At the cam nose the radius of the c

At the cam nose the radius of the cam is necessarily small, this being counter- productive to lubricant film generation. in addition the mean entraining velocity is _ modest. The relative constancy of these two quantities over the region of the nose explains why the film thickness varies little in this locality. It is instructive’ to develop the consideration of film thickness generation a little further by presenting the results of some straightforward calculations. The case considered is detailed in Appendix 1 with an operating dynamic viscosity of the lubricant of 0.01 Ns/m2. Two camshaft rotational frequencies will be taken - 1200rpm (2OHz) and 3000rpm (5OHz). The cam nose radius will be taken as 6mm and the film thickness also calculated on the flanks where the radius is at its maximum value of about 120mm. According to the line contact elastohydrodynamic lubrication theory the minimum lubricant film thickness predictions are shown in Table 1. At the camshaft frequency of ‘l200rpm the load transmitted between cam and follower was 54ON at both the nose and flank locations whilst at 3000rpm the respective values were 275N and ZOOON. A sample calculation is presented in Appendix 2.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่จมูกเบี้ยว รัศมีของกล้องมีจำเป็นต้องขนาดเล็ก นี้เป็นเคาน์เตอร์เก็บ-ประสิทธิผลการสร้างฟิล์มหล่อลื่น นอกจากนี้ มัชฌิม entraining ความเร็วคือ _เจียมเนื้อเจียมตัว ทางสัมพันธ์ของปริมาณเหล่านี้สองผ่านภูมิภาคของจมูกอธิบายเหตุความหนาของฟิล์มแตกต่างกันไปเล็กน้อยในท้องถิ่นนี้ จึงให้คำแนะนำ ' พัฒนาพิจารณารุ่นฟิล์มหนาเล็กน้อยเพิ่มเติม ด้วยการนำเสนอผลลัพธ์ของการคำนวณบางอย่างตรงไปตรงมา กรณีถือว่าเป็นรายละเอียดในภาคผนวก 1 กับความหนืดพลวัตการดำเนินงานของน้ำมันหล่อลื่นของ 0.01 Ns/m2 จะสามารถรับความถี่ในการหมุน camshaft สอง - 1200 รอบต่อนาที (2OHz) และ 3000 รอบต่อนาที (5OHz) รัศมีจมูกเบี้ยวไว้ 6 มม. และความหนาของฟิล์มยังคำนวณ flanks รัศมีอยู่ที่ค่าสูงสุดประมาณ 120 มม. ตามทฤษฎีติดต่อ elastohydrodynamic หล่อลื่นเส้นความหนาฟิล์มหล่อลื่นต่ำสุด คาดคะเนจะแสดงในตารางที่ 1 ที่ความถี่ camshaft ของ ' l200rpm โหลดส่งระหว่างแคมและผู้ติดตาม 54ON จมูกและ flank สถานที่ขณะที่ 3000 rpm ค่านั้น ๆ ได้ 275N และ ZOOON ตัวอย่างการคำนวณแสดงในภาคผนวก 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่จมูกบรัศมีของกล้องที่มีขนาดเล็กจำเป็นต้องนี่เป็นเคาน์เตอร์ผลิตเพื่อน้ำมันหล่อลื่นรุ่นฟิล์ม นอกเหนือจากค่าเฉลี่ยความเร็ว entraining เป็น _ เจียมเนื้อเจียมตัว ความมั่นคงความสัมพันธ์ของทั้งสองภาคเหนือปริมาณของจมูกอธิบายว่าทำไมความหนาของฟิล์มที่แตกต่างกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ในท้องถิ่นนี้ มันเป็นคำแนะนำในการพัฒนาการพิจารณาของรุ่นความหนาของฟิล์มเล็กน้อยต่อไปโดยนำเสนอผลของการคำนวณตรงไปตรงมาบางส่วน กรณีที่ถือว่าเป็นรายละเอียดในภาคผนวก 1 ที่มีความหนืดแบบไดนามิกในการดำเนินงานของน้ำมันหล่อลื่น 0.01 Ns / m2 เพลาลูกเบี้ยวสองความถี่การหมุนจะถูกนำ - 1200rpm (2OHz) และ 3000rpm (5OHz) รัศมีจมูกบจะถูกนำมาเป็น 6mm และความหนาของฟิล์มคำนวณยัง Anks ชั้นที่รัศมีอยู่ที่ค่าสูงสุดประมาณ 120 มม ตามที่สายการติดต่อทฤษฎีหล่อลื่น elastohydrodynamic น้ำมันหล่อลื่นภาพยนตร์การคาดการณ์ความหนาอย่างน้อยจะแสดงในตารางที่ 1 ที่ความถี่เพลาลูกเบี้ยวของ l200rpm โหลดส่งระหว่างบและลูกศิษย์เป็น 54ON ทั้งจมูกและสถานที่ Ank ชั้นในขณะที่ 3000 รอบต่อนาทีตามลำดับมีค่า 275N และ ZOOON ตัวอย่างการคำนวณจะนำเสนอในภาคผนวก 2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่แคมจมูกรัศมีของกล้องต้องขนาดเล็กนี้เป็นเคาน์เตอร์ - มีประสิทธิภาพเพื่อหล่อลื่นฟิล์มรุ่น นอกจากนี้ หมายถึง entraining ความเร็ว _ เจียมเนื้อเจียมตัว ญาติของทั้งสองได้ในปริมาณที่คงที่มากกว่าภูมิภาคของจมูกอธิบายว่าทำไมฟิล์มความหนาแตกต่างกันเล็กน้อยในท้องที่นี้มันก็ให้ความรู้เพื่อพัฒนาและการพิจารณาความหนาของฟิล์มรุ่นเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยเสนอผลของตรงไปตรงมาในการคํานวณ กรณีนี้ถือว่ามีรายละเอียดในภาคผนวก 1 หรือความหนืดของน้ำมันหล่อลื่นแบบไดนามิก 01 NS / m2 สองแคมชาฟท์หมุนความถี่จะถูก - 1200rpm ( 2ohz ) และ 3000rpm ( 5ohz )ลูกเบี้ยวรัศมีจมูกจะถ่ายเป็นฟิล์มหนา 6mm และยังส่งผลกระทบต่อfl anks ที่รัศมีอยู่ที่มูลค่าสูงสุดประมาณ 120 . ตามเส้นติดต่อ elastohydrodynamic ทฤษฎีขั้นต่ำหล่อลื่นหล่อลื่นฟิล์มหนาคาดคะเนจะแสดงในตารางที่ 1ที่แคมชาฟท์ความถี่ของ ' l200rpm โหลดส่งระหว่างแคม และ ผู้ตามก็ 54on ทั้งจมูกและfl ank สถานที่ ในขณะที่ใน 3000rpm ค่านั้นๆ และมี 275n zooon . ตัวอย่างการคำนวณแสดงไว้ในภาคผนวกที่ 2