พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา หรือปางประทานเอหิภิกขุโดยประดิษฐานเป็น พระ การแปล - พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา หรือปางประทานเอหิภิกขุโดยประดิษฐานเป็น พระ ไทย วิธีการพูด

พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา หรือปาง

พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา หรือปางประทานเอหิภิกขุโดยประดิษฐานเป็น พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี (ระหว่างปีพุทธศักราช ๑๑๐๐-๑๖๐๐) ชาวบ้านมักจะเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อประทานพร” พระพุทธรูปศิลาขาว ทำจากศิลาสีขาวขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะทั่วไปเป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี ประทับนั่งบนบัลลังก์ห้อยพระบาททั้งสอง (ปรลัมพปาทาสนะ) ลงบนฐานทำเป็นกลีบบัวบานรองรับ ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า “ภัทรอาสน์” หรือ “ภัทราสนะ” พระหัตถ์ซ้ายของพระพุทธรูปวางหงายอยู่เหนือพระเพลาซ้าย ส่วนพระหัตถ์ขวายกอยู่ในระดับพระอุระ หันฝ่าพระหัตถ์ออกปลาย พระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) กับพระดัชนี (นิ้วชี้) งอโค้งจรดกันเป็นวงกลม ส่วนอีกสามนิ้วพระหัตถ์กางออก พระพุทธรูปในรูปท่าแบบนี้ เรียกว่า “ปางประทานปฐมเทศนา” หรือ “ปางประทานเอหิภิกขุ” ขนาดความสูงจากพระเกตุถึงพระบาท ๓.๓๖ เมตร พระพุทธรูปศิลาขาว องค์ที่ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถ
พระพุทธรูปศิลาขาวทั้ง ๔ องค์ นั้น นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “พระพุทธรูปศิลาขาว สมัยทวารวดี” ว่า พระพุทธรูปศิลาเนื้อหินขาว ๔ องค์ ซึ่งเคยประดิษฐานอยู่ ณ วัดทุ่งพระเมรุ หรือวัดพระเมรุ จ.นครปฐม โดยพบ สถูปโบราณ สมัยทวารวดีองค์ใหญ่ มีร่องรอยว่ามีมุขประจำ ๔ ทิศ และในแต่ละมุขทิศเคยมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั่งห้อยพระบาทประจำอยู่นั้นในสมัย กรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ หรือรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ได้ขนย้ายพระพุทธรูปศิลาขาวมาประดิษฐานไว้ในวัดพระยากง ต.สำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา เกือบครบ ๓ องค์ คงทิ้งไว้ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) ๑ องค์ กับชิ้นส่วนขององค์พระบางท่อน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ได้นำองค์พระพุทธรูปศิลาขาวที่คงอยู่ ณ ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) นั้น ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร กับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้นำชิ้นส่วนที่เหลือไปจัดตั้งไว้ ณ พระระเบียงคดด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์ ส่วนที่นำไปวัดพระยากงเกือบครบ ๓ องค์นั้น ต่อมาราวกว่า ๒๐ ปีมานี้ ได้มีผู้ศรัทธานำบางส่วนมาประกอบเป็นองค์ไว้ที่ วัดขุนพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา
ส่วนที่ยังคงอยู่ที่วัดพระยากงก็มีคนใจร้ายทุบทำลายพระ เศียร ๒ พระเศียร ให้แตกแยกจากกันเพื่อสะดวกแก่การขนย้าย แล้วนำมาขายไว้ ณ ร้านค้าของเก่าในเวิ้งนครเกษม ๒ ร้าน ซึ่งกรมศิลปากรก็ได้ติดตามคืนมาได้ ครั้นต่อมา กรมศิลปากรด้วยความร่วมมือของผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำพระพุทธรูปองค์ที่อยู่วัดขุนพรหม กับชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั้งหมดที่วัดพระยากง และชิ้นส่วนขององค์พระที่มีอยู่ ณ พระระเบียงคดด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์ รวมทั้งพระเศียรองค์พระ ๒ พระเศียรที่ติดตามคืนมาได้จากร้านค้าของเก่าดังกล่าวแล้วจึงนำมาประกอบกัน ขึ้นเต็มองค์และปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม โดยถูกลดส่วนสัดได้ ๓ องค์ จัดตั้งแสดงไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ หนึ่งองค์ แสดงไว้ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งองค์ และได้นำมาประดิษฐานไว้เป็นที่สักการบูชา ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร อีกหนึ่งองค์ซึ่งได้รับขนานนามโดยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๕๑๐) ว่า “พระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดีปูชนียบพิตร”เมื่อรวมกับพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่รัชกาลที่ ๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็น พระประธานในพระอุโบสถ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ด้วยกันก็เป็นครบ ๔ องค์
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนาหรือปางประทานเอหิภิกขุโดยประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารต.พระปฐมเจดีย์อ.เมืองชาวบ้านมักจะเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าจ.นครปฐมสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี (ระหว่างปีพุทธศักราช ๑๑๐๐ - ๑๖๐๐) "หลวงพ่อประทานพร" พระพุทธรูปศิลาขาวทำจากศิลาสีขาวขนาดใหญ่มีพุทธลักษณะทั่วไปเป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดีประทับนั่งบนบัลลังก์ห้อยพระบาททั้งสอง (ปรลัมพปาทาสนะ) ลงบนฐานทำเป็นกลีบบัวบานรองรับซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ภัทรอาสน์" หรือ "ภัทราสนะ" พระหัตถ์ซ้ายของพระพุทธรูปวางหงายอยู่เหนือพระเพลาซ้ายส่วนพระหัตถ์ขวายกอยู่ในระดับพระอุระหันฝ่าพระหัตถ์ออกปลายพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) (นิ้วชี้) กับพระดัชนีงอโค้งจรดกันเป็นวงกลมส่วนอีกสามนิ้วพระหัตถ์กางออกพระพุทธรูปในรูปท่าแบบนี้เรียกว่า "ปางประทานปฐมเทศนา" หรือ "ปางประทานเอหิภิกขุ" ขนาดความสูงจากพระเกตุถึงพระบาท๓.๓๖เมตรพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่ประดิษฐานเป็นพระประธานณพระอุโบสถ พระพุทธรูปศิลาขาวทั้ง ๔ องค์นั้นนายธนิตอยู่โพธิ์อดีตอธิบดีกรมศิลปากรได้กล่าวไว้ในหนังสือ "พระพุทธรูปศิลาขาวสมัยทวารวดี" ว่าพระพุทธรูปศิลาเนื้อหินขาว ๔ องค์ซึ่งเคยประดิษฐานอยู่ณวัดทุ่งพระเมรุหรือวัดพระเมรุจ.นครปฐมโดยพบสถูปโบราณสมัยทวารวดีองค์ใหญ่มีร่องรอยว่ามีมุขประจำ ๔ ทิศและในแต่ละมุขทิศเคยมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั่งห้อยพระบาทประจำอยู่นั้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ หรือรัชกาลสมเด็จพระราเมศวรได้ขนย้ายพระพุทธรูปศิลาขาวมาประดิษฐานไว้ในวัดพระยากงต.สำเภาล่มจ.พระนครศรีอยุธยาเกือบครบ ๓ องค์คงทิ้งไว้ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) ๑ องค์กับชิ้นส่วนขององค์พระบางท่อนต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๔ได้นำองค์พระพุทธรูปศิลาขาวที่คงอยู่ณที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) นั้นไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารกับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้นำชิ้นส่วนที่เหลือไปจัดตั้งไว้ณพระระเบียงคดด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์ส่วนที่นำไปวัดพระยากงเกือบครบ ๓ องค์นั้นต่อมาราวกว่า ๒๐ ปีมานี้ได้มีผู้ศรัทธานำบางส่วนมาประกอบเป็นองค์ไว้ที่วัดขุนพรหมจ.พระนครศรีอยุธยาส่วนที่ยังคงอยู่ที่วัดพระยากงก็มีคนใจร้ายทุบทำลายพระเศียร ๒ พระเศียรให้แตกแยกจากกันเพื่อสะดวกแก่การขนย้ายแล้วนำมาขายไว้ณร้านค้าของเก่าในเวิ้งนครเกษม ๒ ร้านซึ่งกรมศิลปากรก็ได้ติดตามคืนมาได้ครั้นต่อมากรมศิลปากรด้วยความร่วมมือของผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้นำพระพุทธรูปองค์ที่อยู่วัดขุนพรหมกับชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั้งหมดที่วัดพระยากงและชิ้นส่วนขององค์พระที่มีอยู่ณพระระเบียงคดด้านนอกองค์พระปฐมเจดีย์รวมทั้งพระเศียรองค์พระ ๒ พระเศียรที่ติดตามคืนมาได้จากร้านค้าของเก่าดังกล่าวแล้วจึงนำมาประกอบกันขึ้นเต็มองค์และปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมโดยถูกลดส่วนสัดได้ ๓ องค์จัดตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพฯ หนึ่งองค์แสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาจ.พระนครศรีอยุธยาหนึ่งองค์และได้นำมาประดิษฐานไว้เป็นที่สักการบูชาณลานชั้นลด (กะเปาะ) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารอีกหนึ่งองค์ซึ่งได้รับขนานนามโดยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๕๑๐) ว่า "พระพุทธนรเชษฐ์เศวตอัศมมัยมุนีศรีทวารวดีปูชนียบพิตร" เมื่อรวมกับพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่รัชกาลที่ ๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารด้วยกันก็เป็นครบ ๔ องค์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนา พระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารต. พระปฐมเจดีย์อ. เมืองจ. นครปฐมสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี (ระหว่างปีพุทธศักราช 1100-1600) "หลวงพ่อประทานพร" พระพุทธรูปศิลาขาวทำจากศิลาสีขาวขนาดใหญ่ (ปรลัมพปาทาสนะ) ลงบนฐานทำเป็นกลีบบัวบานรองรับซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ภัทรอาสน์" หรือ "ภัทราสนะ" หันฝ่าพระหัตถ์ออกปลายพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) กับพระดัชนี (นิ้วชี้) งอโค้งจรดกันเป็นวงกลมส่วนอีกสามนิ้วพระหัตถ์กางออกพระพุทธรูปในรูปท่าแบบนี้เรียกว่า "ปางประทานปฐมเทศนา" หรือ "ปางประทาน เอหิภิกขุ "ขนาดความสูงจากพระเกตุถึงพระบาท 3.36 เมตรพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถ
พระพุทธรูปศิลาขาวทั้ง 4 องค์นั้นนายธนิตอยู่โพธิ์อดีตอธิบดีกรมศิลปากรได้กล่าวไว้ในหนังสือ " พระพุทธรูปศิลาขาวสมัยทวารวดี "ว่าพระพุทธรูปศิลาเนื้อหินขาว 4 องค์ซึ่งเคยประดิษฐานอยู่ ณ วัดทุ่งพระเมรุหรือวัดพระเมรุจ. นครปฐมโดยพบสถูปโบราณสมัยทวารวดีองค์ใหญ่มีร่องรอยว่ามีมุขประจำ 4 ทิศ กรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร ต. สำเภาล่มจ. ​​พระนครศรีอยุธยาเกือบครบ 3 องค์คงทิ้งไว้ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) 1 องค์กับชิ้นส่วนขององค์พระบางท่อน รัชกาลที่ ณ ที่เดิม (วัดทุ่งพระเมรุ) นั้น วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 5 ได้นำชิ้นส่วนที่เหลือไปจัดตั้งไว้ ณ ส่วนที่นำไปวัดพระยากงเกือบครบ 3 องค์นั้นต่อมาราวกว่า 20 ปีมานี้ วัดขุนพรหม
2 เศียรพระเศียร แล้วนำมาขายไว้ ณ ร้านค้าของเก่าในเวิ้งนครเกษม 2 ร้านซึ่งกรมศิลปากรก็ได้ติดตามคืนมาได้ครั้นต่อมา และชิ้นส่วนขององค์พระที่มีอยู่ ณ รวมทั้งพระเศียรองค์พระ 2 โดยถูกลดส่วนสัดได้ 3 องค์จัดตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพฯหนึ่งองค์แสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาจ. พระนครศรีอยุธยาหนึ่งองค์ ณ ลานชั้นลด (กะเปาะ) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ราชวรมหาวิหารในขณะนั้น (พ.ศ. 2510) ว่า "พระพุทธนรเชษฐ์เศวตอัศมมัยมุนี 4 ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารด้วยกันก็เป็นครบ 4 องค์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
พระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนาหรือปางประทานเอหิภิกขุโดยประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารต . พระปฐมเจดีย์ Admiral เมือง . . . .นครปฐมสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ( ระหว่างปีพุทธศักราช๑๑๐๐ - ๑๖๐๐ ) ชาวบ้านมักจะเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า " หลวงพ่อประทานพร " พระพุทธรูปศิลาขาวทำจากศิลาสีขาวขนาดใหญ่มีพุทธลักษณะทั่วไปเป็นพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี( ปรลัมพปาทาสนะ ) ลงบนฐานทำเป็นกลีบบัวบานรองรับซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า " ภัทรอาสน์ " ค็อค " ภัทราสนะ " พระหัตถ์ซ้ายของพระพุทธรูปวางหงายอยู่เหนือพระเพลาซ้ายส่วนพระหัตถ์ขวายกอยู่ในระดับพระอุระพระอังคุฐ ( นิ้วหัวแม่มือ ) กับพระดัชนี ( นิ้วชี้ ) งอโค้งจรดกันเป็นวงกลมส่วนอีกสามนิ้วพระหัตถ์กางออกพระพุทธรูปในรูปท่าแบบนี้เรียกว่า " ปางประทานปฐมเทศนา " ค็อค " ปางประทานเอหิภิกขุ "กัน .๓๖เมตรพระพุทธรูปศิลาขาวองค์ที่ประดิษฐานเป็นพระประธานณพระอุโบสถ
พระพุทธรูปศิลาขาวทั้งโตเกียวองค์นั้นนายธนิตอยู่โพธิ์อดีตอธิบดีกรมศิลปากรได้กล่าวไว้ในหนังสือ " พระพุทธรูปศิลาขาวสมัยทวารวดี " ว่าพระพุทธรูปศิลาเนื้อหินขาวโตเกียวองค์ซึ่งเคยประดิษฐานอยู่ณวัดทุ่งพระเมรุ. . . .นครปฐมโดยพบสถูปโบราณสมัยทวารวดีองค์ใหญ่มีร่องรอยว่ามีมุขประจำโตเกียวทิศและในแต่ละมุขทิศเคยมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั่งห้อยพระบาทประจำอยู่นั้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ต่างหากได้ขนย้ายพระพุทธรูปศิลาขาวมาประดิษฐานไว้ในวัดพระยากงต .สำเภาล่ม . . . .พระนครศรีอยุธยาเกือบครบกันองค์คงทิ้งไว้ที่เดิม ( วัดทุ่งพระเมรุ ) ๑องค์กับชิ้นส่วนขององค์พระบางท่อนต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๔ได้นำองค์พระพุทธรูปศิลาขาวที่คงอยู่ฃ( วัดทุ่งพระเมรุ ) นั้นไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารกับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ได้นำชิ้นส่วนที่เหลือไปจัดตั้งไว้ฃส่วนที่นำไปวัดพระยากงเกือบครบกันองค์นั้นต่อมาราวกว่า๒๐ปีมานี้ได้มีผู้ศรัทธานำบางส่วนมาประกอบเป็นองค์ไว้ที่วัดขุนพรหม . . . .พระนครศรีอยุธยา
ส่วนที่ยังคงอยู่ที่วัดพระยากงก็มีคนใจร้ายทุบทำลายพระเศียร๒พระเศียรให้แตกแยกจากกันเพื่อสะดวกแก่การขนย้ายแล้วนำมาขายไว้ณร้านค้าของเก่าในเวิ้งนครเกษม๒ร้านซึ่งกรมศิลปากรก็ได้ติดตามคืนมาได้กรมศิลปากรด้วยความร่วมมือของผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้นำพระพุทธรูปองค์ที่อยู่วัดขุนพรหมกับชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั้งหมดที่วัดพระยากงและชิ้นส่วนขององค์พระที่มีอยู่ฃรวมทั้งพระเศียรองค์พระ๒พระเศียรที่ติดตามคืนมาได้จากร้านค้าของเก่าดังกล่าวแล้วจึงนำมาประกอบกันขึ้นเต็มองค์และปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมโดยถูกลดส่วนสัดได้องค์จัดตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: