I argued earlier that reactivity ca

I argued earlier that reactivity can be a significant threat to the internal validity of case study designs: the presence of a researcher can alter the dynamics of the cases being observed. This can be particularly so where participant observation techniques are used. One way in which some researchers might try to reduce the effects of reactivity is to disguise their identity as researchers to avoid their researcher identity intruding. For example, an investigator may want to examine sexual harassment in the workplace. If he went into a company revealing his identity and purpose it is likely that people in the organization would behave differently while the investigator is present and thus undermine the study. As an alternative the investigator might undertake the research by obtaining a job with the company and covertly observing what goes on.
The ethical issues of deception, and failure to obtain informed consent, obviously arise in this situation. The dilemma it highlights is the tradeoff that occurs between ethics and internal validity: keeping to ethical guidelines can threaten the internal validity of the study.
There can be little doubt that revealing one’s identity and gaining informed consent can undermine a great deal of what Punch (1994) calls ‘street style’ ethnography. In some cases revealing one’s identity can effectively kill the research project. In these situations careful consideration must be given to the merits of some form of deception in the light of the likely benefits of the research and the potential for harm to the participants. While it is easy for a researcher to rationalize that the benefits will outweigh any potential for harm, there is a lot of sense in obtaining advice or even in having decisions made by third parties such as institutional ethics committees.
Investigators will need to resolve competing ethical considerations. To what extent should the ethics of informed consent and voluntary participation take priority over the value of research exposing highly unethical behaviour?

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผมโต้เถียงก่อนว่า เกิดปฏิกิริยาสามารถเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อมีผลบังคับใช้ภายในออกแบบกรณีศึกษา: ของนักวิจัยสามารถเปลี่ยนของกรณีที่มีการสังเกตได้ สามารถให้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้เทคนิคการสังเกตผู้เข้าร่วมได้ วิธีหนึ่งที่นักวิจัยบางอาจพยายามที่จะลดผลกระทบจากการเกิดปฏิกิริยาจะตัวปลอมตัวเป็นนักวิจัยเพื่อหลีกเลี่ยงการ intruding รหัสประจำตัวนักวิจัยของพวกเขา ตัวอย่าง การตรวจสอบอาจต้องตรวจล่วงละเมิดทางเพศในทำงาน ถ้าเขาเป็นบริษัทที่เปิดเผยตัวตนและวัตถุประสงค์ของเขา เป็นไปได้ว่า คนในองค์กรจะทำงานแตกต่างกันในขณะที่เอกชนที่มีอยู่ และจึง ทำลายการศึกษา เป็นทางเลือก เอกชนที่อาจดำเนินการวิจัย โดยรับงานกับบริษัทฯ และประสงค์สังเกตอะไรไปประเด็นด้านจริยธรรมของการหลอกลวง และการไม่รับแจ้งความยินยอม เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้อย่างชัดเจน ลำบากใจที่จะเน้นเป็นข้อดีที่เกิดขึ้นระหว่างจรรยาบรรณและมีผลบังคับใช้ภายใน: รักษาให้แนวทางจริยธรรมสามารถคุกคามมีผลบังคับใช้ภายในของการศึกษาได้สามารถคงที่เปิดเผยตัวตนของคน ๆ หนึ่ง และสามารถแจ้งความยินยอมสามารถทำลายโปรโมชั่นว่าชก (1994) เรียก 'ถนนสไตล์' ชาติพันธุ์วรรณนา ในบางกรณี เปิดเผยตัวตนของคน ๆ หนึ่งสามารถมีประสิทธิภาพฆ่าโครงการวิจัย ในกรณีนี้ ต้องให้รอบคอบถึงข้อดีของรูปแบบของการหลอกลวงนี้ประโยชน์แนวโน้มของการวิจัยและเป็นอันตรายกับผู้เข้าร่วม ในขณะที่มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักวิจัยเพื่อประโยชน์จะไปหมดเกิดสำหรับอันตราย rationalize มีจำนวนมากของความรู้สึก ในการรับคำแนะนำ หรือแม้แต่ ในการตัดสินใจโดยบุคคลที่สามเช่นคณะกรรมการจริยธรรมมีนักสืบจะต้องแก้การพิจารณาแข่งขันจริยธรรม ใดควรจริยธรรมแจ้งความยินยอมและสมัครใจเข้าร่วมใช้สำคัญกว่าค่าวิจัยเปิดเผยพฤติกรรมศีลธรรมสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผมได้เสนอก่อนหน้านี้ปฏิกิริยาที่สามารถจะเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความถูกต้องภายในของการออกแบบกรณีศึกษา: การปรากฏตัวของนักวิจัยสามารถที่จะเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงของกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกต นี้สามารถเป็นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผู้เข้าร่วมการสังเกตเทคนิคที่ใช้ วิธีหนึ่งที่นักวิจัยบางคนอาจพยายามที่จะลดผลกระทบของการเกิดปฏิกิริยาคือการปลอมตัวตนของพวกเขาเป็นนักวิจัยที่จะหลีกเลี่ยงความเป็นตัวตนของพวกเขานักวิจัยบุกรุก ตัวอย่างเช่นผู้ตรวจสอบอาจต้องการที่จะตรวจสอบการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน ถ้าเขาเดินเข้าไปใน บริษัท เปิดเผยตัวตนและวัตถุประสงค์ของเขาก็มีโอกาสที่คนในองค์กรจะทำงานแตกต่างกันในขณะที่ตรวจสอบเป็นปัจจุบันและจึงบ่อนทำลายการศึกษา ในฐานะที่เป็นทางเลือกที่ผู้ตรวจสอบอาจจะทำวิจัยโดยได้รับงานกับ บริษัท และซ่อนเร้นการสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น.
ประเด็นทางจริยธรรมของการหลอกลวงและความล้มเหลวที่จะได้รับความยินยอมเห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ ขึ้นเขียงมันไฮไลท์คือการถ่วงดุลอำนาจที่เกิดขึ้นระหว่างจริยธรรมและความถูกต้องภายใน: การรักษาแนวทางจริยธรรมสามารถคุกคามความถูกต้องภายในของการศึกษา.
จะมีข้อสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เปิดเผยตัวตนของคนและได้รับความยินยอมสามารถทำลายการจัดการที่ดีของสิ่งที่ Punch ( 1994) เรียกสไตล์ถนน 'ชาติพันธุ์ ในบางกรณีที่เปิดเผยตัวตนของคน ๆ หนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถฆ่าโครงการวิจัย ในสถานการณ์เหล่านี้พิจารณาอย่างรอบคอบจะต้องได้รับเพื่อประโยชน์ของรูปแบบของการหลอกลวงบางส่วนในแง่ของผลประโยชน์ที่มีแนวโน้มของการวิจัยและศักยภาพในการเป็นอันตรายต่อผู้เข้าร่วม ในขณะที่มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักวิจัยให้เหตุผลว่าผลประโยชน์ที่จะเกินดุลที่มีศักยภาพสำหรับอันตรายใด ๆ มีจำนวนมากของความรู้สึกในการได้รับคำแนะนำหรือแม้กระทั่งในที่มีการตัดสินใจที่ทำโดยบุคคลที่สามเช่นคณะกรรมการจริยธรรมสถาบัน.
นักวิจัยจะต้องแก้ปัญหาการแข่งขันด้านจริยธรรม การพิจารณา สิ่งที่ขอบเขตควรจริยธรรมของความยินยอมและการมีส่วนร่วมโดยสมัครใจจะมีความสำคัญสูงกว่ามูลค่าของการวิจัยการเปิดเผยพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณสูง?

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผมได้เสนอก่อนหน้านี้ว่า การจะเป็นภัยคุกคามต่อความตรงภายในของกรณีศึกษาการออกแบบ : การปรากฏตัวของนักวิจัยสามารถเปลี่ยนแปลงพลวัตของคดีไม่เป็นที่สังเกต นี้ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งดังนั้นเทคนิคการสังเกตแบบมีส่วนร่วมที่ใช้วิธีหนึ่งที่นักวิจัยบางคนอาจพยายามที่จะลดผลกระทบของการเกิดคือการปิดบังตัวตนของพวกเขาเป็นนักวิจัยเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างเอกลักษณ์รบกวนด้วยนะครับ ตัวอย่างเช่น การสอบสวนอาจต้องการตรวจสอบการคุกคามทางเพศในที่ทำงานถ้าเขาไปที่บริษัทเปิดเผยตัวตนของเขา และวัตถุประสงค์ มีแนวโน้มว่าผู้คนในองค์กรจะประพฤติที่แตกต่างกันในขณะที่ผู้ตรวจสอบที่เป็นปัจจุบันและจึงทำลายการศึกษา เป็นทางเลือกที่ผู้สอบสวนอาจทำวิจัยโดยได้รับงานกับ บริษัท และแอบสังเกตว่าอะไรไป .
ประเด็นจริยธรรมของการหลอกลวงและความล้มเหลวที่จะได้รับความยินยอม เห็นได้ชัดว่า เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ ไม่เน้นเป็นข้อเสียที่เกิดขึ้นระหว่างจริยธรรมและมีผลบังคับใช้ภายใน : การรักษาแนวทางจริยธรรมสามารถคุกคาม
ความตรงภายในของการวิจัยสามารถมีข้อสงสัยเล็กน้อยว่า เปิดเผยตัวตนของหนึ่งและได้รับความยินยอมสามารถทำลายมากของหมัดอะไร ( 1994 ) เมื่อกี้โทร ' สไตล์ถนน ' ในบางกรณีการเปิดเผยของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถจัดการโครงการวิจัยในสถานการณ์เหล่านี้อย่างรอบคอบ จะต้องได้รับเพื่อประโยชน์ของบางรูปแบบของการหลอกลวงในแง่ของประโยชน์มากของการวิจัย และเกิดอันตรายต่อผู้เข้าร่วม ในขณะที่มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักวิจัยที่จะตัดสินว่า ประโยชน์จะ outweigh ใด ๆที่มีอันตรายมีมากของความรู้สึกในการได้รับคำแนะนำหรือแม้กระทั่งมีการตัดสินใจโดยบุคคลที่สามเช่นสถาบันจริยธรรมของคณะกรรมการ ผู้ตรวจสอบจะต้องแก้ไข
จรรยาบรรณที่แข่งขัน เท่าที่ควร จรรยาบรรณของความยินยอมและการมีส่วนร่วมโดยสมัครใจสําคัญกว่าคุณค่าของการวิจัยเปิดเผยพฤติกรรมผิดจริยธรรม ?