The economies of BRICS (now with th

The economies of BRICS (now with the addition of ‘S’ for South Africa) will also prepare for the G20 Summit to be held later this year. BRICS, for which the combined economy is predicted to overtake the US by 2018, is not only an emerging economic power but also an increasingly influential political power; and China, acting as a global regime maker instead of a regime taker, is leading the way.

Four out of the five countries that abstained on a UN vote authorising military strikes to enforce the no-fly zone in Libya are the members of BRIC (Brazil, Russia, India and China), and also members of the G20. Other countries, including Germany and Indonesia, also disagreed over the sanctions. In contrast, France, who holds this year’s G20 presidency, was the main supporter of military strikes in Libya, along with the US and the UK. Given this, a political division overshadows this year’s G20 Summit (3–4 November 2011) in Cannes.

How should the G20 contain these political divisions, then? First, the G20 Finance Ministers’ and Central Governors’ Meeting (‘FMCGM’) must reach a strong consensus and commitment on the economic fronts so that the focus and agenda during the Leaders’ Summit will not be lost.

This year’s FMCGM put a new agenda on the table: controlling excessive commodity and energy (including oil, gas and coal) price volatility, food security and long-term investment in the agricultural sector in developing countries. This agenda is critical, partly due to climatic shocks that appear to be making certain commodity prices more volatile (some blame speculation on the commodity derivative markets, too much demand growth and a lack of transparency in emerging markets as well).

All this is accidently timely as the political crises in the Middle East and the unprecedented earthquake, tsunami and nuclear crisis in Japan pose risks to global energy security. This new agenda aligns with the Seoul Development Consensus on Shared Growth and Multi-Year Action Plan, since food crises affect the poorest first and most. The urgency of this agenda leaves no space for political tension.

Second, in the midst of unstable and uneven global economic recovery, reform momentum should be maintained, including international financial institution reform, rebalancing global imbalance, and structural reforms. The indicative guidelines, agreed upon at the FMCGM 2011, to assess persistently large imbalances were a positive step, and the IMF-facilitated Mutual Assessment Process will monitor the consistency of national policies.

On 11 March 2011, the IMF also boosted its funding resources ten-fold via the New Arrangement to Borrow, which is a set of credit arrangements between the IMF and 26 old plus 13 new members (among the 13 new participants was BRICS, with China’s credit arrangement taking the third largest position after the US and Japan). The IMF quota reforms increased the voting shares of dynamic emerging markets and developing countries by over six percentage points (placing China as the third largest shareholder and BRICS among the top ten).

Additionally, the IMF overhauled its lending and conditionality framework, including the new Flexible Credit Line and High Access Precautionary Arrangement, to help with global liquidity issues. The new financial reforms have also been formulated by the Financial Stability Board and the Basel Committee (Basel III), but are yet to be fully implemented. The next financial reform agenda includes the completion of the global-systematically important financial institution reforms. And while all these reforms were just put in place, or are yet to be put in place, the G20 leaders need to show full commitment to them.

Third, the G20 must avoid a politically-sensitive agendas such as governance reforms of the UN Security Council or the inclusion of democracy and human rights issues. This could divert focus away from reforming the global economic system and restoring global economic recovery, undermining the main work of the group.

The G20 was formed in the midst of economic crises (the FMCGM in 1997, the Leaders’ Summit in 2008), and it should remain committed to avoiding any possible risk of another crisis. What triggered the political crises in the Middle East were citizens’ discontents over a cocktail of dismal socio-economic conditions — persistent poverty, rising food prices and high unemployment to name a few. So, if the leaders’ political commitment is to restore peace and stability, tidying up the economy is the pre-condition; and if the G20 fails to restore or bring momentum to the global economic recovery, then it will exacerbate political instability globally.

The rise of the BRICS strikes a balance between emerging countries and the hegemony of the G7. Certainly, ‘caucusing’ among developing countries is not to be discouraged as a way of finding common thinking and cooperation. At the same time, a structural ‘caucus’ among G20 economies would be an unwelcome development. For

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เศรษฐกิจของ BRICS (ขณะนี้ มีการเพิ่มของ ' สำหรับแอฟริกาใต้) จะเตรียมสำหรับการประชุมสุดยอด G20 ที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้ BRICS ซึ่งเศรษฐกิจรวมคาดว่า จะแซงสหรัฐอเมริกา 2018 มีอำนาจทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นไม่เพียง แต่ยังมีอำนาจทางการเมืองมีอิทธิพลมากขึ้น และจีน ทำหน้าที่เป็นเครื่องระบบการปกครองส่วนกลางแทนการฟฟิตระบอบการปกครอง เป็นผู้นำทางสี่ในห้าประเทศที่งดใน UN การออกเสียงทหารนัดการมอบอำนาจการบังคับใช้ในเขตไม่บินในลิเบียเป็นสมาชิกของ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน), และนอกจากนี้สมาชิก G20 ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งเยอรมนีและอินโดนีเซีย ยังมีความเห็นมากกว่าการลงโทษ คมชัด ฝรั่งเศส ซึ่งมีประธานาธิบดี G20 ในปีนี้ เป็นผู้สนับสนุนหลักของนัดทางทหารในลิเบีย สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ได้รับนี้ ฝ่ายการเมือง overshadows ประชุมสุดยอด G20 ของปีนี้ (3-4 2554 พฤศจิกายน) ในคานส์วิธีควร G20 ประกอบด้วยหน่วยงานทางการเมืองเหล่านี้ แล้ว แรก ประชุม G20 ทางรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการส่วนกลาง ('FMCGM') ต้องถึงฉันทามติที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในด้านเศรษฐกิจเพื่อให้โฟกัสและการประชุมระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำจะไม่สูญหายปีนี้ FMCGM วางวาระใหม่บนตาราง: ควบคุมสินค้ามากเกินไป และความผันผวนของราคาพลังงาน (รวมน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน) อาหาร และลงทุนระยะยาวในภาคการเกษตรในประเทศกำลังพัฒนา วาระนี้เป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งเนื่องจากแรงกระแทกภูมิที่ปรากฏจะทำให้บางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนมากกว่า (บางคนตำหนิการเก็งกำไรในตลาดตราสารอนุพันธ์โภคภัณฑ์ เจริญเติบโตความต้องการมากเกินไป และขาดความโปร่งใสในตลาดเกิดใหม่เช่นกัน)ทั้งหมดนี้เป็นความบังเอิญที่เป็นวิกฤตทางการเมืองในตะวันออกกลางและแผ่นดินไหวไม่ทันเวลา สึนามิและวิกฤตินิวเคลียร์ในญี่ปุ่นก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยพลังงานทั่วโลก วาระนี้ใหม่สอดคล้องกับมติพัฒนาโซลร่วมเจริญเติบโตและแบบหลายปีแผนปฏิบัติการ ตั้งแต่วิกฤตอาหารผลแรกจนที่สุดและมากที่สุด ความเร่งด่วนของวาระนี้ออกไม่มีช่องว่างสำหรับความตึงเครียดทางการเมืองสอง ท่ามกลางไม่แน่นอน และไม่สม่ำเสมอทั่วโลกฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โมเมนตัมปฏิรูปควรรักษา รวมถึงการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ สมดุลสมดุลโลก และการปฏิรูปโครงสร้างการ แนวทางส่อ ตกลงที่ 2011 FMCGM การประเมินความไม่สมดุลขนาดใหญ่จักถูกขั้นบวก และอำนวย IMF ร่วมกระบวนการประเมินผลจะตรวจสอบความสอดคล้องของนโยบายแห่งชาติวันที่ 11 2554 มีนาคม IMF ยังยกระดับทรัพยากรทุนของ ten-fold ผ่านการจัดเรียงใหม่ให้ยืม ซึ่งเป็นชุดบริการเครดิตระหว่าง IMF และอายุ 26 บวก 13 สมาชิกใหม่ (ในหมู่ผู้เข้าร่วมใหม่ 13 เป็น BRICS จัดสินเชื่อของจีนถ่ายตำแหน่งมากที่สุดสามหลังจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น) การปฏิรูปโควต้า IMF เพิ่มหุ้นลงคะแนนเสียงแบบไดนามิกในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา โดยร้อยละหกจุด (วางจีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามและ BRICS ในอันดับสิบ)นอกจากนี้ IMF การซ่อมแซมการให้ยืมและ conditionality กรอบ วงเงินยืดหยุ่นและสูงเข้าป้องกันตัวจัด เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องทั่วโลกปัญหาใหม่ การปฏิรูปทางการเงินใหม่ยังมา โดยคณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินและกรรมการบาเซิล (Basel III), แต่ยังจำเป็นต้อง วาระการปฏิรูปทางการเงินต่อไปรวมถึงความสำเร็จของการปฏิรูปสถาบันการเงินที่สำคัญทั่วโลกอย่างเป็นระบบ และในขณะที่ทั้งหมดปฏิรูปเหล่านี้ได้เพียงแค่จัดวาง หรือยังไม่ได้มี ผู้นำ G20 ต้องมุ่งมั่นเต็มที่ให้พวกเขาที่สาม G20 ต้องหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญทางการเมืองเช่นการกำกับดูแลการปฏิรูป UN มนตรีหรือการรวมของปัญหาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน นี้สามารถโอนโฟกัสปฏิรูประบบเศรษฐกิจของโลก และฟื้นฟูเศรษฐกิจฟื้น บั่นทอนการทำงานหลักของกลุ่มG20 ที่ก่อตั้งขึ้นในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ (FMCGM ในปี 1997 การประชุมสุดยอดผู้นำในปี 2008), และมันจะยังคงมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เป็นไปได้ที่วิกฤตอีก อะไรเกิดวิกฤตทางการเมืองในตะวันออกกลางถูกประชาชน discontents ผ่านค็อกเทลของสภาพเศรษฐกิจ-สังคมที่อึมครึม — ความยากจนแบบถาวร ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น และอัตราการว่างงานสูงกี่ ดังนั้น ถ้าความมุ่งมั่นทางการเมืองของผู้นำสันติภาพและความมั่นคง อาดเศรษฐกิจเป็นเงื่อนไขก่อน และถ้า G20 ล้มเหลวในการเรียกคืน หรือนำโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แล้วมันจะทำให้รุนแรงขาดเสถียรภาพทางการเมืองทั่วโลกการเพิ่มขึ้นของ BRICS นัดสมดุลระหว่างประเทศชิงของ G7 แน่นอน 'caucusing' ในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาไม่ไปได้อย่างไรเป็นวิธีการหาความคิดและความร่วมมือทั่วไป ในเวลาเดียวกัน โครงสร้างคอคัสประเทศ G20 จะเป็นการพัฒนาที่ไม่พึงประสงค์ สำหรับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เศรษฐกิจของ BRICS (ตอนนี้มีการเพิ่มของ 'S' สำหรับแอฟริกาใต้) นอกจากนี้ยังจะเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอด G20 ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ BRICS ซึ่งเศรษฐกิจรวมกันคาดว่าจะแซงสหรัฐโดย 2018 ไม่ได้เป็นเพียงอำนาจทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ยังเป็นอำนาจทางการเมืองมีอิทธิพลมากขึ้น; และจีนทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตระบอบการปกครองทั่วโลกแทนการเมล์ระบอบการปกครองเป็นผู้นำทาง. สี่ในห้าประเทศที่งดออกเสียงในการลงคะแนนเสียงของสหประชาชาติอนุญาตการนัดหยุดงานของทหารในการบังคับใช้เขตห้ามบินในลิเบียเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRIC ( บราซิล, รัสเซีย, อินเดียและจีน) และยังเป็นสมาชิกของ G20 ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งเยอรมนีและอินโดนีเซียยังไม่เห็นด้วยกับการลงโทษ ในทางตรงกันข้าม, ฝรั่งเศส, ผู้ที่ถือในปีนี้ประธานาธิบดี G20 เป็นผู้สนับสนุนหลักของการนัดหยุดงานทางทหารในลิเบียพร้อมกับสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ให้นี้ส่วนทางการเมือง overshadows ในปีนี้การประชุมสุดยอด G20 (3-04 พฤศจิกายน 2011) ในคานส์. วิธี G20 ควรมีหน่วยงานทางการเมืองเหล่านี้แล้ว? ครั้งแรกที่ G20 รัฐมนตรีคลัง 'และเซ็นทรัล Governors' ประชุม ( 'FMCGM') ต้องถึงมติที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในเสื้อแจ็กเก็เศรษฐกิจเพื่อให้โฟกัสและวาระการประชุมในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ 'จะไม่สูญหาย. ปีนี้ FMCGM ใส่ใหม่ วาระการประชุมในตาราง: การควบคุมสินค้าโภคภัณฑ์มากเกินไปและพลังงาน (รวมทั้งน้ำมันก๊าซและถ่านหิน) ความผันผวนของราคาความมั่นคงทางอาหารและการลงทุนระยะยาวในภาคเกษตรกรรมในประเทศกำลังพัฒนา วาระนี้เป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งเนื่องจากการกระแทกภูมิอากาศที่ปรากฏจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางอย่างผันผวนมากขึ้น (บางเก็งกำไรตำหนิในตลาดอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ต้องการเจริญเติบโตมากเกินไปและขาดความโปร่งใสในตลาดเกิดใหม่เช่นกัน). ทั้งหมดนี้เป็นบังเอิญ ทันเวลาเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางและแผ่นดินไหวสึนามิและวิกฤตินิวเคลียร์ในญี่ปุ่นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงานระดับโลก วาระนี้ใหม่สอดคล้องกับการพัฒนาฉันทามติโซลต่อการเจริญเติบโตร่วมกันและหลายปีแผนปฏิบัติการตั้งแต่วิกฤตการณ์อาหารส่งผลกระทบต่อคนแรกที่ยากจนที่สุดและมากที่สุด ความเร่งด่วนในวาระนี้ออกจากพื้นที่สำหรับความตึงเครียดทางการเมือง. ประการที่สองในท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่แน่นอนและความไม่สมดุลของโลกโมเมนตัมการปฏิรูปควรจะรักษารวมทั้งการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศปรับสมดุลความไม่สมดุลของทั่วโลกและการปฏิรูปโครงสร้าง แนวทางการบ่งบอกตามที่ตกลงกันที่ FMCGM ปี 2011 เพื่อประเมินความไม่สมดุลของขนาดใหญ่เสมอเป็นขั้นตอนบวกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศอำนวยความสะดวกในกระบวนการรวมการประเมินจะตรวจสอบความสอดคล้องของนโยบายแห่งชาติ. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 กองทุนการเงินระหว่างประเทศนอกจากนี้ยังได้แรงหนุนทรัพยากรเงินทุนสิบ เท่าผ่านการจัดเรียงใหม่เพื่อยืมซึ่งเป็นชุดของการเตรียมเครดิตระหว่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศและ 26 เก่าบวก 13 สมาชิกใหม่ (ในหมู่ผู้เข้าร่วมใหม่ 13 BRICS มีการจัดเครดิตของจีนสละตำแหน่งที่ใหญ่เป็นอันดับสามรองจากสหรัฐฯและญี่ปุ่น) . กองทุนการเงินระหว่างประเทศการปฏิรูปโควต้าเพิ่มขึ้นหุ้นออกเสียงทั้งหมดของตลาดเกิดใหม่แบบไดนามิกและประเทศกำลังพัฒนาโดยกว่าร้อยละหกจุด (วางประเทศจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสามและ BRICS ในด้านบนสิบ). นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศซ่อมแซมให้กู้ยืมและ conditionality กรอบใหม่รวมทั้ง วงเงินที่มีความยืดหยุ่นและการเข้าถึงสูงจัดระมัดระวังเพื่อช่วยให้มีปัญหาสภาพคล่องทั่วโลก การปฏิรูปทางการเงินใหม่ยังได้รับสูตรโดยคณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินและคณะกรรมการบาเซิล (บาเซิล III) แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ วาระการปฏิรูปทางการเงินต่อไปรวมถึงความสำเร็จของการปฏิรูปสถาบันการเงินทั่วโลกเป็นระบบที่สำคัญ และในขณะที่การปฏิรูปเหล่านี้ถูกวางในสถานที่หรือที่ยังไม่ได้วางในตำแหน่งผู้นำ G20 ต้องแสดงความมุ่งมั่นที่จะให้พวกเขา. ประการที่สาม G20 จะต้องหลีกเลี่ยงวาระทางการเมืองที่สำคัญเช่นการปฏิรูปการกำกับดูแลของความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สภาหรือการรวมของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนปัญหา ซึ่งอาจเบี่ยงเบนความสนใจมุ่งเน้นออกไปจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจโลกและฟื้นฟูฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกบั่นทอนการทำงานหลักของกลุ่ม. G20 ที่ถูกสร้างขึ้นในท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ (คน FMCGM ในปี 1997 การประชุมสุดยอดผู้นำ 'ในปี 2008) และ มันควรจะยังคงมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใด ๆ ที่เป็นไปได้ของการเกิดวิกฤตอีก สิ่งที่เรียกวิกฤตการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางเป็น Discontents ประชาชนกว่าค๊อกเทลของสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่อึมครึม - การแก้ไขปัญหาความยากจนถาวรราคาอาหารและการว่างงานสูงเพิ่มขึ้นเพื่อชื่อไม่กี่ ดังนั้นถ้าความมุ่งมั่นทางการเมืองของผู้นำคือการคืนความสงบสุขและความมั่นคงการจัดเก็บ up เศรษฐกิจเป็น pre-สภาพ; และถ้า G20 ที่ไม่สามารถเรียกคืนหรือนำโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกแล้วมันจะทำให้รุนแรงขาดเสถียรภาพทางการเมืองทั่วโลก. การเพิ่มขึ้นของ BRICS นัดสมดุลระหว่างประเทศเกิดใหม่และอำนาจของ G7 ฯ แน่นอน 'caucusing' ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้ที่จะท้อแท้เป็นวิธีในการหาการคิดร่วมกันและความร่วมมือ ในขณะเดียวกันโครงสร้าง 'พรรคการเมือง' ท่ามกลางเศรษฐกิจ G20 จะมีการพัฒนาที่ไม่พึงปรารถนา สำหรับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจของ BRICS ( ตอนนี้ด้วยนอกเหนือจาก ' ' สำหรับแอฟริกาใต้ ) จะยังเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอด G20 ที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้ บริกส์ ซึ่งเศรษฐกิจรวม คาดว่าจะแซงเราโดย 2018 , ไม่เพียง แต่ยังเป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่พลังอำนาจทางการเมืองมีอิทธิพลมากขึ้น และจีน ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตระบบการปกครองโลกแทนระบบเมล์ เป็นผู้นำทางสี่จากห้าประเทศที่งดออกเสียงในการโหวต authorising โจมตีทหารสหประชาชาติบังคับใช้ไม่มีบินโซนลิเบียเป็นสมาชิกของ BRIC ( บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ) และยังเป็นสมาชิกของ G20 . ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี และ อินโดนีเซีย ยังเห็นต่างกันในการลงโทษ . ในทางตรงกันข้าม ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือ เป็นประธาน G20 ในปีนี้เป็นหลักสนับสนุนการนัดหยุดงานทหารในลิเบีย รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ให้ฝ่ายการเมือง จึงบดบังรัศมีของการประชุมสุดยอด G20 ในปีนี้ ( 3 – 4 พฤศจิกายน 2554 ) ในเมืองคานส์ว่าควร G20 มีฝ่ายการเมืองเหล่านี้แล้ว แรก , G20 รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและผู้ว่าการกลางห้องประชุม ( 'fmcgm ' ) ต้องถึงแข็งแรงฉันทามติและความมุ่งมั่นในด้านเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นวาระการประชุมในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ ' จะไม่สูญหายปีนี้ fmcgm วางทิศทางใหม่บนโต๊ะ : การควบคุมสินค้ามากเกินไปและพลังงาน รวมถึงน้ำมันและถ่านหิน ) ความผันผวนของราคา ความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว และการลงทุนในภาคการเกษตรในประเทศกำลังพัฒนา วาระนี้ เป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการกระแทกภูมิอากาศที่ปรากฏทำให้ราคาสินค้าบางอย่างระเหยมากขึ้น ( มีตำหนิการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดอนุพันธ์ , การเจริญเติบโตของความต้องการที่มากเกินไป และการขาดความโปร่งใสในตลาดเกิดใหม่เช่นกัน )ทั้งหมดนี้คือบังเอิญทันเวลาเป็นวิกฤตการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง และแผ่นดินไหว สึนามิ และนิวเคลียร์ เคยวิกฤตในญี่ปุ่นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงพลังงานโลก กำหนดการใหม่นี้สอดคล้องกับการพัฒนาโซลฉันทามติในการร่วมกันและแผนปฏิบัติการปีหลาย เนื่องจากวิกฤตการณ์อาหารมีผลต่อที่ยากจนที่สุดและมากที่สุด ความเร่งด่วนของวาระนี้ใบไม่มีพื้นที่สำหรับความตึงเครียดทางการเมืองประการที่สอง ในท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และไม่เรียบ โมเมนตัมการปฏิรูปควรเก็บรักษา รวมทั้งการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ การปรับสมดุลโลก สมดุล , และการปฏิรูปโครงสร้าง แนวทางชี้แนะ ตกลงบนที่ fmcgm 2554 ประเมินไม่สมดุลขนาดใหญ่หนาเป็นขั้นตอนที่เป็นบวก และ IMF สนับสนุนกระบวนการประเมินซึ่งกันและกันจะตรวจสอบความสอดคล้องของนโยบายแห่งชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 กองทุนการเงินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นของเงินทุนทรัพยากรสิบเท่าผ่านข้อตกลงใหม่ ยืม ซึ่งเป็นชุดของเครดิตการจัดเรียงระหว่างไอเอ็มเอฟ และ 26 เก่าบวก 13 ( ของ 13 สมาชิกใหม่เข้าร่วมคือ BRIC กับจีนเครดิตจัดการตำแหน่งที่สามที่ใหญ่ที่สุดหลังจากที่สหรัฐและญี่ปุ่น ) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ การปฏิรูปการเพิ่มโควต้าการหุ้นของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา โดยแบบไดนามิกมากกว่า 6 คะแนนร้อยละ ( วางจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสาม และ BRICS ในด้านบนสิบ )นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟซ่อมแซมส่วนของเงื่อนไขและกรอบ รวมทั้งมีความยืดหยุ่นและการเข้าถึงสินเชื่อใหม่สูง ข้อควรระวัง , เพื่อช่วยให้มีปัญหาสภาพคล่องทั่วโลก ใหม่การปฏิรูปทางการเงินยังได้รับการกำหนดโดยคณะกรรมการเสถียรภาพทางการเงินและคณะกรรมการบาเซิล ( Basel III ) แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการอย่างเต็มที่ วาระการปฏิรูปทางการเงินต่อไป รวมถึงความสมบูรณ์ของระบบสถาบันการเงินทั่วโลกที่สำคัญการปฏิรูป และในขณะที่การปฏิรูปเหล่านี้ถูกวางในสถานที่ หรือ ยัง จะวางในสถานที่ ผู้นำ จี 20 ต้องแสดงความมุ่งมั่นเต็มของพวกเขาที่สาม , G20 จะต้องหลีกเลี่ยงที่มีวาระทางการเมือง เช่น การปฏิรูปการปกครองของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือรวมของประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน . นี้อาจหันเหความสนใจไปจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจโลกและฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกทําลายงานหลักของกลุ่มG20 เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ ( fmcgm ในปี 1997 ผู้นำการประชุมสุดยอดในปี 2008 ) , และมันควรจะยังคงมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของวิกฤตอีก อะไรทำให้วิกฤตการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางเป็นพลเมือง ' เพลงมากกว่าค็อกเทลสภาพ - กลุ้มใจความยากจนแบบถาวร และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น และการว่างงานสูงเพื่อชื่อไม่กี่ ดังนั้น ถ้าความมุ่งมั่นทางการเมืองของผู้นำคือการเรียกคืนความสงบและความมั่นคง tidying ขึ้นเศรษฐกิจเป็นเงื่อนไขก่อน และถ้า G20 ล้มเหลวในการเรียกคืนหรือนำโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ก็จะส่งผลให้เสถียรภาพทางการเมืองทั่วโลกการเพิ่มขึ้นของ BRICS นัดสมดุลระหว่างประเทศที่เกิด และความเป็นเจ้าโลกของ G7 . แน่นอน ' ' ของการพัฒนาประเทศ คือ caucusing ไม่ท้อเป็นวิธีการค้นหาความคิดร่วมกันและความร่วมมือ ในเวลาเดียวกัน , โครงสร้าง ' พรรคการเมือง ' ของ G20 economie