนตรี" ฐิตินันท์กล่าวว่า "เขาถูกมองว่า โดยตัวเองและผู้อื่นเป็นการถ่วงให้สินบนนักการเมือง เขายังเห็นตัวเองเป็นผู้ปกครอง ผู้ดูแลของใบสั่งการเมืองไทยที่สร้างขึ้นจากสงครามเย็น"นี่คือบทบาทโดยรวมของเขา และตอนนี้ผมคิดว่า เขาเป็นในบทบาทสุดท้ายของเขา เล่นเป็นรีเจนท์ในระหว่างช่วงเวลา"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นหัวหน้าของ KING ภูมิพลคณะองคมนตรี

พลเอกเปรมเป็นสมาชิกของปลายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลคณะองคมนตรีเมื่อเขาก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 1988 ทศวรรษต่อมาเขากลายเป็นประธานาธิบดีองคมนตรีสภา.

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของที่มีประสิทธิภาพคณะองคมนตรีที่เขาเป็น ที่รู้จักกันสำหรับการต่อสู้กับการทุจริต แต่เขาก็ยังได้รับการกล่าวหาจากนักวิจารณ์แทรกแซงในการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่นำไปสู่และหลังปี 2006 ทหารทำรัฐประหาร ข้อกล่าวหานี้ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลของเวลา.

"ผมคิดว่าพลเอกเปรมเป็นสิ่งที่ดีในการประสานงานความสัมพันธ์ที่ช่วยให้ประชาธิปไตยเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในปลายปี 1990 ถึงปี 2006" Sutachai กล่าวว่า.
"เปรมได้กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปีที่เป็นประธานของ องคมนตรี "ฐิตินันท์กล่าวว่า "เขาเป็นเห็นคนอื่นและตัวเองเป็นปึกแผ่นให้กับนักการเมืองเสียหาย นอกจากนี้เขายังมองว่าตัวเองเป็นผู้ปกครองเป็นสจ๊วตของการสั่งซื้อทางการเมืองไทยที่ถูกสร้างขึ้นจากสงครามเย็น.

"นี่คือบทบาทโดยรวมของเขาและตอนนี้ฉันคิดว่าเขาเป็นในบทบาทสุดท้ายของเขาเล่นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านได้."

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นหัวของกษัตริย์ภูมิพล คณะองคมนตรีพล.อ. เปรม กลายเป็นสมาชิกของกษัตริย์ภูมิพล เป็นองคมนตรี เมื่อเขาก้าวลงจากนายกรัฐมนตรีในปี 1988 สิบปีต่อมา เขาได้เป็นองคมนตรี เป็นประธานเป็นประธานองคมนตรีที่มีประสิทธิภาพ เขาเป็นที่รู้จักสำหรับเขาต่อสู้กับการทุจริต แต่เขาก็ถูกกล่าวหาจากนักวิจารณ์ของแทรกแซงการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นำขึ้นไปและหลัง 2006 รัฐประหาร . ข้อหานี้ถูกปฏิเสธโดยรัฐบาลของเวลา" ฉันว่า พลเอกเปรม คือ ดี ที่ ประสานงาน ประชาสัมพันธ์ ที่ช่วยให้ชาติเจริญรุ่งเรืองในปลายปี 1990 ถึงปี 2006 กล่าวว่า " sutachai ." เปรมได้กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพกว่าปีเป็นประธานสภาองคมนตรี " ฐิตินันท์ กล่าว . " เขาเห็นผู้อื่นและตัวเองเป็นตัวถ่วง นักการเมืองทุจริต นอกจากนี้เขายังเห็นตัวเองเป็นผู้ปกครอง เป็นสจ๊วตของใบสั่งทางการเมืองไทยที่ถูกสร้างขึ้นจากสงครามเย็น" นี่เป็นบทบาทโดยรวมของเขา และตอนนี้ ฉันคิดว่าเขาอยู่ในบทบาทของเขาสุดท้ายเล่นเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน”