การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (2) เพื่อศึกาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท
ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (4) เพื่อศึกษาสภาพปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัดโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป หาค่าร้อยละ (Percentage) หาค่าเฉลี่ย (Mean) หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติ t-test สถิติ One-way ANOVA และการวิเคราะห์ถดถอยอย่างง่ายที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลกการวิจัยสรุปได้ดังนี้ จากกลุ่มตัวอย่างพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 109 คน คิดเป็นร้อยละ 70.8
อายุอยู่ในช่วง 35 – 49 ปี จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 48.7 สถานภาพสมรสแล้ว จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 63.0 ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 114 คน คิดเป็นร้อยละ 74.0 อัตราเงินเดือนที่ได้รับคือ 10,001 – 20,000 บาท จำนวน 103 คน คิดเป็นร้อยละ66.9 ระยะเวลาในการปฏิบัติงานคือ 10 ปีขึ้นไป จำนวน 93 คน คิดเป็นร้อยละ 60.4 ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางมีค่าเฉลี่ย 3.39 โดยด้านด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3.63 รองลงมาคือด้านด้านลักษณะงานมีค่าเฉลี่ย 3.60 และด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงานมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3.08 ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 3.92 โดยด้านด้านความสำเร็จในการปฎิบัติงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3.93 และด้านความรับผิดชอบในหน้าที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3.91 จากการทดสอบสมมติฐานพบว่าพบว่า ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงาน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และปัจจัยด้านการปฏิบัติงาน ได้แก่ ด้านลักษณะงาน ด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน ด้านความมั่นคงในการปฏิบัติงาน ด้าสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลปัจจัยด้านการปฏิบัติงานและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัด (2) เพื่อศึกาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัด (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท ไทยน้ำทิพย์จำกัด (4) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัดโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปหาค่าร้อยละ (เปอร์เซ็นต์) หาค่าเฉลี่ย (ค่าเฉลี่ย) หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน: S.D.) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่สถิติจะ t-ทดสอบสถิติจะวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวและการวิเคราะห์ถดถอยอย่างง่ายที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลกการวิจัยสรุปได้ดังนี้จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชายจำนวน 109 คนคิดเป็นร้อยละ 70.8 อายุอยู่ในช่วง 35-49 ปีจำนวน 75 คนคิดเป็นร้อยละวาง 48.7 สถานภาพสมรสแล้วจำนวน 97 คนคิดเป็นร้อยละ 63.0 ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 114 คนคิดเป็นร้อยละ 74.0 อัตราเงินเดือนที่ได้รับคือ 10,001 – 20000 บาทจำนวน 103 คน คิดเป็นร้อยละ66.9 ระยะเวลาในการปฏิบัติงานคือ 10 ปีขึ้นไปจำนวน 93 คนคิดเป็นร้อยละ 60.4 ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางมีค่าเฉลี่ย 3.39 โดยด้านด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3.63 รองลงมาคือด้านด้านลักษณะงานมีค่าเฉลี่ย 3.60 และด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงานมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3.08 ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย 3.92 โดยด้านด้านความสำเร็จในการปฎิบัติงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3.93 และด้านความรับผิดชอบในหน้าที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3.91 จากการทดสอบสมมติฐานพบว่าพบว่าปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ได้แก่เพศอายุระดับการศึกษาสถานภาพสมรสและระยะเวลาในการปฏิบัติงานเป็นปัจจัยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัดและปัจจัยด้านการปฏิบัติงานได้แก่ด้านลักษณะงานด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในการปฏิบัติงานด้าสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงานเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

(1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (2) ไทยน้ำทิพย์ จำกัด (3)
จำกัด (4) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรค ไทยน้ำทิพย์ หาค่าร้อยละ (ร้อยละ) หาค่าเฉลี่ย (Mean) หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: SD) ได้แก่ สถิติ t-test สถิติ One-way ANOVA 0.05 ผลกการวิจัยสรุปได้ดังนี้จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชายจำนวน 109 คนคิดเป็นร้อยละ 70.8
อายุอยู่ในช่วง 35-49 ปีจำนวน 75 คนคิดเป็นร้อยละ 48.7 สถานภาพสมรสแล้วจำนวน 97 คนคิดเป็น ร้อยละ 63.0 ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 114 คนคิดเป็นร้อยละ 74.0 อัตราเงินเดือนที่ได้รับคือ 10,001 - 20,000 บาทจำนวน 103 คนคิดเป็นร้อยละ 66.9 ระยะเวลาในการปฏิบัติงานคือ 10 ปีขึ้นไปจำนวน 93 คน คิดเป็นร้อยละ 60.4 3.39 3.63 3.60 3.08 มีค่าเฉลี่ย 3.92 3.93 3.91 จากการทดสอบสมมติฐานพบว่าพบว่าปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศอายุระดับการศึกษาสถานภาพสมรสและระยะเวลาในการปฏิบัติงาน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และปัจจัยด้านการปฏิบัติงาน ได้แก่ ด้านลักษณะงานด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในการปฏิบัติงานด้าสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานและ ด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงาน ไทยน้ำทิพย์ จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ( 1 ) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลปัจจัยด้านการปฏิบัติงานและแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัด ( 2 )ไทยน้ำทิพย์จำกัด ( 3 ) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการปฏิบัติงานกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัท
ไทยน้ำทิพย์จำกัด ( 4 ) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัดโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป( ร้อยละ ) หาค่าเฉลี่ย ( หมายถึง ) หาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน :1 ) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่สถิติ t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว สถิติและการวิเคราะห์ถดถอยอย่างง่ายที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 005 ผลกการวิจัยสรุปได้ดังนี้จากกลุ่มตัวอย่างพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชายจำนวน 109 คนคิดเป็นร้อยละการเตรียมน้ำผสม
อายุอยู่ในช่วง 35 – 49 . จำนวน 75 คนคิดเป็นร้อยละ 48.7% สถานภาพสมรสแล้วจำนวน 97 คนคิดเป็นร้อยละ 63 .0 ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีจำนวน 114 คนคิดเป็นร้อยละจากอัตราเงินเดือนที่ได้รับคือ 10 , 001 – 20 , 000 บาทจำนวน 103 คนคิดเป็นร้อยละหล่ระยะเวลาในการปฏิบัติงานคือ 10 ปีขึ้นไปจำนวน 93 คนคิดเป็นร้อยละ 604 ปัจจัยด้านการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางมีค่าเฉลี่ย 3.39 โดยด้านด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 3.63 รองลงมาคือด้านด้านลักษณะงานมีค่าเฉลี่ย 360 และด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงานมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3.08 ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงานโดยรวมอยู่ในระดับมากมีค่าเฉลี่ย 3.92 โดยด้านด้านความสำเร็จในการปฎิบัติงานมีค่าเฉลี่ยสูงสุด 393 และด้านความรับผิดชอบในหน้าที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 391 จากการทดสอบสมมติฐานพบว่าพบว่าปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ได้แก่เพศ Place of Birth ระดับการศึกษาสถานภาพสมรสและระยะเวลาในการปฏิบัติงานเป็นปัจจัยที่ไม่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทจำกัดและปัจจัยด้านการปฏิบัติงานได้แก่ด้านลักษณะงานด้านความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในการปฏิบัติงานด้าสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานด้านความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาและด้านผลตอบแทนจากการปฏิบัติงานเป็นปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทไทยน้ำทิพย์จำกัด