1. ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ (พระบ

1. ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์

(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระอนันทมหิดล)

ประเทศไทยก่อนที่จะมาเป็นประชาธิปไตย ก็ได้อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาก่อน ซึ่งเป็นแบบพ่อปกครองลูก แล้วจึงเป็นนายปกครองบ่าว ด้วยเพราะคนไทยรักอิสระ และเกิดการเรียกร้องสิทธิให้มีสิทธิเท่าเทียมกันหมด จนกระทั่งถึงค.ศ. 1932 เราจึงมีประชาธิปไตยดังเช่นทุกวันนี้

แต่คนไทยก็ไม่อาจทิ้งระบบกษัตริย์ เพราะความจงรักภักดีที่เคยชินมาตั้งแต่สมัยโบราณ เราจึงเป็นประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งก็มีไม่มากนักในโลกนี้....

แถมกษัตริย์ของเรายังไม่ใช่เพียง"สัญลักษณ์"อย่างบางประเทศ ที่กษัตริย์แทบไม่มีบทบาทอะไร กลับกัน แม้ว่าคนไทยจะหวงแหนประชาธิปไตย แต่กลับเชื่อฟังในคำสอนของในหลวง

แม้ว่าด้วยพระราชอำนาจแล้ว พระองค์จะ "มีสิทธิ์" ที่จะสั่งการใดๆก็ได้ แต่ด้วยพระเมตตา พระองค์จึงใช้สติคิดตรองก่อนทุกครั้ง ที่จะทรงรับสั่งอะไรออกไป ซึ่งจุดนี้หากลองอ่านพระราชประวัติ ก็จะทราบดี

เช่น การตักเตือนบรรดารัฐมนตรี หรือรัฐบาล พระองค์จะไม่ค่อยต่อว่าใครตรงๆ หรือเอ่ยชื่อใครเพื่อตำหนิ หากจะชมก็ชมรวมๆเสียมากกว่า (ซึ่งแน่นอนว่าหากพระองค์พูดออกไป ไม่ว่าจะชมหรือตำหนิ มีผลทางการเมืองทั้งนั้น) ด้วยพระองค์ไม่ต้องการแทรกแซงทางการเมือง จึงรักษาแนวทางการใช้พระราชดำรัสในแบบนี้มาตลอด..แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่า คนไทยทุกคนพร้อมจะทำตามพระราชดำรัส
นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า แม้เราจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่เราก็ยังเทิดทูนในหลวงเหนือสิ่งอื่นใด....

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์

(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระอนันท มหิดล )

ประเทศไทยก่อนที่จะมาเป็นประชาธิปไตยก็ได้ อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาก่อนซึ่งเป็นแบบพ่อปกครองลูกแล้วจึงเป็นนายปกครองบ่าวด้วยเพราะ คนไทยรักอิสระและเกิดการเรียก ร้องสิทธิให้มีสิทธิเท่าเทียมกันหมดจนกระทั่งถึงค . ศ 1932 จึงมีเราประชาธิปไตยดังเช่นทุกวันนี้

แต่ของคุณคนไทย English ก็ไม่อาจทิ้งระบบผู้ซื้อสินค้ากษัตริย์เพราะความสามารถจงรักภักดีที่เคยชินมาตั้งแต่สมัยโบราณเราจึงเป็นประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์เป็นประมุขซึ่งก็มีไม่มากนักในห้างหุ้นส่วนจำกัดโลกนี้ ....

แถมกษัตริย์ ของเรายังไม่ใช่เพียง "สัญลักษณ์" อย่างบางออกประเทศที่กษัตริย์แทบไม่มีบทบาทอะไรกลับกันแม้ว่าของคุณคนไทย English จะหวงแหนประชาธิปไตย แต่กลับเชื่อฟังในห้างหุ้นส่วนจำกัดคำสอนของในหลวง

แม้ว่าด้วยที่คุณพระราชอำนาจแล้วพระองค์จะ "มีสิทธิ์" ที่จะสั่งการใด ๆ ก็ได้ แต่ด้วยที่คุณพระคุณเมตตาพระองค์จึงใช้สติคิดตรองก่อนทุกครั้งที่จะคุณทรงรับสั่งอะไรออกไปซึ่งจุดนี้หากลองอ่านที่คุณพระราชประวัติก็จะทราบดี

เช่นหัวเรื่อง: การตักเตือนบรรดารัฐมนตรีหรือรัฐบาลพระองค์จะไม่ค่อยต่อว่าได้ใครตรงๆหรือ เอ่ยชื่อใครเพื่อตำหนิหากจะชม ก็ชมรวม ๆ เสียมากกว่า (ซึ่งแน่นอนว่าหากพระองค์พูดออกไป ไม่ว่าจะชมหรือตำหนิมีผลทางการเมืองทั้งนั้น ) ด้วยพระองค์ไม่ต้องการแทรกแซงทางการเมืองจึง รักษาแนวทางการใช้พระราชดำรัส ในแบบนี้มาตลอด.. ก็เป็น แต่ที่แน่นอนว่าได้ของคุณคนไทย English ทุกของคุณคนพร้อมจะทำตามที่คุณพระราชดำรัส
นั่นจึงสำคัญแสดงให้เห็นว่าได้แม้เราจะขณะนี้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดระบอบประชาธิปไตย แต่เราก็ยังเทิดทูนในหลวงเหนือสิ่งอื่นใด ... .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์( พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระอนันทมหิดล )ประเทศไทยก่อนที่จะมาเป็นประชาธิปไตยก็ได้อยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาก่อนซึ่งเป็นแบบพ่อปกครองลูกแล้วจึงเป็นนายปกครองบ่าวด้วยเพราะคนไทยรักอิสระและเกิดการเรียกร้องสิทธิให้มีสิทธิเท่าเทียมกันหมดจนกระทั่งถึงค . ศ . เราจึงมีประชาธิปไตยดังเช่นทุกวันนี้ 1932แต่คนไทยก็ไม่อาจทิ้งระบบกษัตริย์เพราะความจงรักภักดีที่เคยชินมาตั้งแต่สมัยโบราณเราจึงเป็นประชาธิปไตยโดยมีกษัตริย์เป็นประมุขซึ่งก็มีไม่มากนักในโลกนี้ . . . . . . .แถมกษัตริย์ของเรายังไม่ใช่เพียง " สัญลักษณ์ " อย่างบางประเทศที่กษัตริย์แทบไม่มีบทบาทอะไรกลับกันแม้ว่าคนไทยจะหวงแหนประชาธิปไตยแต่กลับเชื่อฟังในคำสอนของในหลวงแม้ว่าด้วยพระราชอำนาจแล้วพระองค์จะ " มีสิทธิ์ " ที่จะสั่งการใดๆก็ได้แต่ด้วยพระเมตตาพระองค์จึงใช้สติคิดตรองก่อนทุกครั้งที่จะทรงรับสั่งอะไรออกไปซึ่งจุดนี้หากลองอ่านพระราชประวัติก็จะทราบดีเช่นการตักเตือนบรรดารัฐมนตรีหรือรัฐบาลพระองค์จะไม่ค่อยต่อว่าใครตรงๆหรือเอ่ยชื่อใครเพื่อตำหนิหากจะชมก็ชมรวมๆเสียมากกว่า ( ซึ่งแน่นอนว่าหากพระองค์พูดออกไปไม่ว่าจะชมหรือตำหนิมีผลทางการเมืองทั้งนั้น ) ด้วยพระองค์ไม่ต้องการแทรกแซงทางการเมืองจึงรักษาแนวทางก . . . . . . . แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าคนไทยทุกคนพร้อมจะทำตามพระราชดำรัสารใช้พระราชดำรัสในแบบนี้มาตลอดนั่นจึงแสดงให้เห็นว่าแม้เราจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแต่เราก็ยังเทิดทูนในหลวงเหนือสิ่งอื่นใด . . . . . . .