ปัจจุบันเงื่อนไขและปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำเนินกระบวนการทางธุรกิจขององค์กรธุรกิจ ส่งผลให้องค์กรธุรกิจต่างก็พยายามทุกวิถีทางในการที่จะให้ได้มาซึ่งความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งขันทางธุรกิจ
ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจจะต้องหันมาทบทวนถึงกลยุทธ์หรือวิธีการที่ใช้ในการดำเนินงานว่ามีประสิทธิภาพและความเหมาะสมต่อสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด และเนื่องจากแนวความคิดหรือวิธีการในการบริหารของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจแบบเดิม ๆ ย่อมไม่สามารถที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้เหมือนในอดีต
ดังนั้นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรธุรกิจจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการกำหนดแผนการดำเนินงาน กลยุทธ์ขององค์กรให้เป็นไปในเชิงรุก ที่สามารถปรับเปลี่ยน ปรับปรุงให้เข้ากับเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายนอกและภายในองค์กร โดยใช้หลักการการจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์ ซึ่งการจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์ มีลักษณะที่สำคัญดังต่อไปนี้
1. เป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง ภารกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้องค์กรมีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน
2. เป็นการกำหนดวิธีการหรือแนวทางในการดำเนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อให้บรรลุถึงทิศทางและวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดขึ้น โดยในการกำหนดแนวทางในการดำเนินงานนี้ องค์กรจะต้องวิเคราะห์และประเมินปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อคิดค้นแนวทางในการดำเนินงานที่เหมาะสมที่สุดกับองค์กร
3. เป็นการนำเอาวิธีการหรือแนวทางในการดำเนินงานที่ได้คิดค้นขึ้นมาประยุกต์ใช้กับองค์กร เพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้
4. หัวหอกการวางแผนและการประยุกต์ใช้กลยุทธ์เป็นหน้าที่หลักของผู้บริหารองค์กร เมื่อเทียบกับหน้าที่อื่น ๆ ที่ผู้บริหารต้องรับผิดชอบ ความสามารถของผู้บริหารในการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำและปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ จัดเป็นหน้าที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานในระยะยาวขององค์กรธุรกิจ
5. การจัดการเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจทางด้านกลยุทธ์ จะมีความเกี่ยวข้องกันหรือมีผลต่อทิศทางในการดำเนินงานในระยะยาวขององค์กร
6. การตัดสินใจทางด้านกลยุทธ์อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ขององค์กร ตั้งแต่การเสาะแสวงหาทรัพยากรหรือความสามารถหลักที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
7. การตัดสินใจทางด้านกลยุทธ์จะเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในระดับต่าง ๆ ขององค์กร โดยการดำเนินงานในระดับต่าง ๆ ขององค์กรจะต้องสอดคล้องและเกื้อหนุนต่อกลยุทธ์ขององค์กร และความสามารถในการดำเนินงาน หรือการปฏิบัติงานจะเป็นสาเหตุสำคัญต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์กร
8. กลยุทธ์ขององค์กรไม่เพียงแต่จะเกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมภายนอก และปัจจัยภายในขององค์กรเท่านั้น แต่ค่านิยม ทัศนคติ ความคาดหวัง ของบุคคลฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร (Stakeholder) มีผลต่อกลยุทธ์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ที่สำคัญได้แก่ ผู้ถือหุ้น ผู้บริหารระดับสูง สังคม รัฐบาล และพนักงาน
9. การจัดการและการตัดสินใจทางด้านกลยุทธ์จะเป็นความพยายามในการให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขันขององค์กร ซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขันสามารถเกิดขึ้นจากการนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ คุณค่าเหมาะสมกับราคา
เหตุใดหน่วยงานต่างๆจึงให้ความสำคัญกับการจัดการเชิงกลยุทธ์ โดยมีหลักสำคัญดังต่อไปนี้
การจัดการองค์กรโดยทั่วไปนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การพิจารณาถึงบทบาทและหน้าที่ของผู้บริหารตามกระบวนการหรือขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การวางแผน (Planning) การจัดองค์กร (Organizing) การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing) การชี้นำ (Directing) และการควบคุม (Controlling) ซึ่งผู้บริหารขององค์กรที่มีหน้าที่ในการจัดทำกลยุทธ์จะต้องมีทักษะและความสามารถที่คล้ายคลึงกับผู้บริหารที่ทำหน้าที่ในการจัดการทั่วไป
.
กล่าวคือ การจัดทำกลยุทธ์ (Strategic Formulation) ซึ่งมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับการวางแผน การปฏิบัติตามกลยุทธ์ (Strategic Implementation) ต้องอาศัยทักษะและความสามารถในการจัดองค์กร จัดคนเข้าทำงาน ชี้นำ และควบคุม เหมือนกับการจัดการทั่วไป
แต่ความแตกต่างของการจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์กับการจัดการองค์กรโดยทั่ว ๆ ไปนั้นอยู่ที่การจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์จะพิจารณาและคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกองค์กรมากกว่า เช่น กฎระเบียบ กฎหมาย นโยบายภาครัฐ สังคม ประชาชน ผู้รับบริการ วัฒนธรรม เทคโนโลยี ฯลฯ ในขณะที่การจัดการองค์กรโดยทั่วไปนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการและบริหารงานภายในองค์กรมากกว่า
.
หรืออาจจะพิจารณาในอีกนัยหนึ่งได้ว่า การจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์จะมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันระหว่างองค์กรต่าง ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบของการแข่งขันในระยะยาว การจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์จะทำให้ผู้บริหารมีความตื่นตัวและตระหนักถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมก่อให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ
.
รวมทั้งช่วยให้ผู้บริหารมีแนวความคิดในการประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน ความเหมาะสม และความต้องการของหน่วยงานในด้านทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งด้าน การเงิน และทรัพยากรบุคคล ตลอดจนมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถดำเนินกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการบริหารงาน
.
* การจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์เป็นการจัดการที่คำนึงถึงความต้องการและความสำคัญของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร (Stakeholders) หลายกลุ่ม อาทิเช่น ลูกค้า นโยบายภาครัฐ พันธมิตร สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งในการที่จะสามารถบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ผู้บริหารจะต้องเรียนรู้ว่าการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ ของตนจะเข้าไปมีผลกระทบหรือมีอิทธิพลกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรแต่ละกลุ่มอย่างไรบ้าง
.
ในขณะที่การบริหารหรือการจัดการองค์กรโดยทั่วไปจะคำนึงถึงแต่เฉพาะฝ่ายหรือเฉพาะแผนกของตนเอง ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อ Stakeholders ที่มีความเกี่ยวข้องกับตนเองมากกว่า Stakeholders ที่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งองค์กร
.
* การจัดการองค์กรเชิงกลยุทธ์เป็นการจัดการที่มุ่งเน