Since globalization is possibly not

Since globalization is possibly not coming to an end in the foreseeable future, it is humans’ obligation to discuss the following question: is globalization sustainable in the sense of contributing to further human development and economy growth without, or with limited harm towards the ecology system?

Just as every coin has two sides, globalization has manifested itself through a large amount of seemingly contradictory effects due to its presence. Energy usage efficiency is improving, while demand for materials and energy is rising. More opportunities of development are revealed in front of developing countries, while the gaps between developing countries and developed ones is widening. When a company moves to a country with cheaper labor force, more job vacancies are present in this country, while some of another country’s individuals may have suffered job loss. Scholars hold different views when it comes to globalization sustainability. However, our group prefers to let the data talk.

According to the paper of “Is Globalization Sustainable?”[3] coauthored by Pim Martens and Mohsin Raza, despite of its bad influences, globalization is so far to some extent sustainable. First of all, the paper addresses to Maastricht Globalization Index (MGI), which is an evaluation of to what degree an area is globalized, and the degree is zero to one hundred from lowest to highest. MGI takes into account variables from political, economic, social and cultural, technological and ecological domains for it to be comprehensive. Secondly, the authors include various indexes describing sustainability. For example, the Environmental Performance Index (EPI) is in accordance with ensuring environmental sustainability, and the Human Development Index (HDI) is to measure achievements in health, knowledge and living standards. Thirdly, the authors use Spearman correlation analysis to run regressions between MGI and sustainability indexes. The result of correlation between MGI and EPI is 0.628, and between MGI and HDI is 0.795, both with statistically significance. In the end, they conclude the results of high correlations between globalization index and sustainability indexes are due to globalization’s general sustainability.

We consider this paper to be mostly innovative and reasonable, but it is limited when it goes deeper. Most importantly, simple correlation relationship cannot jump to causality, which means that it does not hold that globalization can cause social, economic and environmental sustainability. However, with positive correlations instead of with negative ones, we can already conclude that globalization has exerted limited side effects to the world’s sustainability from a large angle.

“Globalization, like any process, can be operated either sustainably or not.”[4] Our group believes that government policies, the choices of organizations and companies, as well as actions taken by individuals may all affect globalization sustainability, and thus the answer explaining ”how sustainable globalization is” is changing all the time. But the latter two may be minor compared with government policies. Say globalization is now 70% sustainable, a big company depleting much fuels may make the number 69.9%; a government polity of strictly constraining global companies’ resources usage and encouraging new energy exploitation may make it 72%. The problem of gaps between nations may also be ameliorated. All in all, how sustainable globalization is? In principle, everyone can make a difference.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เนื่องจากโลกาภิวัตน์อาจไม่ได้มาถึงจุดสิ้นสุดในอนาคตอันใกล้ มันเป็นหน้าที่ของมนุษย์เพื่อหารือเกี่ยวกับคำถามต่อไปนี้: คือความยั่งยืนในความรู้สึกของมนุษย์พัฒนาและเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดย หรือจำกัดอันตรายต่อระบบนิเวศหรือไม่เหมือนว่าทุกเหรียญมีสองด้าน โลกาภิวัตน์ได้ประจักษ์ด้วยผลที่ดูเหมือนขัดแย้งเนื่องจากตนเป็นจำนวนมาก ประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้มาก ขึ้น ในขณะที่ต้องการใช้วัสดุ และพลังงานจะเพิ่มขึ้น เพิ่มโอกาสของการพัฒนาเปิดเผยหน้าของประเทศกำลังพัฒนา ในขณะที่มีการขยับขยายช่องว่างระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาคน เมื่อบริษัทย้ายไปประเทศที่มีแรงงานถูกกว่า ตำแหน่งงานว่างงานเพิ่มเติมมีอยู่ในประเทศนี้ ในขณะที่บางคนประเทศอื่นอาจมีความสูญงาน นักวิชาการถือมุมมองต่าง ๆ เมื่อกล่าวถึงโลกาภิวัตน์ความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม กลุ่มของเราชอบให้ข้อมูลพูดคุยตามกระดาษ "คือโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน [3] coauthored โดย Pim Martens และ Mohsin Raza แม้มีของของอิทธิพลที่ไม่ดี โลกาภิวัตน์ได้จนยั่งยืนบ้าง ก่อนอื่น อยู่กระดาษเพื่อมาสทริชท์ดัชนีโลกาภิวัตน์ (MGI), ซึ่งเป็นการประเมินถึงระดับเนื้อที่เป็นโลกาภิวัตน์ และระดับ ศูนย์ไปหนึ่งร้อยจากต่ำสุดไปสูงสุด MGI คำนึงตัวแปรของบัญชีผู้ใช้จากโดเมนการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เทคโนโลยี และระบบนิเวศเพื่อให้ครอบคลุม ประการที่สอง ผู้เขียนได้แก่ดัชนีต่าง ๆ ที่อธิบายความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ดัชนีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม (EPI) เป็นไปตามสิ่งแวดล้อมยั่งยืนมั่นใจ และดัชนีการพัฒนามนุษย์ (ผล) เพื่อ วัดความสำเร็จในด้านสุขภาพ ความรู้ และคุณภาพชีวิต ประการที่สาม ผู้เขียนใช้การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ Spearman รันแสดงระหว่างดัชนี MGI และความยั่งยืน ผลของความสัมพันธ์ระหว่าง MGI และ EPI 0.628 และระหว่าง MGI ผล 0.795 ทั้งที่ มีนัยสำคัญทางสถิติ ในสุด พวกเขาสรุปผลสูงความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีโลกาภิวัตน์และดัชนีความยั่งยืนจะเกิดความยั่งยืนทั่วไปของโลกาภิวัตน์เราพิจารณากระดาษนี้ส่วนใหญ่เป็นนวัตกรรมใหม่ และเหมาะสม แต่ก็จำกัดเมื่อไปลึก ที่สำคัญที่สุดคือ ความสัมพันธ์ความสัมพันธ์ง่าย ๆ ไม่สามารถข้ามไป causality ซึ่งหมายความ ว่า มันไม่ได้ถือว่าโลกาภิวัตน์สามารถทำให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์เชิงบวกแทนกับคนที่เป็นลบ เราสามารถแล้วสรุปว่า โลกาภิวัตน์ได้นั่นเองมีผลข้างเคียงที่จำกัดเพื่อความยั่งยืนของโลกจากมุมขนาดใหญ่"โลกาภิวัตน์ เช่นกระบวนการ สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน หรือไม่" [4] ของเรากลุ่มที่นโยบายรัฐบาล เลือกขององค์กรและบริษัท เช่นเดียวกับที่กระทำ โดยบุคคลอาจทั้งหมดมีผลต่อความยั่งยืนโลกาภิวัตน์ และดังนั้น การตอบอธิบาย "วิธีการโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืนคือ" มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่สองคู่ไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนโยบายของรัฐบาล บอกว่าโลกาภิวัตน์เป็นตอนนี้ 70% อย่างยั่งยืน บริษัทใหญ่ผ่านเชื้อมากอาจทำให้หมายเลข 69.9% รัฐธรรมนูญรัฐบาลเป็น constraining การใช้ทรัพยากรของบริษัทระดับโลกอย่างเคร่งครัด และส่งเสริมการแสวงหาพลังงานใหม่อาจทำให้มัน 72% ปัญหาของช่องว่างระหว่างประเทศอาจยังสามารถ ameliorated ทั้งหมดในทุก วิธีเป็นโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน ในหลักการ ทุกคนสามารถสร้างความแตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่โลกาภิวัตน์อาจจะไม่ได้มาถึงจุดสิ้นสุดในอนาคตอันใกล้ก็เป็นภาระหน้าที่ของมนุษย์เพื่อหารือเกี่ยวกับคำถามต่อไปนี้คือโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืนในความรู้สึกของการที่เอื้อต่อการพัฒนามนุษย์ต่อไปและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยไม่ต้องหรืออันตรายที่ จำกัด ต่อระบบนิเวศวิทยา ? เช่นเดียวกับทุกเหรียญมีสองด้านโลกาภิวัตน์ได้ประจักษ์ตัวเองผ่านจำนวนมากของผลกระทบที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเพราะการปรากฏตัวของมัน ประสิทธิภาพการใช้พลังงานมีการปรับปรุงในขณะที่ความต้องการใช้วัสดุและพลังงานจะเพิ่มขึ้น โอกาสมากขึ้นของการพัฒนาจะถูกเปิดเผยในด้านหน้าของประเทศกำลังพัฒนาในขณะที่ช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วและคนที่ได้รับการพัฒนาที่มีการขยับขยาย เมื่อ บริษัท ย้ายไปยังประเทศที่มีแรงงานราคาถูกมากขึ้นตำแหน่งงานว่างที่มีอยู่ในประเทศนี้ในขณะที่บางส่วนของประชาชนของประเทศอื่นอาจได้รับความเดือดร้อนสูญเสียงาน นักวิชาการถือมุมมองต่างกันเมื่อมันมาถึงโลกาภิวัตน์การพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามกลุ่มของเราชอบที่จะพูดคุยให้ข้อมูล. ตามที่กระดาษของ "คือโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน?" [3] coauthored โดยพิม Martens และ Mohsin Raza แม้จะมีอิทธิพลที่ไม่ดีของโลกาภิวัตน์เพื่อให้ห่างไกลที่มีขอบเขตอย่างยั่งยืน ครั้งแรกของทั้งหมดที่อยู่กระดาษดัชนี Maastricht โลกาภิวัตน์ (MGI) ซึ่งเป็นการประเมินผลของการศึกษาระดับปริญญาสิ่งที่พื้นที่เป็นยุคโลกาภิวัตน์และระดับเป็นศูนย์ถึงหนึ่งร้อยจากต่ำสุดไปสูงสุด MGI จะเข้าสู่บัญชีของตัวแปรจากทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมเทคโนโลยีและระบบนิเวศโดเมนเพื่อให้เป็นที่ครอบคลุม ประการที่สองผู้เขียนรวมถึงดัชนีต่างๆอธิบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่นดัชนีดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (EPI) เป็นไปตามความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาดัชนีมนุษย์ (HDI) คือการวัดความสำเร็จในการดูแลสุขภาพความรู้และมาตรฐานการดำรงชีวิต ประการที่สามผู้เขียนใช้การวิเคราะห์ความสัมพันธ์สเปียร์แมนที่จะทำงานถดถอยระหว่าง MGI และดัชนีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่าง MGI และ EPI คือ 0.628 และระหว่าง MGI และ HDI เป็น 0.795 ทั้งที่มีนัยสำคัญทางสถิติ ในท้ายที่สุดพวกเขาสรุปผลการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีสูงกระแสโลกาภิวัตน์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนดัชนีเป็นเพราะโลกาภิวัตน์ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วไป. เราพิจารณาบทความนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนวัตกรรมใหม่และเหมาะสม แต่จะมี จำกัด เมื่อมันจะไปลึก สิ่งสำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายไม่สามารถข้ามไปยังเวรกรรมซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้ถือโลกาภิวัตน์ที่สามารถทำให้เกิดสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางบวกแทนการกับคนที่เป็นลบเราสามารถอยู่แล้วสรุปโลกาภิวัตน์ที่มีการกระทำมีผลข้างเคียงที่ จำกัด ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลกจากมุมมองที่มีขนาดใหญ่. "โลกาภิวัตน์เช่นกระบวนการใด ๆ สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างยั่งยืนหรือไม่." [4] กลุ่มของเราเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลทางเลือกขององค์กรและ บริษัท เช่นเดียวกับการดำเนินการโดยบุคคลทั้งหมดอาจมีผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนโลกาภิวัตน์และทำให้คำตอบอธิบาย "วิธีโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืนคือ" มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ทั้งสองฝ่ายอาจจะน้อยเมื่อเทียบกับนโยบายของรัฐบาล บอกว่าโลกาภิวัตน์คือตอนนี้ 70% อย่างยั่งยืนเป็น บริษัท ขนาดใหญ่พึ่งพาเชื้อเพลิงมากอาจทำให้จำนวน 69.9%; รัฐธรรมนูญของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดข้อ จำกัด การใช้งานทรัพยากรของ บริษัท ทั่วโลก 'และส่งเสริมการใช้ประโยชน์พลังงานใหม่อาจทำให้มัน 72% ปัญหาที่เกิดจากช่องว่างระหว่างประเทศที่อาจจะมีการปรับตัวดีขึ้น ทั้งหมดในทุกวิธีโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืนคืออะไร? ในหลักการทุกคนสามารถสร้างความแตกต่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่ยุคโลกาภิวัฒน์อาจถึงจุดจบในอนาคตอันใกล้ มันเป็นมนุษย์หน้าที่ " เพื่อหารือเกี่ยวกับคำถามต่อไปนี้ : โลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน ในความรู้สึกของการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยมนุษย์ หรืออันตรายต่อระบบ นิเวศวิทยา จำกัด ?เช่นเดียวกับทุกเหรียญมีสองด้าน โลกาภิวัตน์ได้ประจักษ์ด้วยตัวเองผ่านจำนวนมากของขัดแย้งที่ดูเหมือนผลเนื่องจากการปรากฏตัวของมัน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จะเพิ่ม ในขณะที่ความต้องการใช้วัสดุและพลังงานที่เพิ่มขึ้น โอกาสของการพัฒนาที่พบในหน้าของการพัฒนาประเทศ ในขณะที่ช่องว่างระหว่างประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาที่กำลังลุกลาม เมื่อ บริษัท ย้ายไปยังประเทศที่มีแรงงานถูกกว่า ที่ว่างงานเพิ่มเติมมีอยู่ในประเทศนี้ ในขณะที่บางส่วนของบุคคลของประเทศอื่นอาจจะได้รับการสูญเสียงาน นักวิชาการถือมุมมองที่แตกต่างกันเมื่อมันมาเพื่อความยั่งยืนของโลกาภิวัตน์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มของเราชอบที่จะให้ข้อมูล พูดคุยตามรายงานของ " โลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน ? " [ 3 ] และ coauthored โดยพิมมาร์เทนโมซิน ราซา แม้อิทธิพลที่ไม่ดีของโลกาภิวัตน์คือ ไกล มาก ขอบเขตบางอย่างยั่งยืน แรกของทั้งหมด , กระดาษที่อยู่ใน Maastricht ดัชนีโลกาภิวัตน์ ( mgi ) ซึ่งเป็นการประเมินเพื่อการศึกษาระดับปริญญาสิ่งที่พื้นที่มีทั่วโลก และเป็นระดับศูนย์ถึงร้อยจากต่ำสุดไปสูงสุด mgi จะพิจารณาตัวแปรจากการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม , โดเมนเทคโนโลยีและระบบนิเวศ เพื่อให้ครอบคลุม ประการที่สอง ผู้เขียนอธิบายได้แก่ดัชนีความยั่งยืน ตัวอย่างเช่นดัชนีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ( EPI ) สอดคล้องกับสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนามนุษย์ดัชนีที่จะวัดความสำเร็จในด้านสุขภาพ ความรู้ และมาตรฐานความเป็นอยู่ ประการที่สาม ผู้เขียนใช้ Spearman การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง mgi ใช้สมการถดถอยและดัชนีความยั่งยืน ผลของความสัมพันธ์ระหว่าง mgi และ EPI คือ 0.628 และระหว่างและ mgi HDI เป็น 0.795 ทั้งอย่างมีนัยสำคัญ ในที่สุด พวกเขาสรุปผลของความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีโลกาภิวัตน์และดัชนีความยั่งยืนเนื่องจากโลกาภิวัตน์ของความยั่งยืน ทั่วไปเราพิจารณากระดาษนี้เป็นส่วนใหญ่นวัตกรรมและเหมาะสม แต่จะ จำกัด เมื่อมันเข้าไปลึก ที่สำคัญที่สุดคือ สหสัมพันธ์อย่างง่ายของความสัมพันธ์ไม่สามารถข้ามไป ( ซึ่งหมายความว่ามันไม่ถือว่าโลกาภิวัตน์สามารถสาเหตุทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมยั่งยืน อย่างไรก็ตาม มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับเชิงลบแทนเราแล้วสามารถสรุปได้ว่า โลกาภิวัตน์ได้นั่นเอง จำกัดผลข้างเคียงเพื่อความยั่งยืนของโลกจากมุมขนาดใหญ่" โลกาภิวัตน์ เช่น กระบวนการใด ๆ สามารถทำงานได้ทั้งยั่งยืนหรือไม่ " [ 4 ] กลุ่มของเราเชื่อว่านโยบายของรัฐบาล , ทางเลือกขององค์กรและ บริษัท รวมทั้งการกระทำโดยบุคคลอาจส่งผลต่อความยั่งยืนของโลกาภิวัตน์ และดังนั้นจึง ตอบอธิบาย " วิธีการที่ยั่งยืนโลกาภิวัตน์คือ " มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่สองอย่างหลังอาจจะเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนโยบายของรัฐบาล ว่า โลกาภิวัตน์ คือตอนนี้ 70% ที่ยั่งยืน ซึ่งเป็น บริษัท ขนาดใหญ่ที่ใช้เชื้อเพลิงมากอาจทำให้ตัวเลข 69.9 ; รัฐบาลรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด จำกัด บริษัท สากลการใช้และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรพลังงานใหม่อาจทำให้ 72 % ปัญหาช่องว่างระหว่างประชาชาติอาจจะ ameliorated . ทั้งหมดในทุก , ว่าโลกาภิวัตน์อย่างยั่งยืน ? ในหลักการ ทุกคนสามารถสร้างความแตกต่าง