When Isaac Newton began using Galil

When Isaac Newton began using Galileo's telescope more than a century
later, he noticed a problem. The type of telescope that Galileo designed is called a
refractor because the front lens bends, or refracts, the light. However, the curved
front lens also caused the light to be separated into colors. This meant that when
Newton looked through the refracting telescope, the images of bright objects
appeared with a ring of colors around them. This sometimes interfered with
viewing. He solved this problem by designing a new type of telescope that used a
curved mirror. This mirror concentrated the light and reflected a beam of light to
the eyepiece at the other end of the telescope. Because Newton used a mirror, his
telescope was called a reflector.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อ Isaac Newton เริ่มใช้กล้องโทรทรรศน์ของกาลิเลโอกว่าศตวรรษ
ต่อมาเขาสังเกตเห็นปัญหา ประเภทของกล้องโทรทรรศน์ที่กาลิเลโอได้รับการออกแบบที่เรียกว่า
หักเหเพราะเลนส์ด้านหน้าโค้งหรือการหักเหของแสง อย่างไรก็ตามโค้ง
เลนส์ด้านหน้ายังก่อให้เกิดแสงที่จะแยกออกเป็นสี นั่นหมายความว่าเมื่อ
นิวตันมองผ่านกล้องโทรทรรศน์หักเหภาพของวัตถุที่สว่าง
ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแหวนของสีรอบตัวพวกเขา ซึ่งบางครั้งอาจแทรกแซงด้วย
การรับชม เขาแก้ปัญหานี้ด้วยการออกแบบรูปแบบใหม่ของกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้
กระจกโค้ง กระจกนี้เข้มข้นแสงและสะท้อนให้เห็นลำแสงไปยัง
ช่องมองภาพที่ส่วนอื่น ๆ ของกล้องโทรทรรศน์ เพราะนิวตันใช้กระจกของเขา
กล้องโทรทรรศน์ถูกเรียกว่าสะท้อนแสง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อเริ่มใช้กล้องโทรทรรศน์ไอแซก นิวตัน กาลิเลโอ มากกว่าศตวรรษต่อมาเขาพบปัญหา ประเภทของกล้องโทรทรรศน์ที่กาลิเลโอออกแบบที่เรียกว่านอกครู เพราะโค้งเลนส์ด้านหน้า หรือ refracts , แสง อย่างไรก็ตาม , โค้งเลนส์หน้ายังทำให้เกิดแสงจะถูกแยกออกเป็นสี ซึ่งหมายความว่าเมื่อนิวตัน มองผ่านกล้องโทรทรรศน์หักเหแสง รูปของวัตถุที่สดใสปรากฏกับแหวนสีรอบ ๆพวกเขา นี้บางครั้งอาจแทรกแซงดู เขาแก้ปัญหานี้โดยออกแบบเป็นชนิดใหม่ของกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้กระจกโค้ง กระจกนี้เน้นแสงและสะท้อนแสงเพื่อส่วนเลนส์ที่ส่วนอื่น ๆของกล้อง เนื่องจากนิวตันใช้กระจกของเขากล้องโทรทรรศน์ถูกเรียกว่าเป็นกระจกสะท้อนแสง