Government policies have frequently

Government policies have frequently compounded the environmental damage that farming can cause. In the rich countries, subsidies for growing crops and price supports for farm output drive up the price of land. The annual value of these subsidies is immense: about $250 billion, or more than all World Bank lending in the 1980s. To increase the output of crops per acre, a farmer's easiest option is to use more of the most readily available inputs: fertilisers and pesticides. Fertiliser use doubled in Denmark in the period 1960-1985 and increased in The Netherlands by 150 per cent. The quantity of pesticides applied has risen too: by 69 per cent in 1975-1984 in Denmark, for example, with a rise of 115 per cent in the frequency of application in the three years from 1981.
In the late 1980s and early 1990s some efforts were made to reduce farm subsidies. The most dramatic example was that of New Zealand, which scrapped most farm support in 1984. A study of the environmental effects, conducted in 1993, found that the end of fertiliser subsidies had been followed by a fall in fertiliser use (a fall compounded by the decline in world commodity prices, which cut farm incomes). The removal of subsidies also stopped land-clearing and over-stocking, which in the past had been the principal causes of erosion. Farms began to diversify. The one kind of subsidy whose removal appeared to have been bad for the environment was the subsidy to manage soil erosion.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นโยบายของรัฐบาลได้ที่ทบเข้าบ่อยครั้งความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมว่าการทำฟาร์มสามารถก่อให้เกิด ในประเทศที่ที่อุดมไปด้วย, เงินอุดหนุนสำหรับปลูกพืชและสนับสนุนราคาสำหรับเอาท์พุทฟาร์มขับรถขึ้นไปราคาของที่ดินที่ มูลค่าประจำปีของเงินอุดหนุนเหล่านี้เป็นสิ่งอันยิ่งใหญ่: เกี่ยวกับ $ 250,000,000,000, หรือมากกว่ากว่าทุกการให้กู้ยืมเงินธนาคารโลกในช่วงปี 1980 ที่จะเพิ่มขึ้นเอาท์พุทของพืชต่อเอเคอร์,เลือกที่ง่ายที่สุดของชาวนาคือการใช้มากขึ้นของปัจจัยการผลิตมากที่สุด readily พร้อม: ปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืช การใช้งานปุ๋ยสองเท่าในเดนมาร์กใน 1960-1985 รอบระยะเวลาและเพิ่มขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้โดยการค 150 ต่อการเข้าร้อยละ ปริมาณของสารกำจัดศัตรูพืชนำมาประยุกต์ใช้ได้เพิ่มขึ้นเกินไป: โดย 69 ร้อยละต่อใน 1975-1984 ในประเทศเดนมาร์ก, สำหรับตัวอย่างเช่น,กับการเพิ่มขึ้นของจาก 115 ต่อร้อยละในความถี่ของการการประยุกต์ใช้ในสามปีนับจากปี 1981
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980S และช่วงต้นทศวรรษ 1990 บางคนพยายามที่ถูกสร้างขึ้นมาที่จะลดการเงินอุดหนุนฟาร์ม ตัวอย่างเช่นได้อย่างน่าทึ่งมากที่สุดมาก็คือว่าจากใหม่ zealand เขียน, ซึ่ง scrapped การสนับสนุนฟาร์มมากที่สุดในปี 1984 การศึกษาของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, ดำเนินการในปี 1993,พบว่าในตอนท้ายของเงินอุดหนุนปุ๋ยที่ได้รับการตามมาด้วยการฤดูใบไม้ร่วงปีในการใช้งานปุ๋ย (ฤดูใบไม้ร่วงปีที่ทบเข้าจากการลดลงในราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก, ซึ่งตัดรายได้ภาคเกษตร) การกำจัดของเงินอุดหนุนนอกจากนี้ยังหยุดการที่ดินสำนักหักบัญชี-และกว่า-stocking, ซึ่งในทางอดีตที่ผ่านมาที่เคยเป็นสาเหตุที่ครูใหญ่ของการพังทลายของ ฟาร์มเริ่มที่จะการกระจายการลงทุนหนึ่งชนิดของเงินอุดหนุนซึ่งมีการกำจัดก็ปรากฏตัวขึ้นว่าจะได้รับที่ไม่ดีสำหรับสภาพแวดล้อมที่เป็นเงินอุดหนุนในการจัดการพังทลายของดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐบาลนโยบายมีบ่อย ๆ เพิ่มความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้นา ในประเทศที่ร่ำรวย เงินอุดหนุนสำหรับการปลูกพืชและการสนับสนุนราคาสำหรับฟาร์มออกไดรฟ์ราคาที่ดิน ค่ารายปีของเงินอุดหนุนเหล่านี้เป็นอย่างมาก: เกี่ยวกับ $ 250 พันล้าน หรือมากกว่าทุกธนาคารโลกให้ยืมในทศวรรษ 1980 เพื่อเพิ่มผลผลิตของพืชต่อเอเคอร์ ตัวเลือกที่ง่ายที่สุดของชาวนาจะใช้อินพุตสูงสุดพร้อมเพิ่มเติม: ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ใช้ fertiliser สองเท่าในเดนมาร์กในช่วง 1960-1985 และเพิ่มขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์โดยร้อยละ 150 ปริมาณของสารกำจัดศัตรูพืชใช้ได้เพิ่มขึ้นมากเกินไป: โดย 69 ร้อยละในปี 1975-1984 ในเดนมาร์ก เช่น มีการเพิ่มขึ้นของร้อยละ 115 ในความถี่ของการใช้งาน 3 ปีจากปี 1981
ในปลายทศวรรษ 1980 และช่วงต้นทศวรรษ 1990 ความพยายามบางอย่างได้ทำการลดเงินอุดหนุนฟาร์ม ตัวอย่างที่สุดถูกที่นิวซีแลนด์ ซึ่งซากสนับสนุนฟาร์มในปี 1984 การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ดำเนินการในปี 1993 พบว่า สิ้นเงินอุดหนุน fertiliser ได้แล้วตาม ด้วยตกอยู่ใน fertiliser ใช้ (อยู่ด้วยการลดลงของโลกราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งตัดรายได้ฟาร์ม) การเอาเงินอุดหนุนหยุดการส่งมอบที่ดินและ over-stocking ซึ่งในอดีตสาเหตุหลักของการกัดเซาะ ฟาร์มเริ่มมากมาย เงินสมทบเพื่อจัดการการพังทลายของดินชนิดหนึ่งของเงินสมทบที่ลบที่ปรากฏที่ ได้เสียสิ่งแวดล้อมได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายของรัฐบาลมีแผนความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมที่ว่าการทำนาจะสามารถทำให้เกิดคำถามที่ ในกลุ่มประเทศร่ำรวยที่เงินอุดหนุนสำหรับพืชผลที่ปลูกและให้การสนับสนุนด้านราคาผลผลิตขับรถขึ้นราคาที่ดิน ค่ารายปีของเงินอุดหนุนเหล่านี้มีอยู่มากมายเกี่ยวกับ$ 250 , 000 ล้านบาทหรือมากกว่าทุกธนาคารปล่อยสินเชื่อในระดับโลก 1980 s ในการเพิ่มปริมาณการผลิตของพืชต่อเอเคอร์ตัวเลือกที่ใช้งานง่ายที่สุดของเกษตรกรที่มีการใช้งานมากที่สุดของอินพุตที่ใช้อย่างง่ายดายและยาปราบศัตรูพืชเท่านั้น การใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในประเทศเดนมาร์กในช่วงเวลาที่ 1960-1985 และเพิ่มขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์โดย 150% ปริมาณของสารกำจัดศัตรูพืชนำไปใช้ได้ปรับขึ้นเกินไปโดยร้อยละ 69 ใน 1975-1984 ในประเทศเดนมาร์กตัวอย่างเช่นเพิ่มขึ้นจาก 115% ในความถี่ของแอปพลิเคชันในสามปีในปี 1981 .
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และต้นบางคนพยายามทำให้ลดการอุดหนุนฟาร์ม ตัวอย่างเช่นมากที่สุดนั้นเป็นของใหม่ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งยกเลิกการสนับสนุนฟาร์มมากที่สุดในปี 1984 ว่า การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้ดำเนินการในปี 1993พบว่าช่วงปลายของการอุดหนุนปุ๋ยได้ตามติดมาด้วยตกลงมาในการใช้ปุ๋ย(ฤดูใบไม้ร่วงที่รวมลดลงในราคาสินค้าในตลาดโลกซึ่งได้ตัดรายได้ฟาร์ม). การลบของการอุดหนุนยังหยุดที่ดิน - การหักบัญชีเช็คและมีมากกว่าการเก็บสต็อกซึ่งในอดีตที่ได้รับการทำให้เงินต้นที่จากการกัดเซาะ ฟาร์มก็เริ่มกระจายหนึ่ง ประเภท เงินอุดหนุนซึ่งการจะได้รับการดีสำหรับ สภาพแวดล้อม ที่เป็นเงินอุดหนุนเพื่อจัดการมรดกที่ดิน