Moral Disengagement in Relationship

Moral Disengagement in Relationship to Gender and Classroom
Bandura (2002) stated that as children grow older, a gender difference in moral disengagement emerges, but past research on adolescent samples obtained somewhat mixed results. In most studies, boys were found to be more morally disengaged than girls (e.g., Bandura et al., 1996; Caravita et al., 2012; Th ornberg & Jungert, 2014), while in others, no significant gender differences appeared (Gini,2006; Gini, Pozzoli, & Hauser, 2011). More data from diverse samples would broaden the existing picture on gender differences in moral disengagement, and its magnitude. To our knowledge, the existing research has paid limited attention to another demographic variable of theoretical importance, namely the classroom (as membership in a fixed group of students). In the Czech Republic, as well as in many other countries, students spend the majority of their lessons within one classroom. As many as 70 – 80% of students who have become targets of bullying report that they were harmed by their own classmates (Salmivalli & Peets, 2009). Classrooms as stable groups with ascribed membership can be assumed not only a primary context for school peer interactions, but also a crucial normative context that may influence how students view bullying and how they behave in bullying incidents (Pozzoli, Gini, & Vieno, 2012; Salmivalli & Peets, 2009). If this assumption is accurate, we can expect that individual moral disengagement from bullying will vary across classrooms.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Disengagement คุณธรรมในความสัมพันธ์กับเพศและห้องเรียนBandura (2002) ระบุที่ เป็นเด็กโตอายุ บ่งบอกเพศต่าง disengagement คุณธรรม วิจัยในตัวอย่างวัยรุ่นได้รับผลที่ค่อนข้างผสม ในการศึกษามากที่สุด ชายพบจะ disengaged คุณธรรมยิ่งกว่าหญิง (เช่น Bandura et al., 1996 Caravita et al., 2012 Th ornberg & Jungert, 2014), ในขณะที่ผู้อื่น ความแตกต่างเพศอย่างมีนัยสำคัญไม่ปรากฏ (Gini, 2006 Gini, Pozzoli และ ซังท์ 2011) ข้อมูลเพิ่มเติมจากตัวอย่างที่หลากหลายจะขยายรูปภาพอยู่บนความแตกต่างของเพศใน disengagement คุณธรรม และขนาดของ ความรู้ของเรา การวิจัยที่มีอยู่ได้ชำระความสนใจจำกัดตัวแปรประชากรอีกทฤษฎีสำคัญ ได้แก่ห้องเรียน (เป็นสมาชิกในกลุ่มนักเรียนถาวร) ใน สาธารณรัฐเช็ก และ ในประเทศอื่น ๆ นักเรียนใช้เวลาส่วนใหญ่ของนักเรียนในห้องเรียนหนึ่ง เป็น 70 – 80% ของนักเรียนที่เป็นเป้าหมายของ bullying รายงานว่า จะมีอันตราย โดยเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง (Salmivalli & Peets, 2009) ห้องเรียนเป็นกลุ่มมั่นคงสมาชิก ascribed สามารถถือว่าไม่เพียงแต่บริบทหลักสำหรับโต้ตอบเพื่อนที่โรงเรียน แต่ยังบริบท normative สำคัญที่อาจส่งผลต่อวิธีการที่นักเรียนดู bullying และวิธีที่พวกเขาประพฤติใน bullying เหตุการณ์ (Pozzoli, Gini, & Vieno, 2012 Salmivalli & Peets, 2009) ถ้าเป็นความถูกต้อง เราสามารถคาดหวังว่า disengagement คุณธรรมละจาก bullying จะแตกต่างกันในห้องเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลุดพ้นคุณธรรมในความสัมพันธ์กับเพศและห้องเรียน
Bandura (2002) ระบุว่าในขณะที่เด็กโตขึ้นความแตกต่างทางเพศในการหลุดพ้นศีลธรรมโผล่ออกมา แต่การวิจัยที่ผ่านมาตัวอย่างวัยรุ่นที่ได้รับผลค่อนข้างผสม ในการศึกษาส่วนใหญ่เด็กจะพบมากขึ้นเป็นอิสระทางศีลธรรมมากกว่าเด็กหญิง (เช่น Bandura et al, 1996;. Caravita, et al, 2012;. & Th ornberg Jungert, 2014) ในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางเพศปรากฏ (Gini 2006; Gini, Pozzoli และ Hauser, 2011) ข้อมูลเพิ่มเติมจากตัวอย่างที่หลากหลายจะขยายภาพที่มีอยู่กับความแตกต่างทางเพศในการหลุดพ้นคุณธรรมและขนาดของมัน เพื่อความรู้ของเราวิจัยที่มีอยู่ได้ให้ความสนใจที่ จำกัด ในการตัวแปรประชากรอื่นที่มีความสำคัญทางทฤษฎีคือห้องเรียน (เป็นสมาชิกในกลุ่มคงที่ของนักเรียน) ในสาธารณรัฐเช็กเช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ อีกมากมายนักเรียนใช้เวลาส่วนใหญ่ของบทเรียนของพวกเขาภายในหนึ่งห้องเรียน มากที่สุดเท่าที่ 70-80% ของนักเรียนที่ได้กลายเป็นเป้าหมายของการข่มขู่รายงานว่าพวกเขาได้รับอันตรายจากเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง (Salmivalli & Peets 2009) ห้องเรียนเป็นกลุ่มที่มีความเสถียรกับสมาชิก ascribed อาจจะคิดไม่เพียง แต่บริบทหลักสำหรับการปฏิสัมพันธ์โรงเรียนเพียร์ แต่ยังบริบทกฎเกณฑ์สำคัญที่อาจมีผลต่อวิธีการที่นักเรียนดูการข่มขู่และวิธีที่พวกเขาประพฤติตนอยู่ในเหตุการณ์การข่มขู่ (Pozzoli, Gini และ vieno, 2012; Salmivalli & Peets 2009) ถ้าสมมติฐานนี้ถูกต้องเราสามารถคาดหวังว่าหลุดพ้นบุคคลศีลธรรมจากการข่มขู่จะแตกต่างกันในห้องเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จริยธรรมผู้นำในความสัมพันธ์กับ เพศ และห้องเรียน
Bandura ( 2002 ) ระบุว่าเป็นเด็กโตขึ้น , เพศในผู้นำจริยธรรม โผล่ออกมา แต่งานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับตัวอย่างวัยรุ่นได้รับผลผสมบ้าง ในการศึกษามากที่สุด เด็กๆ พบว่ามีมากกว่าศีลธรรมเป็นอิสระมากกว่าผู้หญิง เช่น แบนดูรา et al . , 1996 ; caravita et al . , 2012 ; th ornberg & jungert 2014 )ในขณะที่คนอื่น ไม่มีความแตกต่างระหว่างเพศอย่างที่ปรากฏ ( Gini , 2006 ; จินี่ pozzoli &เฮาเซอร์ , 2011 ) ข้อมูลเพิ่มเติม จากตัวอย่างที่หลากหลายจะขยายภาพที่มีอยู่ในความแตกต่างทางเพศในคุณธรรมของผู้นำ และขนาด ความรู้ , วิจัยที่มีอยู่จำกัด ได้จ่ายความสนใจอีกตัวแปรของทฤษฎีสำคัญคือห้องเรียน ( ในฐานะสมาชิกถาวรของกลุ่มนักเรียน ) ในสาธารณรัฐเช็ก , เช่นเดียวกับในประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย นักเรียนใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบทเรียนในชั้นเรียน มากประมาณ 70 - 80 % ของนักศึกษาที่เป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้ง รายงานว่า พวกเขาถูกทำร้ายโดยเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาเอง ( salmivalli &พิตส์ , 2009 )ห้องเรียนเป็นกลุ่มที่มั่นคงกับหมวดสมาชิกสามารถสันนิษฐานไม่เพียงหลักบริบทสำหรับเพื่อนโรงเรียนโต้ตอบ แต่ยังสำคัญอ้างอิงบริบทที่อาจมีอิทธิพลต่อนักเรียนดูกลั่นแกล้งและวิธีการที่พวกเขาประพฤติในการกลั่นแกล้งเหตุการณ์ ( pozzoli Gini & vieno , 2012 ; salmivalli &พิตส์ , 2009 ) หากสมมติฐานนี้ถูกต้องเราสามารถคาดหวังว่าบุคคลคุณธรรมความเป็นอิสระจากการกลั่นแกล้งจะแตกต่างกันไปทั่วห้องเรียน