Herman A. Witkin (2 August 1916 – 8

Herman A. Witkin (2 August 1916 – 8 July 1979) was an American psychologist who specialized in the spheres of cognitive psychology and learning psychology. He was a pioneer of the theory of cognitive styles and learning styles (developed in cooperation with Solomon Asch, Donald Goodenough etc.). He preferred to diagnose not by questionnaires but by more objective means, such as projective tests, task-solving tests etc. He was the author of the concept of field-dependency vs. field-independency.[1] The majority of Witkin's research was done during his tenures at the SUNY Downstate Medical Center College of Medicine in Brooklyn, NY and at Educational Testing Service (ETS) in Princeton, New Jersey, where he worked until his death in 1979. A Review of General Psychology survey, published in 2002, ranked Witkin as the 96th most cited psychologist of the 20th century.[2]

Herman Witkin studied differences in perceptual style for almost 30 years. His first book was titled Personality Through Perception (1954). The idea in this book was that personality can be revealed through differences in how people perceive their environment. Witkin was at first interested in the cues that people use in judging orientation in space. What makes one know that what one sees is a tilted object and that it is not you who are tilted? For one to find a conclusion, one examines other objects in the surroundings.

In 1948, Witkin and Asch [3] developed an apparatus called the Rod and Frame Test (RFT). When using the RFT, the participant sits in a darkened room where he or she receives instructions about watching a glowing rod surrounded by a glowing square frame. The researcher can manipulate both the rod, the frame and the participant's chair in different angles of tilts. The participant is then instructed to adjust the rod so that the rod is perfectly upright. For the participant to be able to do this, he/she has to ignore cues in the visual field. If the participant adjusts the rod so that it is leaning in the direction of the tilted frame, then that person is said to be dependent on the visual field. This person will be categorized as field-dependent. On the other side there will be people who are field-independent. These people will disregard the external cues, and use information from their bodies in adjusting the rod to appear upright. Field-independent people seem to rely on their own sensations instead of the perception of the field, to make a judgment.

The Rod and Frame Test is a difficult and time consuming method for revealing field-dependence and -independence. Witkin therefore developed the Embedded Figures Test (EFT). This test also measures field dependence without relying on the cumbersome Rod and Frame Test. An example of an EFT is a picture with many hidden figures which you are supposed to find. Field-independent people will quickly be able to find the hidden figures, while field-dependent people will have trouble locating the simple figures embedded within the more complex surroundings. Witkin found a strong correlation between the Performance on the EFT.[4]

Field independence-dependence has been linked to many traits. People who are field dependent have many more utterances per unit time in conversation with other field dependent people than do field independent people. Field dependent folks have better memories for faces. Field independent people have better memories for numbers.

One paradigm experiment involved college students. In the experiment, the subject arrived late (by premeditation) at a psychology experiment in which the other 'subjects' were asked to rate whether two lines were of equal length or unequal. The only seat for the subject was at the end of the semi-circle of other subjects, all of whom had been prompted how to respond to the prompt. Even when the lines were of clearly unequal length, the 'stooges' replied that the lines were of equal length. Subjects who were field-dependent also agreed that the lines were equal. Field independent subjects asserted the lines were unequal, even when the differences were very small.

Field independence-dependence has been demonstrated in many cultures worldwide and appears to be bi-modal, although with advancing age it appears to drift toward the middle of the distribution.

After Witkin's death, little research was done on field independence-dependence. However, new research began to appear in the beginning of the 1990s. Among the contributors were Vrij, van der Steen & Koppelaar (1995) and Linda Bastone & Heather Wood (1997).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Herman A. Witkin (2 1916 สิงหาคม – 8 1979 กรกฎาคม) จิตวิทยาการอเมริกันที่ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นรับรู้จิตวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ ได้ เขาเป็นผู้บุกเบิกของทฤษฎีของการรับรู้ลักษณะและรูปแบบการเรียนรู้ (พัฒนาร่วมกับโซโลมอน Asch โดนัลด์ Goodenough ฯลฯ) เขาต้องการที่จะวินิจฉัยไม่ โดยแบบสอบถาม แต่ โดย วิธีการเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ เช่น projective ทดสอบ ทดสอบแก้งานฯลฯ เขาเป็นผู้สร้างแนวคิดของฟิลด์อ้างอิงเทียบกับฟิลด์ independency [1] ส่วนใหญ่ของ Witkin วิจัยเสร็จระหว่าง tenures ของเขา SUNY Downstate แพทย์ศูนย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์ในบรู๊คลิน NY และที่ศึกษาทดสอบบริการ (ETS) ในปรินซ์ตัน นิวเจอร์ซีย์ ที่เขาทำงานจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1979 สำรวจตรวจสอบจิตวิทยาทั่วไป ประกาศใน 2002 อันดับ Witkin เป็นจิตวิทยาอ้างอิงสูงสุด 96th ของศตวรรษ 20 [2]เฮอร์แมน Witkin ศึกษาความแตกต่างในสไตล์ perceptual เกือบ 30 ปี สมุดบัญชีเล่มแรกของเขาชื่อว่าบุคลิกภาพผ่านการรับรู้ (1954) ความคิดในหนังสือเล่มนี้ถูกว่า บุคลิกภาพสามารถเปิดเผยถึงความแตกต่างในวิธีที่คนสังเกตสภาพแวดล้อมของพวกเขา Witkin มีครั้งแรกความสนใจในสัญลักษณ์ที่ประชาชนใช้ในการตัดสินแนวในพื้นที่ สิ่งที่ทำให้หนึ่งรู้ว่า หนึ่งเห็น วัตถุเอียงและว่า มันไม่ได้ที่จะยืดหรือไม่ สำหรับการค้นหาสรุป หนึ่งตรวจสอบวัตถุอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมในค.ศ. 1948, Witkin และ Asch [3] พัฒนาเครื่องมือเรียกว่าร็อดและทดสอบเฟรม (RFT) เมื่อใช้ RFT ผู้เรียนอยู่ในห้องภาพที่มืดลงที่เขาหรือเธอได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูร็อดเร่าร้อนที่ล้อมรอบ ด้วยกรอบสี่เหลี่ยมเร่าร้อน นักวิจัยสามารถใช้ท่อนไม้ เฟรม และเก้าอี้ของผู้เข้าร่วมในมุมต่าง ๆ ของ tilts ผู้เข้าร่วมแล้วแนะปรับท่อนไม้เพื่อให้ท่อนไม้อยู่ตรงอย่างสมบูรณ์ สำหรับผู้เข้าร่วมจะสามารถทำเช่นนี้ เขาได้ละเว้นสัญลักษณ์ในฟิลด์ visual ถ้าผู้เรียนปรับปรุงท่อนไม้เพื่อให้เป็นการเอนเอียงในทิศทางของเฟรมเอียง บุคคลที่จะกล่าวว่า จะขึ้นอยู่กับฟิลด์ visual คนนี้จะแบ่งประเภทขึ้นอยู่กับฟิลด์ อีกด้านหนึ่ง จะมีผู้ไม่ขึ้นกับฟิลด์ คนเหล่านี้จะไม่สนใจสัญลักษณ์ภายนอก และใช้ข้อมูลจากร่างกายในการปรับเปลี่ยนท่อนไม้ปรากฏตรง ฟิลด์อิสระคนดูเหมือนจะ พึ่งรู้สึกตัวเองแทนการรับรู้ของฟิลด์ ต้องคำพิพากษาร็อดและกรอบทดสอบเป็นวิธีที่ยาก และใช้เวลานานสำหรับฟิลด์พึ่งพาและ - ความเป็นอิสระในการเปิดเผย นอกจากนี้ Witkin จึงพัฒนาทดสอบตัวเลขฝัง (EFT) การทดสอบนี้วัดพึ่งพาฟิลด์โดยไม่พึ่งการยุ่งยากร็อดและทดสอบเฟรมยัง ตัวอย่างของ EFT การรูปภาพกับตัวเลขซ่อนอยู่มากมายซึ่งคุณควรจะค้นหาได้ ฟิลด์อิสระคนจะสามารถค้นหาตัวเลขซ่อนอยู่ ในขณะที่ฟิลด์ขึ้นอยู่กับคนจะมีปัญหาในการค้นหาตัวเลขอย่างที่ฝังอยู่ภายในสภาพแวดล้อมซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว Witkin พบความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพการ EFT แข็งแรง [4]ฟิลด์เป็นอิสระพึ่งพามีการเชื่อมโยงไปหลายลักษณะ คนที่จะขึ้นอยู่กับฟิลด์มีจำนวนมากเพิ่มเติม utterances ต่อหน่วยเวลาในการสนทนากับคนอื่นขึ้นอยู่กับฟิลด์กว่าฟิลด์คนอิสระ ฟิลด์ขึ้นอยู่กับคนมีความทรงจำที่ดีกว่าสำหรับใบหน้า ฟิลด์ขึ้นอยู่กับคนมีความทรงจำที่ดีสำหรับหมายเลขOne paradigm experiment involved college students. In the experiment, the subject arrived late (by premeditation) at a psychology experiment in which the other 'subjects' were asked to rate whether two lines were of equal length or unequal. The only seat for the subject was at the end of the semi-circle of other subjects, all of whom had been prompted how to respond to the prompt. Even when the lines were of clearly unequal length, the 'stooges' replied that the lines were of equal length. Subjects who were field-dependent also agreed that the lines were equal. Field independent subjects asserted the lines were unequal, even when the differences were very small.Field independence-dependence has been demonstrated in many cultures worldwide and appears to be bi-modal, although with advancing age it appears to drift toward the middle of the distribution.After Witkin's death, little research was done on field independence-dependence. However, new research began to appear in the beginning of the 1990s. Among the contributors were Vrij, van der Steen & Koppelaar (1995) and Linda Bastone & Heather Wood (1997).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เฮอร์แมนเอ Witkin (2 สิงหาคม 1916 - 8 กรกฎาคม 1979) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกันที่มีความเชี่ยวชาญในทรงกลมของจิตวิทยาองค์ความรู้และจิตวิทยาการเรียนรู้ เขาเป็นผู้บุกเบิกทฤษฎีของแบบการคิดและรูปแบบการเรียนรู้ (พัฒนาในความร่วมมือกับโซโลมอน Asch โดนัลด์ Goodenough ฯลฯ ) เขาชอบที่จะวินิจฉัยไม่ได้โดยแบบสอบถาม แต่โดยวิธีวัตถุประสงค์มากขึ้นเช่นการทดสอบ projective ทดสอบงานแก้ ฯลฯ เขาเป็นผู้เขียนแนวคิดของการพึ่งพาภาคสนามกับสนามอิสระได้. [1] ส่วนใหญ่ของการวิจัย Witkin เป็น ทำในช่วงกรุของเขาที่ SUNY Downstate ศูนย์การแพทย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์ใน Brooklyn, NY และในการศึกษาการทดสอบ (ETS) ในพรินซ์ตัน, นิวเจอร์ซีย์ที่เขาทำงานจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1979 ตรวจสอบการสำรวจจิตวิทยาทั่วไป, การตีพิมพ์ในปี 2002 อันดับ Witkin เป็นนักจิตวิทยาการอ้างถึงมากที่สุด 96 ของศตวรรษที่ 20. [2] เฮอร์แมน Witkin ศึกษาความแตกต่างในรูปแบบการรับรู้เกือบ 30 ปี หนังสือเล่มแรกของเขาคือบุคลิกภาพชื่อผ่านการรับรู้ (1954) ความคิดในหนังสือเล่มนี้ก็คือว่าบุคลิกภาพที่สามารถเปิดเผยผ่านความแตกต่างในวิธีการที่คนรับรู้สภาพแวดล้อมของตน Witkin เป็นครั้งแรกที่มีความสนใจในความหมายที่ผู้คนใช้ในการตัดสินการวางแนวทางในอวกาศ สิ่งที่ทำให้คนหนึ่งรู้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นวัตถุเอียงและที่มันไม่ได้เป็นคุณที่กำลังเอียง? สำหรับหนึ่งที่จะหาข้อสรุปหนึ่งตรวจสอบวัตถุอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อม. ในปี 1948 และ Witkin Asch [3] การพัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่าร็อดและทดสอบกรอบ (RFT) เมื่อใช้ RFT, ผู้เข้าร่วมนั่งอยู่ในห้องมืดที่เขาหรือเธอได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแท่งเรืองแสงล้อมรอบด้วยกรอบสี่เหลี่ยมที่เร่าร้อน ผู้วิจัยสามารถจัดการทั้งคัน, กรอบและเก้าอี้ของผู้เข้าร่วมในมุมที่แตกต่างของการเอียง ผู้เข้าร่วมได้รับคำสั่งแล้วเพื่อปรับคันเพื่อให้แกนเที่ยงธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับผู้เข้าร่วมจะสามารถที่จะทำเช่นนี้เขา / เธอมีความหมายที่จะไม่สนใจในด้านการมองเห็น หากผู้เข้าร่วมการปรับคันเพื่อที่จะเป็นที่พิงในทิศทางของกรอบเอียงแล้วคนที่บอกว่าจะขึ้นอยู่กับเขตข้อมูลภาพ คนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นเขตที่ขึ้นอยู่กับ ในอีกด้านหนึ่งจะมีคนที่มีความเป็นอิสระภาคสนาม คนเหล่านี้จะมองข้ามตัวชี้นำภายนอกและใช้ข้อมูลจากร่างกายของพวกเขาในการปรับคันที่จะปรากฏตรง คนที่สนามอิสระดูเหมือนจะพึ่งพาความรู้สึกของตัวเองแทนการรับรู้ของสนามที่จะทำให้การตัดสิน. การทดสอบและก้านกรอบเป็นวิธีการบริโภคยากและใช้เวลาสำหรับการเปิดเผยสนามพึ่งพาอาศัยกันและ -independence Witkin จึงพัฒนาทดสอบตัวเลขสมองกลฝังตัว (EFT) การทดสอบนี้สามารถวัดค่าการพึ่งพาสนามโดยไม่ต้องอาศัยก้านยุ่งยากและทดสอบกรอบ ตัวอย่างของ EFT เป็นภาพที่มีตัวเลขที่ซ่อนอยู่มากมายที่คุณควรจะหา คนสนามที่เป็นอิสระได้อย่างรวดเร็วจะสามารถที่จะหาตัวเลขที่ซ่อนอยู่ในขณะที่คนที่ขึ้นอยู่กับเขตจะมีปัญหาในการตั้งตัวเลขที่เรียบง่ายที่ฝังอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้น Witkin พบความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างการปฏิบัติงานบน EFT ได้. [4] สนามเป็นอิสระพึ่งพาได้รับการเชื่อมโยงกับหลายลักษณะ คนที่มีสนามขึ้นอยู่กับมีคำพูดอื่น ๆ อีกมากมายต่อหน่วยเวลาในการสนทนากับคนอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับสาขากว่าคนทำสนามที่เป็นอิสระ สนามคนขึ้นอยู่กับความทรงจำที่ดีกว่าที่มีใบหน้า คนที่เป็นอิสระภาคสนามมีความทรงจำที่ดีกว่าสำหรับตัวเลข. กระบวนทัศน์หนึ่งทดลองนักศึกษามีส่วนร่วม ในการทดลองเรื่องมาสาย (โดยไตร่ตรองล่วงหน้า) ในการทดลองทางจิตวิทยาที่อื่น ๆ 'วิชา' ถูกถามให้คะแนนไม่ว่าจะเป็นสองสายมีความยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากัน ที่นั่งเฉพาะสำหรับเรื่องที่เป็นในตอนท้ายของครึ่งวงกลมของวิชาอื่น ๆ ทั้งหมดของผู้ที่ได้รับการรับแจ้งวิธีการที่จะตอบสนองต่อการพรอมต์ แม้ในขณะที่สายมีความยาวไม่เท่ากันของชัดเจน 'stooges' ตอบว่าเส้นที่มีความยาวเท่ากัน อาสาสมัครที่ได้รับขึ้นอยู่กับเขตยังเห็นพ้องกันว่าเส้นเท่ากับ อาสาสมัครอิสระสนามกล่าวหาสายได้ไม่เท่ากันแม้ในขณะที่ความแตกต่างที่มีขนาดเล็กมาก. อิสระพึ่งพาภาคสนามได้รับการพิสูจน์ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกและดูเหมือนจะเป็นสองคำกริยาแม้ว่าอายุจะดูเหมือนว่ามันจะลอยไปสู่ช่วงกลางของการกระจาย . หลังจากการตายของ Witkin วิจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้กระทำในการพึ่งพาอิสระสนาม อย่างไรก็ตามการวิจัยใหม่ที่เริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงต้นปี 1990 ในบรรดาผู้ให้ข้อมูลที่ถูก Vrij แวนเดอร์สตีนและ Koppelaar (1995) และลินดา Bastone และเฮเทอร์วู้ด (1997)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เฮอร์แมน ( 2 สิงหาคม 2459 . ของ– 8 กรกฎาคม 1979 ) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกันผู้เชี่ยวชาญในทรงกลมของจิตวิทยาการรับรู้และการเรียนรู้จิตวิทยา เขาเป็นผู้บุกเบิกทฤษฎีของรูปแบบการคิดและรูปแบบการเรียนรู้ ( ได้รับการพัฒนาในความร่วมมือกับโซโลมอน แอช , โดนัลด์ดีเพียงพอ ฯลฯ ) เขาชอบที่จะวินิจฉัย โดยแบบสอบถาม แต่หมายความว่า จุดมุ่งหมาย เช่น การทดสอบ projective ,งานแก้ไขแบบทดสอบ ฯลฯ เขาเป็นผู้เขียนของแนวคิดของการพึ่งพาด้านกับด้านความเป็นอิสระ [ 1 ] ส่วนใหญ่ของการวิจัยทำในด้านของเขาที่ศูนย์การแพทย์ downstate SUNY วิทยาลัยแพทยศาสตร์ใน Brooklyn , NY และบริการการทดสอบทางการศึกษา ( ETS ) ใน Princeton , New Jersey , ที่ซึ่งเขาได้ทำงานจนตาย ของเขาในปี 1979 รีวิวสำรวจจิตวิทยาทั่วไปตีพิมพ์ในปี 2002 , อันดับที่ 96 ของส่วนใหญ่อ้างนักจิตวิทยาของศตวรรษที่ 20 [ 2 ]

เฮอร์แมนศึกษาความแตกต่างในสไตล์ของการเกือบ 30 ปี หนังสือเล่มแรกของเขาคือเรื่องบุคลิกภาพผ่านการรับรู้ ( 1954 ) แนวคิดในหนังสือเล่มนี้ คือ บุคลิกภาพที่สามารถแสดงผ่านความแตกต่างในวิธีการที่บุคคลรู้สึกสภาพแวดล้อมของพวกเขาของเป็นที่แรกที่สนใจในคิวที่ผู้คนใช้ในการตัดสินทิศทางในอวกาศ สิ่งที่ทำให้รู้ว่า สิ่งที่เห็นคือ เอียงวัตถุและมันก็ไม่ใช่คุณที่เป็นเอียง ? สำหรับคนที่หาบทสรุปหนึ่งตรวจสอบวัตถุอื่น ๆในสิ่งแวดล้อม

ใน 1948 ของแอช [ 3 ] และพัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่าไม้และกรอบการทดสอบ ( rft ) เมื่อใช้ rft ,ผู้เข้าร่วมนั่งในห้องที่มืดมิดที่เขาหรือเธอได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเรืองแสงแท่งเรืองแสงสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกรอบ ผู้วิจัยสามารถจัดการทั้งคัน เฟรม และ เก้าอี้ของผู้เข้าร่วมในมุมที่แตกต่างกันของเอียง . ผู้เข้าร่วมถูกสั่งปรับแกนเพื่อให้แกนสมบูรณ์ตรง สำหรับผู้ที่จะทำอย่างนี้ได้เขาก็ไม่สนใจรับรู้ในด้านภาพ ถ้าผู้เข้าร่วมปรับแกนให้มันเอียงในทิศทางของการเอียงกรอบแล้วคนที่กล่าวจะขึ้นอยู่กับเขตข้อมูลภาพ คนๆ นี้จะถูกจัดเป็นสนามที่จัด ในด้านอื่น ๆ จะมีคนที่สนามอิสระ คนพวกนี้จะไม่สนใจสัญญาณภายนอกและใช้ข้อมูลจากร่างกายของพวกเขาในการปรับแท่งปรากฏตรง เขตอิสระหลายคนที่ดูเหมือนจะพึ่งพาความรู้สึกของตัวเองแทนการรับรู้ของเขตข้อมูลที่จะตัดสิน

ไม้เรียวและทดสอบกรอบเป็นวิธีการบริโภคยากเปิดเผย พึ่งพาและ - อิสรภาพด้านเวลา จึงได้พัฒนาแบบทดสอบของตัวเลข ( EFT )การทดสอบนี้ยังมีมาตรการการพึ่งพาข้อมูลโดยไม่ต้องอาศัยไม้เท้ายุ่งยากและทดสอบกรอบ ตัวอย่างของ EFT เป็นภาพที่มีหลายตัวเลขที่ซ่อนอยู่ซึ่งคุณควรจะหา เขตอิสระคนได้อย่างรวดเร็วจะสามารถหาตัวเลขที่ซ่อนอยู่ ในขณะที่เขตข้อมูลขึ้นอยู่กับประชาชนจะลำบาก ซึมง่าย ตัวเลขที่ฝังตัวอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้นของพบแข็งแรงความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติงาน EFT [ 4 ]

สนามอิสระพึ่งพาได้เชื่อมโยงกับคุณลักษณะหลาย คนที่สนามขึ้นอยู่กับมีอีกหลายๆคำพูดต่อหน่วยเวลาในการสนทนากับด้านอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับคนมากกว่าเขตอิสระคน คนขึ้นอยู่กับสนามมีความทรงจำที่ดีสำหรับใบหน้าฟิลด์อิสระ ประชาชนมีความทรงจำที่ดีสำหรับตัวเลข

หนึ่งตัวอย่างการทดลองที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนวิทยาลัย ในการทดลองเรื่องมาสาย ( โดยการไตร่ตรองไว้ก่อน ) ในการทดสอบทางจิตวิทยาซึ่งในอื่น ๆ ' วิชา ' ถูกถามให้คะแนนว่า 2 เส้น มีความยาวเท่ากันและไม่เท่ากัน ที่นั่งเฉพาะสำหรับวิชาที่ส่วนท้ายของกึ่งวงกลมของวิชาอื่น ๆของผู้ถูกถามจะตอบอย่างไรให้รวดเร็ว แม้เส้นชัดเจนของความยาวไม่เท่ากัน ' ขี้ข้า ' ที่เส้นมีความยาวเท่ากัน คน ซึ่งเป็นเขตอุปการะยังเห็นด้วยว่าสายได้เท่ากัน เขตอิสระคนกล่าวหาสายก็ไม่เท่ากัน แม้เมื่อความแตกต่างมีขนาดเล็กมาก .

การพึ่งพาความเป็นอิสระเขตได้รับแสดงให้เห็นในวัฒนธรรมทั่วโลกมากมาย และดูเหมือนจะเป็นบีกิริยา , แม้ว่ากับ advancing อายุดูเหมือนจะล่องลอยไปกลางกระจาย

หลังจากความตายของ การวิจัยเพียงเล็กน้อยทำให้การพึ่งพาความเป็นอิสระเขต อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่เริ่มปรากฏในตอนต้นของปี 1990 กลุ่มผู้สนับสนุนได้เดิร์ต วริจ ,แวนเดอร์สตีน& koppelaar ( 1995 ) และ ลินดา bastone &เฮวูด ( 1997 )