IV. ConclusionIt has to be acknowle

IV. Conclusion
It has to be acknowledged that even though Weber believes
rationality and efficiency can be attained through bureaucracy,
he was mindful of its shortcomings as evidenced by the fact
that he also associated it with “an oppressive routine adverse
to personal freedom” [10]. He realizes that bureaucracy limits
individual freedom and makes it difficult if not impossible for
individuals to understand their activities in relation to the
organization as a whole. Most importantly, bureaucracy favors
what Weber called the “crippled personality of the specialties”
[10]. Due to the irreconcilable differences between the
administrative traditions that were presented by the founding
fathers and the impossibility of managing a modern society
without bureaucracy, it is not surprising that scholars within
the field of public administration have so far failed to come up
with an adequate theoretical base to explain the relationship
between bureaucracy and representative government. The
changes that have taken place within the American society make
it clear that the problems administrators have to contend with
do not easily fit the existing structure of hierarchy and authority
based structure. Hence, the need to restructure or readjust the
bureaucracy to adapt to new and complex problems becomes
apparent. Unfortunately, there is no consensus regarding how
the restructuring can be done and this issue will remain one of
the hot debates in the field of PA for the coming decades.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

IV. บทสรุปต้องได้รับทราบที่แม้ว่าแบ่งแยกเชื่อสามารถบรรลุ rationality และประสิทธิภาพผ่านระบบราชการเขาคำนึงถึงการแสดงความเป็นเป็นหลักฐานความจริงว่า เขายังเชื่อมโยงมันกับ "การกดขี่ประจำร้ายเพื่อเสรีภาพส่วนบุคคล" [10] เขาตระหนักว่า ข้าราชการจำกัดเสรีภาพแต่ละ และทำให้มันยากถ้าไม่ไปไม่ได้สำหรับบุคคลเข้าใจกิจกรรมของพวกเขาในการองค์กรทั้งหมด ที่สุดสำคัญ อำมาตยาธิปไตยหอมแบ่งแยกเรียกอะไร "ง่อยบุคลิกภาพของความเชี่ยวชาญ"[10] . จาก irreconcilable แตกในประเพณีการปกครองที่ถูกนำเสนอ โดยการก่อตั้งบรรพบุรุษและเป็นไปได้ทำการจัดการสังคมสมัยใหม่โดยข้าราชการ มันจะไม่น่าแปลกใจที่นักวิชาการภายในด้านการบริหารราชการล้มเหลวจนมามีฐานทฤษฎีพอจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการและพนักงานรัฐ ที่ทำการเปลี่ยนแปลงที่เกิดภายในสังคมอเมริกันขึ้นมันชัดเจนว่า ปัญหาผู้ดูแลระบบต้องขับเคี่ยวกับไม่ได้ตรงโครงสร้างลำดับชั้นและผู้มีอำนาจตามโครงสร้าง ดังนั้น จำเป็นต้องจัดโครงสร้างใหม่ หรือปรับเปลี่ยนการกลายเป็นระบบราชการเพื่อปรับให้เข้ากับปัญหาใหม่ และซับซ้อนชัดเจน อับ มีมติไม่เกี่ยวกับวิธีปรับโครงสร้างสามารถทำได้ และปัญหานี้จะยังคงเป็นหนึ่งดำเนินอุ่นในฟิลด์ของ PA สำหรับทศวรรษที่ผ่านมามา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

4 . สรุป
มันต้องยอมรับว่าถึงแม้ว่าเวเบอร์เชื่อว่า
เหตุผลและประสิทธิภาพสามารถบรรลุผ่านระบบราชการ
เขาจดจ่อข้อบกพร่องของมันเป็น evidenced โดยความเป็นจริง
เขายังเกี่ยวข้องกับ " การกดขี่ประทวน
เสรีภาพส่วนบุคคล " [ 10 ] เขาตระหนักว่าระบบราชการจำกัด
เสรีภาพส่วนบุคคล และทำให้มันเป็นเรื่องยากหากไม่เป็นไปไม่ได้สำหรับ
บุคคลที่จะเข้าใจกิจกรรมของพวกเขาในความสัมพันธ์กับ
องค์กรทั้งหมด ที่สำคัญที่สุด คือ บุญ
สิ่งที่ Weber เรียกว่า " ทำลายบุคลิกภาพของพิเศษ "
[ 10 ] เนื่องจากความแตกต่างเข้ากันไม่ได้ระหว่าง
ประเพณีการปกครองที่ถูกเสนอโดยผู้ก่อตั้ง
พ่อและเป็นไปไม่ได้ของการจัดการ
สังคมที่ทันสมัยโดยระบบราชการมันไม่น่าแปลกใจที่นักวิชาการในสาขาการบริหารรัฐกิจ
มีการล้มเหลวเพื่อให้ห่างไกลมา
กับทฤษฎีพื้นฐานที่เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการ และตัวแทนรัฐบาล
.
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในสังคมอเมริกันให้
มันชัดเจนว่าปัญหาผู้บริหารต้องขับเคี่ยวกับ
ไม่ได้อย่างง่ายดายพอดีที่มีอยู่ในโครงสร้างลำดับชั้นและอำนาจ
ตามโครงสร้าง ดังนั้น ต้องปรับโครงสร้างระบบราชการ หรือปรับให้เข้ากับปัญหา

ใหม่และซับซ้อนกลายเป็นชัดเจน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีฉันทามติเกี่ยวกับวิธี
ปรับโครงสร้างสามารถทําได้ และปัญหานี้จะยังคงเป็นหนึ่งของการอภิปรายร้อน
ในเขตของป่าสำหรับทศวรรษที่ผ่านมา .