important temple. The 14th century

important temple. The 14th century temple is located on a small hill East of town across the Nan river, from where good views of the town of Nan and the surrounding valley and river can be had.

The temple derives its name from the Phra That Chae Haeng, the gilded chedi that contains a relic of the Buddha.
The Wat Phra That Chae Haeng was founded in 1355. The structures of the temple complex show a mix of several architectural styles, including Lanna and Thai Lü.







Wat Phra That Chae Haeng (built 1354-58 onward)

Wat Phra That Chae Haeng stands on a low hill to the southeast of Nan, beyond the Nan river. It was founded in 1354-8 by Chao Phraya Kan Muang--the dominant power in the Nan valley—while the kingdom's capital lay at Pua. A few years later, when the capital of the kingdom was transferred to Nan, the wat was moved to a new location, only to be moved again in 1368 to its present location by the ruler Chao Pha Kong.

The most interesting feature of Wat Phra That Chae Haeng is its mondop, which lies inside the inner enclosure that also houses the chedi (rebuilt in 1454) and the viharn. The roof of the mondop is quite similar to the that of the viharn-ubosot at Wat Phumin in central Nan, though of a more rustic style.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดที่สำคัญ ศตวรรษที่ 14 วัดตั้งอยู่บนเนินทางตะวันออกจากเมืองข้ามแม่น้ำน่าน จากที่สามารถมีมุมมองที่ดีของเมืองน่าน และบริเวณหุบเขา และแม่น้ำวัดมาชื่อจากพระที่แช่แห้ง หอคำเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุของพระพุทธเจ้าวัดพระที่แช่แห้งก่อตั้งขึ้นใน 1355 โครงสร้างของวัดซับซ้อนแสดงผสมลักษณะสถาปัตยกรรมหลาย รวมทั้งล้านนาและไทยลื้อวัดพระที่แช่แห้ง (สร้าง 1354-58 เป็นต้นไป)วัดพระที่แช่แห้งตั้งอยู่บนเนินเขาต่ำไปตะวันออกเฉียงใต้ของน่าน นอกเหนือจากแม่น้ำน่าน มันก่อใน 1354-8 โดยเจ้าพระยาเมืองกาญจน์ - พลังงานหลักในหุบเขาน่าน — เลย์เมืองหลวงของราชอาณาจักรที่ปัวในขณะนั้น ไม่กี่ปีต่อมา เมื่อเมืองหลวงของราชอาณาจักรที่ถูกโอนย้ายไปน่าน วัดถูกย้ายไปตั้งใหม่ เท่านั้นที่จะย้ายอีกครั้งในค.ศ. 1368 ไปยังตำแหน่งปัจจุบัน โดยเจ้าผากองไม้บรรทัดคุณลักษณะน่าสนใจของวัดพระที่แช่แห้งเป็นของ mondop ซึ่งตั้งอยู่ภายในกรงภายในที่ยัง บ้านเจดีย์ (ที่สร้างใหม่ใน 1454) และการประกอบ หลังคาของ mondop จะคล้ายกับที่ของอุโบสถองค์ที่วัดภูมินทร์ในกลางน่าน ว่าของแบบชนบทมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดที่สำคัญ วัดศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ ทางตะวันออกของเมืองข้ามแม่น้ำน่านจากที่มุมมองที่ดีของเมืองน่านและหุบเขาโดยรอบและแม่น้ำสามารถมี. วัดล้วนมาจากชื่อพระธาตุแช่แห้งที่ เจดีย์ทองที่มีระลึกของพระพุทธเจ้า. วัดพระธาตุแช่แห้งก่อตั้งขึ้นในปี 1355. โครงสร้างของวัดที่ซับซ้อนแสดงการผสมผสานของรูปแบบสถาปัตยกรรมหลายแห่งรวมถึงล้านนาไทยและLü. วัดพระธาตุแช่แห้ง (สร้าง 1354- 58 เป็นต้นไป) วัดพระธาตุแช่แห้งตั้งอยู่บนเนินเขาต่ำไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดน่านเกินกว่าแม่น้ำน่าน ได้ก่อตั้งขึ้นใน 1354-8 เจ้าพระยากาญจน์เมือง - พลังที่โดดเด่นในหุบเขาในขณะที่น่านเมืองหลวงของราชอาณาจักรที่วางปัว ไม่กี่ปีต่อมาเมื่อเมืองหลวงของอาณาจักรที่ถูกย้ายไปจังหวัดน่านวัดที่ถูกย้ายไปยังตำแหน่งใหม่เท่านั้นที่จะถูกย้ายอีกครั้งใน 1368 ปัจจุบันตั้งอยู่โดยผู้ปกครองเจ้าผากง. คุณลักษณะที่น่าสนใจที่สุดของวัดพระธาตุ ธาตุแช่แห้งเป็นของมณฑปซึ่งอยู่ภายในตู้ภายในที่ยังบ้านเจดีย์ (สร้างใหม่ใน 1454) และวิหาร หลังคาของมณฑปค่อนข้างคล้ายกับที่ของวิหาร-พระอุโบสถวัดภูมินทร์ในใจกลางน่าน แต่ของรูปแบบที่เรียบง่ายมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัดที่สำคัญ ในศตวรรษที่ 14 วัดตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดเล็กของเมืองตะวันออก ข้ามแม่น้ำน่าน ซึ่งมุมมองที่ดีของเมืองน่าน และบริเวณหุบเขาและแม่น้ำได้

วัดมาจากชื่อของพระธาตุแชแหง , ปิดทองเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
วัดพระธาตุแช่แห้ง ก่อตั้งขึ้นในปี 1277 .โครงสร้างของวิหารที่ซับซ้อนแสดงการผสมของรูปแบบสถาปัตยกรรมหลายแห่งรวมถึงล้านนาและไทย L ü .







วัดพระธาตุแช่แห้ง ( สร้าง 1354-58 เป็นต้นไป )

วัดพระธาตุแช่แห้งตั้งอยู่บนเนินเขาต่ำไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของน่านเหนือน่าน ก่อตั้งขึ้นใน 1354-8 โดยเจ้าพระยาคันม่วง - เด่น พลังงาน ใน น่าน วัลเล่ย์ ในขณะที่เมืองหลวงของอาณาจักรนอนที่ปัว .ไม่กี่ปีต่อมา เมื่อเมืองหลวงของอาณาจักร ถูกย้ายไปน่าน วัดที่ถูกย้ายไปยังตำแหน่งใหม่ แต่จะย้ายอีกครั้งในการรับสถานที่ปัจจุบัน โดยผู้ปกครองเจ้าฟ้าฮ่องกง

คุณลักษณะที่น่าสนใจที่สุดของวัดพระธาตุแช่แห้งเป็นมณฑปซึ่งอยู่ในภายใน ตู้ที่ยังมีบ้านเจดีย์สร้างใหม่ในตัว ) และด้วยหลังคาของมณฑปเป็นคล้ายกันมากกับที่ของพระอุโบสถที่วัดภูมินทร์ ฝ่ายกลางน่าน แม้ว่าสไตล์ชนบทมากขึ้น