Citing the Watson-Crick "double hel

Citing the Watson-Crick "double helix" model of DNA in which a genetic "message" "transmits" "information," Halloran and Bradford (1984) illustrate the priority given figures of speech in synthesizing and presenting novel ideas.
They conclude,
No synthesis could ever be achieved, no models postulated, no paradigms established if science relied wholly upon "careful observation" for its theories. Model-building requires an inductive leap; carefully recorded examples must be synthesized into a logical premise, and

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อ้างแบบ "เกลียวคู่" วัตสันคริกที่ "ข้อ" พันธุกรรม "ส่ง" "ข้อมูล"เอ็น Halloran และแบรดฟอร์ด (1984) แสดงระดับความสำคัญให้โวหารในการสังเคราะห์ และการนำเสนอนวนิยายคิดพวกเขาสรุปเคยได้รับการสังเคราะห์ไม่ได้ ไม่รุ่น postulated, paradigms ไม่สำเร็จถ้าวิทยาศาสตร์อาศัยทั้งหมดตาม "สังเกตระวัง" ในทฤษฎีของ สร้างแบบจำลองต้องการกระโดดเหนี่ยว ตัวอย่างบันทึกไว้อย่างระมัดระวังที่ต้องสังเคราะห์เข้ามและตรรกะ และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อ้าง Watson-Crick "เกลียวคู่" รูปแบบของดีเอ็นเอที่ทางพันธุกรรม "ข้อความ" "ง" "ข้อมูล" Halloran และแบรดฟอ (1984) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในตัวเลขที่ได้รับการพูดในการสังเคราะห์และนำเสนอความคิดใหม่. พวกเขาสรุปไม่มีการสังเคราะห์เคยจะประสบความสำเร็จรุ่นไม่มีการตั้งสมมติฐานกระบวนทัศน์ที่จัดตั้งขึ้นถ้าไม่มีวิทยาศาสตร์อาศัยทั้งหมดบน "สังเกตระมัดระวัง" ทฤษฎีของตน รุ่นสร้างต้องมีการก้าวกระโดดอุปนัย; ตัวอย่างที่บันทึกไว้อย่างต้องสังเคราะห์เป็นหลักฐานตรรกะและ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดย วัตสัน ลำคลอง " รูปแบบของดีเอ็นเอเกลียวคู่ " ซึ่งในทางพันธุกรรม " ข้อความ " " ส่ง " ข้อมูล " , " ฮาโรแลน และ แบรดฟอร์ด ( 1984 ) แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการระบุตัวเลขของการพูดและการนำเสนอความคิดใหม่ พวกเขาไม่มีการสังเคราะห์

สรุปได้สำเร็จ ซึ่งไม่มีรูปแบบ , ไม่มีกระบวนทัศน์ตั้งขึ้น ถ้าวิทยาศาสตร์อาศัยทั้งหมด เมื่อ " การสังเกต " ระวังของทฤษฎีรูปแบบอาคารที่ต้องมีการกระโดด ; รอบคอบ ตัวอย่างการบันทึกจะต้องสังเคราะห์หลักฐานและตรรกะ