Chronic kidney disease (CKD) is a c

Chronic kidney disease (CKD) is a comorbid condition that affects, based on recent estimates, between 47% and 54% of patients with gouty arthritis. However, data from randomized controlled trials in patients with gouty arthritis and CKD are limited, and current gouty arthritis treatment guidelines do not address the challenges associated with managing this patient population. Nonsteroidal anti-inflammatory drugs and colchicine are recommended first-line treatments for acute gouty arthritis attacks. However, in patients with CKD, nonsteroidal anti-inflammatory drugs are not recommended because their use can exacerbate or cause acute kidney injury. Also, colchicine toxicity is increased in patients with CKD, and dosage reduction is required based on level of kidney function. Allopurinol, febuxostat, and pegloticase are all effective treatments for controlling elevated uric acid levels after the treatment of an acute attack. However, in patients with CKD, required allopurinol dosage reductions may limit efficacy; pegloticase requires further investigation in this population, and febuxostat has not been studied in patients with creatinine clearance

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคไตเรื้อรัง (CKD) เป็นเงื่อนไข comorbid ที่ผลกระทบ ตามการประเมินล่าสุด 47% และ 54% ของผู้ป่วยด้วยโรคไขข้ออักเสบ gouty อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการทดลองควบคุม randomized ในผู้ป่วยที่มีอักเสบ gouty และ CKD จำกัด และแนวทางการรักษาโรคไขข้ออักเสบ gouty ปัจจุบันความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการประชากรนี้ผู้ป่วย ยาแก้อักเสบ nonsteroidal และโคลชิซีนจะแนะนำการรักษาข้ออักเสบเฉียบพลันที่ gouty โจมตีบรรทัดแรก อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วย CKD ยาแก้อักเสบ nonsteroidal ไม่แนะนำเนื่องจากการใช้สามารถทำให้รุนแรง หรือทำให้เกิดการบาดเจ็บของไตเฉียบพลัน ยัง ความเป็นพิษของโคลชิซีนจะเพิ่มขึ้นในผู้ป่วย CKD และลดปริมาณถูกต้องตามระดับของไตฟังก์ชัน Allopurinol, febuxostat และ pegloticase ได้ทั้งหมดการรักษามีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับกรดยูริกสูงขึ้นหลังจากรักษาอาการรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วย CKD, allopurinol ต้องลดปริมาณอาจจำกัดประสิทธิภาพ pegloticase ต้องเพิ่มเติมการตรวจสอบในประชากรนี้ และไม่ได้ศึกษา febuxostat ในผู้ป่วยที่มี creatinine เคลียร์ < 30 mL/min บทความนี้ทานความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับตัวแทน pharmacologic อยู่สำหรับจัดการเฉียบพลัน และเรื้อรัง gouty โรคไขข้ออักเสบรวมทั้งลด urate บำบัดในผู้ป่วย CKD ความท้าทายเฉพาะผู้ให้บริการมีอยู่ รวมทั้งคำแนะนำเพื่อช่วยในการตัดสินใจว่า จะทำงานร่วมกับ หรือหมายถึงผู้ป่วย ดูแลผู้เชี่ยวชาญ rheumatology และโรคขึ้นอยู่กับความรุนแรงเก็าทและ CKD

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคไตเรื้อรัง (CKD) เป็นภาวะที่มีผลต่อ comorbid ขึ้นอยู่กับการประมาณการล่าสุดระหว่าง 47% และ 54% ของผู้ป่วยที่มีโรคเกาต์ อย่างไรก็ตามข้อมูลจากงานวิจัยแบบสุ่มในผู้ป่วยที่มีโรคเกาต์และโรคไตวายเรื้อรังมี จำกัด และโรคข้ออักเสบเกาต์ปัจจุบันแนวทางการรักษาไม่ได้อยู่ที่ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการประชากรผู้ป่วยรายนี้ Nonsteroidal ยาต้านการอักเสบและ colchicine มีการแนะนำการรักษาบรรทัดแรกสำหรับโรคข้ออักเสบเฉียบพลันโจมตีเกาต์ แต่ในผู้ป่วยที่มีโรคไตวายเรื้อรัง, ยาต้านการอักเสบ nonsteroidal ไม่แนะนำเพราะการใช้งานของพวกเขาสามารถทำให้รุนแรงหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บของไตเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังมีความเป็นพิษโคลชิซินจะเพิ่มขึ้นในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังและลดปริมาณที่จะต้องขึ้นอยู่กับระดับของการทำงานของไต Allopurinol, febuxostat และ pegloticase เป็นรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมระดับกรดยูริคสูงหลังการรักษาของการโจมตีเฉียบพลัน แต่ในผู้ป่วยที่มีโรคไตวายเรื้อรังที่จำเป็นในการลดปริมาณ allopurinol อาจ จำกัด ประสิทธิภาพ; pegloticase ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมในประชากรกลุ่มนี้และ febuxostat ยังไม่ได้รับการศึกษาในผู้ป่วยที่มี creatinine กวาดล้าง <30 มิลลิลิตร / นาที บทความนี้แสดงความคิดเห็นความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนยามีอยู่ในปัจจุบันสำหรับการจัดการของโรคข้ออักเสบเกาต์เฉียบพลันและเรื้อรังรวมทั้งการรักษาด้วยการลดเกลือยูเรตในผู้ป่วยที่มีโรคไตวายเรื้อรัง ความท้าทายที่เฉพาะเจาะจงกับผู้ให้บริการระดับปฐมภูมิมีการระบุรวมทั้งคำแนะนำที่จะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจเมื่อทำงานร่วมกับหรือดูผู้ป่วยโรคข้อและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคเกาต์และโรคไตวายเรื้อรัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคไตเรื้อรัง ( CKD ) เป็นเงื่อนไขที่มีผลต่อ comorbid ตามประมาณการล่าสุดระหว่าง 47% และ 54% ของผู้ป่วยโรคเกาต์ . อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการทดลองสุ่มในผู้ป่วยที่มีโรคข้ออักเสบเป็นโรคเกาต์และ CKD มี จำกัด และแนวทางการรักษาโรคไขข้ออักเสบเป็นโรคเกาต์ในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการผู้ป่วย ประชากรยาต้านการอักเสบที่ใช้ LINE และแนะนำการรักษาอาการโรคเกาต์โจมตี อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง , ยาต้านการอักเสบที่ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะใช้ของพวกเขาสามารถเพิ่มหรือทำให้ไตเสียหายเฉียบพลัน นอกจากนี้ สารพิษจะเพิ่มขึ้นในผู้ป่วย CKD ,และลดปริมาณที่จำเป็นตามระดับการทำงานของไต Allopurinol , febuxostat และ pegloticase คือการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับกรดยูริคสูง หลังจากการรักษาหัวใจวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยใช้ยาอัลโลพูรินอล CKD ( อาจจะ จำกัด ประสิทธิภาพ ; pegloticase ต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติมในประชากรนี้febuxostat และไม่ได้รับการศึกษาในผู้ป่วยปุ่มป่ำ < 30 มิลลิลิตร / นาที บทความรีวิวนี้ความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับยาซึ่งมีตัวแทนในการจัดการโรคข้ออักเสบเป็นโรคเกาต์เฉียบพลันและเรื้อรัง รวมทั้งสามารถลด การรักษา ในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง . ความท้าทายที่เฉพาะเจาะจงกับผู้ให้บริการดูแลหลักที่ระบุรวมทั้งคำแนะนำเพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจที่จะร่วมมือกับ หรือส่งต่อผู้ป่วยไปรักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตและขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคเกาต์และ CKD .