However, this is not the norm. Lenh

However, this is not the norm. Lenhart et
al. (2010) also noted that despite the potential
of these devices, “most schools treat the phone
as a disruptive force that must be managed
and often excluded from the school and the
classroom” (p. 4). Fifty-seven percent of middle
schoolers and 55% of high schoolers reported
Teaching and Learning with
Mobile Computing Devices:
Case Study in K-12 Classrooms
By Michael M. Grant, University of South Carolina,
Suha Tamim, Dorian B. Brown, The University of Memphis,
Joseph P. Sweeney, The University of Mississippi,
Fatima K. Ferguson, Lakavious B. Jones, The University of Memphis
Volume 59, Number 4 e cThTrends • July/August 2015 33
that the greatest obstacle to technology use in
their school was that they could not use their
own personal devices (Project Tomorrow, 2012).
As Kiger, Herro, and Prunty (2012) remarked,
there is a need for more empirical research to
“guide implementation decisions” (p. 64).
Most recently, there has been interest

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างไรก็ตาม นี้ไม่ได้เป็นบรรทัดฐาน Lenhart ร้อยเอ็ดal. (2010) นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตที่แม้ มีศักยภาพอุปกรณ์เหล่านี้ "โรงเรียนส่วนใหญ่รักษาโทรศัพท์เป็นกำลังขวัญ ที่ต้องจัดการและมักจะถูกแยกออกจากโรงเรียนและห้องเรียน" (p. 4) ร้อยละ 57 ของกลางรายงาน schoolers และ 55% ของ schoolers สูงสอน และการเรียนรู้ด้วยมือถือคอมพิวเตอร์อุปกรณ์:กรณีศึกษาใน K-12 ห้องเรียนโดย Michael M. อนุญาต วิทยาลัยเซาท์แคโรไลนาซูฮา Tamim โดเรีย่นสีน้ำตาลเกิด มหาวิทยาลัย Memphisโจเซฟ P. Sweeney มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปีฟาติมาเคเฟอร์กูสัน Lakavious B. Jones มหาวิทยาลัย Memphisเล่ม 59 หมายเลข 4 อี cThTrends • กรกฎาคม/2015 สิงหาคม 33อุปสรรคมากที่สุดกับเทคโนโลยีที่ใช้ในโรงเรียนของพวกเขาว่า พวกเขาไม่สามารถใช้ของพวกเขาเองส่วนบุคคลอุปกรณ์ (โครงการวันพรุ่งนี้ 2012)Kiger, Herro และ Prunty (2012) กล่าวมีความจำเป็นสำหรับการวิจัยเพิ่มเติมรวม"คู่มือการดำเนินการตัดสินใจ" (p. 64)ล่าสุด ได้มีการสนใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่นี้ไม่ได้เป็นบรรทัดฐาน Lenhart et
al, (2010)
ยังตั้งข้อสังเกตว่าแม้จะมีศักยภาพของอุปกรณ์เหล่านี้"โรงเรียนส่วนใหญ่รักษาโทรศัพท์เป็นแรงก่อกวนที่ต้องมีการจัดการและการยกเว้นมักจะมาจากโรงเรียนและห้องเรียน" (พี. 4) ร้อยละห้าสิบเจ็ดของกลางschoolers และ 55% ของผู้เรียนสูงรายงานการเรียนการสอนและการเรียนรู้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือถือ: กรณีศึกษาใน K-12 ห้องเรียนโดยไมเคิลเอ็มแกรนท์, มหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา, Suha มิม, โดเรียนเกรบีบราวน์มหาวิทยาลัย เมมฟิส, โจเซฟพีสวีนีย์มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปีฟาติมาเคเฟอร์กูสัน Lakavious บีโจนส์, มหาวิทยาลัยเมมฟิสเล่ม59 จำนวน 4 จ cThTrends •กรกฎาคม / 33 สิงหาคม 2015 ว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับการใช้เทคโนโลยีในโรงเรียนของพวกเขาคือการที่พวกเขาไม่สามารถใช้ของพวกเขาอุปกรณ์ส่วนบุคคลของตัวเอง (โครงการพรุ่งนี้ 2012). ในฐานะที่เป็น Kiger, Herro และ Prunty (2012) กล่าวว่ามีความจำเป็นสำหรับการวิจัยเชิงประจักษ์มากขึ้นใน"คู่มือการตัดสินใจดำเนินการ" (พี. 64). ส่วนใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีความสนใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แต่นี้ไม่ได้เป็นบรรทัดฐาน lenhart et
อัล ( 2010 ) ยังกล่าวว่า แม้ศักยภาพ
ของอุปกรณ์เหล่านี้ " โรงเรียนส่วนใหญ่ถือโทรศัพท์
เป็นแรงทำลายที่ต้องจัดการ
และมักจะแยกออกจากโรงเรียนและห้องเรียน
" ( หน้า 4 ) ห้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของ schoolers กลาง
และ 55% ของ schoolers สูงรายงาน
การเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์มือถือ :

อุปกรณ์การศึกษาในภาคบังคับที่ห้องเรียน
โดยไมเคิลเอ็ม. แกรนท์ มหาวิทยาลัย South Carolina ,
suha ทามิล ดอเรี่ยน บี บราวน์ , มหาวิทยาลัยเมมฟิส
โจเซฟพี สวีนี่ มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี้
ฟาติมา K . เฟอร์กูสัน lakavious บี โจนส์ , มหาวิทยาลัยเมมฟิส
เล่ม 59 , หมายเลข 4 E - cthtrends กรกฎาคม / สิงหาคม 2015 33
ที่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะใช้เทคโนโลยีใน
โรงเรียนของพวกเขาว่าพวกเขาสามารถใช้อุปกรณ์ส่วนบุคคลของพวกเขาเอง ( พรุ่งนี้โครงการ

เป็น herro ไคเกอร์ ) , และ prunty ( 2012 ) '
, ต้องมีการวิจัยเชิงประจักษ์มากกว่า

" การตัดสินใจการดำเนินงานคู่มือ " ( หน้า 64 ) .
มากที่สุดเมื่อเร็ว ๆนี้ , ได้มีความสนใจ