Prime Minister Nguyễn Xuân Phúc has

Prime Minister Nguyễn Xuân Phúc has called on Việt Nam and the Philippines to tap their potential for trade and investment ties to match their strategic partnership.
He told the visiting Philippines’ President Rodrigo Roa Duterte during their meeting in Hà Nội yesterday that Việt Nam will create the best possible conditions for Filipino investors in the agriculture, food processing, services and tourism sectors.
The leader suggested that the Philippines facilitate Vietnamese investments in infrastructure, oil and gas exploitation, mining and services in the country.
He also urged the two sides to continue their close co-operation in rice trade via the Rice Trade Agreement.
Việt Nam is ready to provide rice to the Philippines in the long term, helping the country ensure food security, the PM noted, proposing that the two countries soon expand the memorandum of understanding on rice trade for the 2017-20 period.
He also suggested enhancing bilateral collaboration in other spheres, such as culture, tourism, transport and fisherman affairs.
“Việt Nam and the Philippines should step up their affiliation across fields in a more pragmatic and effective fashion, particularly in national defence, security, trade, investment, as well as at regional and international forums,” PM Phúc said.
In the realm of politics and diplomacy, the leader stressed the maintenance of all-level delegation exchanges and existing co-operation mechanisms, while increasing people-to-people exchanges.
He called for conducting joint patrols and carrying forward the Joint Committee on Sea and Ocean Co-operation at the deputy foreign ministerial level, and appoint a group of legal experts within the framework of the committee.
“Việt Nam is willing to work with the Philippines in the fight against drugs and other crimes, such as high-tech crimes, cyber crimes, human traffickers and terrorists,” he said, adding that Việt Nam will also partner with the country in maritime security, naval forces, maritime police and rescue operations at sea.
The two sides should promptly sign an agreement on extradition and another on the transfer of prisoners, PM Phúc added.
The host and guest agreed on the need to team up with each other in protecting peace and stability in the East Sea, as well as the interests and rights of each country, in line with international law, especially the 1982 United Nations’ Convention on the Law of the Sea, opposing the use of violence, and maintaining East Sea peace through non-military means.
PM Phúc also suggested the two sides ratchet up sea and ocean co-operation; continue strengthening ASEAN’s unity, as well as its role in handling the East Sea issue; work more closely in ASEAN through information sharing and co-ordination in stance; and promote regular exchanges between Brunei, the Philippines, Malaysia and Việt Nam for forming a key group in the bloc.
To that extent, the countries need to co-ordinate in enhancing ASEAN’s central role in responding to challenges that impact on peace, stability and security in the region, and the relations with other dialogue countries, the Vietnamese leader said.
He said if a Code of Conduct in the East Sea (COC) is finalised in 2017 on the bloc’s 50th founding anniversary, it will be a hallmark and an important step forward for not only ASEAN, but also the Philippines as the ASEAN Chair, contributing to promoting peace and stability in the region.
President Duterte told his host that when he was young, one of his dreams was to visit Việt Nam and that he admired Việt Nam’s victory in the struggle for winning national independence and its renewal and development achievements and saw the country as an example for his country to follow.
He said he highly values what the Vietnamese Government and people have done for the Philippines, especially the supply of rice to the country when it dealt with food shortage, affirming that Việt Nam is a good neighbour and brother of the Philippines.
He further stated that his country would back Việt Nam’s organisation of the APEC 2017 and welcomed PM Phúc’s attendance at ASEAN 2017.
President Duterte expressed hope of signing more trade agreements with Việt Nam, saying it will help the two become strong nations in the region.
The Philippines also wants to boost co-operation with Việt Nam in other domains, including the prevention and combat of crime and is ready to negotiate on the signing of an extradition agreement.
On the East Sea issue, Duterte agreed that the parties involved need to continue working to settle all disputes and disagreement peacefully with respect to international law.
The Philippines protested the use of force in this area and wanted the concerned sides to work to promote mutual understanding, President Duterte stressed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นายกรัฐมนตรี Nguyễn Phúc Xuân มีเรียกน้ำเซินและฟิลิปปินส์ไปแตะศักยภาพทางการค้าและการลงทุนความสัมพันธ์การร่วมเขาบอกพอสมควรราว Rodrigo ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์มาในระหว่างการประชุมวันเว้นฮานอยวันนี้ว่า น้ำเซินจะสร้างเงื่อนไขได้ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนฟิลิปปินส์ในเกษตร แปรรูปอาหาร การบริการ และภาคการท่องเที่ยวผู้นำแนะนำว่า ฟิลิปปินส์ช่วยเวียดนามลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แสวงหาประโยชน์จากน้ำมันและก๊าซ การทำเหมืองแร่ และบริการในประเทศเขายังเรียกร้องให้ทั้งสองด้านต้องการความร่วมมือใกล้ชิดในการค้าข้าวผ่านข้อตกลงทางการค้าข้าวน้ำเซินเป็นพร้อมที่จะให้ข้าวฟิลิปปินส์ในระยะยาว ช่วยประเทศความปลอดภัยอาหาร ระบุไว้ PM เสนอว่า ทั้งสองประเทศขยายบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าข้าวสำหรับงวด 2017-20 เร็ว ๆ นี้นอกจากนี้เขายังแนะนำเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในทรงกลมอื่น ๆ เช่นกิจการวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ขนส่ง และการประมง"น้ำเซินและฟิลิปปินส์ควรก้าวขึ้นสังกัดของตนในฟิลด์ในในทางปฏิบัติ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการป้องกันประเทศ การค้า ความปลอดภัย ลงทุน เช่นเดียว กับ ที่ ฟอรั่มระดับภูมิภาค และนานาชาติ PM Phúc กล่าวในขอบเขตของการเมืองและการทูต ผู้นำเน้นการบำรุงรักษาของการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ เพิ่มแลกเปลี่ยนคนกับคนเขาเรียกว่าทำการลาดตระเวนร่วม และดำเนินต่อไปคณะกรรมการร่วมในทะเลและมหาสมุทรร่วมมือในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศรอง และแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายภายใต้กรอบของคณะกรรมการ"น้ำเซินคือทำงานกับฟิลิปปินส์ในการต่อสู้กับยาเสพติดและอาชญากรรมอื่น ๆ เช่นอาชญากรรมไฮเทค อาชญากรรมไซเบอร์ ค้ามนุษย์ และผู้ก่อการ ร้าย เขากล่าวว่า เพิ่มว่า น้ำเซินจะยังร่วมมือกับประเทศในด้านความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ งานตำรวจและกู้ภัยทางทะเลที่ทะเลทันทีทั้งสองฝ่ายควรลงข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนและอื่น ๆ เกี่ยวกับการโอนนักโทษ PM Phúc เพิ่มยอมรับและการเข้าพักที่ต้องร่วมทีมกันในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลตะวันออก รวมทั้งผลประโยชน์และสิทธิของแต่ละประเทศ สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเมื่อปี 1982 อนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ฝ่ายตรงข้ามใช้ความรุนแรง และรักษาความสงบทะเลตะวันออกผ่านหมายความว่าทหารไม่PM Phúc ยังแนะนำวงล้อสองด้านทะเลและมหาสมุทรร่วมดำเนินการ ต่อการเสริมสร้างความสามัคคีของอาเซียน ตลอดจนบทบาทในการจัดการปัญหาทะเลตะวันออก ทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในอาเซียนผ่านการแชร์ข้อมูลและประสานงานในท่าทาง และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนปกติระหว่างบรูไน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และน้ำเซินสำหรับการขึ้นรูปเป็นกลุ่มสำคัญในค่ายนี้ขอบเขต ประเทศต้องประสานในการเพิ่มบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการตอบสนองต่อความท้าทายที่มีผลกระทบต่อสันติภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัยในภูมิภาค และความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ โต้ตอบ ผู้นำเวียดนามกล่าวเขากล่าวว่า หากระเบียบในทะเลตะวันออก (COC) สรุปความเห็นชอบในปี 2560 ในของค่าย 50 ปีก่อตั้ง จะมีจุดเด่นและขั้นตอนสำคัญไปข้างหน้าไม่เพียงแต่อาเซียน แต่ยังฟิลิปปินส์เป็นประธานอาเซียน เอื้อต่อการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคประธานพอสมควรบอกโฮสต์ของเขาว่า เมื่อเขาเป็นหนุ่ม ความฝันของเขาคือไปน้ำเซิน และที่ เขาชื่นชมน้ำเซินชัยชนะในการต่อสู้เพื่อชนะความสำเร็จอิสรภาพ และต่ออายุ และการพัฒนาชาติ และเห็นประเทศเป็นตัวอย่างสำหรับประเทศของเขาไปตามเขากล่าวว่า เขาสูงค่ารัฐบาลเวียดนามและประชาชนทำอะไรสำหรับฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาในประเทศเมื่อมันจัดการกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร ข้าวยืนยันว่า น้ำเซินเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและพี่ชายของฟิลิปปินส์เขาระบุต่อไปว่า ประเทศเขาอยากกลับน้ำเซินองค์กรปี 2560 APEC และยินดีเข้าร่วมอาเซียน 2017 PM Phúcประธานพอสมควรแสดงความหวังลงนามข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม ด้วยน้ำเซิน บอกว่า มันจะช่วยให้ทั้งสองกลายเป็น ประชาชาติที่แข็งแกร่งในภูมิภาคฟิลิปปินส์ยังต้องการเพิ่มความร่วมมือกับน้ำเซินในโดเมนอื่น รวมทั้งการป้องกันและต่อสู้ของอาชญากรรม และพร้อมที่จะเจรจาในการลงนามข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกทะเลตะวันออก พอสมควรยอมรับว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำงานทั้งหมดข้อพิพาทและความขัดแย้งสงบเคารพกฎหมายระหว่างประเทศต่อไปฟิลิปปินส์ประท้วงการใช้กำลังในพื้นที่นี้ และอยากให้ทำงานเพื่อส่งเสริมความเข้าใจร่วมกันด้านความกังวล เครียดประธานพอสมควร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นายกรัฐมนตรีNguyễnXuânPhúcได้เรียกเวียดนามและฟิลิปปินส์จะแตะศักยภาพของพวกเขาสำหรับการค้าและการลงทุนความสัมพันธ์เพื่อให้ตรงกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของพวกเขา.
เขาบอกว่าการไปเยือนฟิลิปปินส์ประธานาธิบดีโรดริโก Roa Duterte ในระหว่างการประชุมของพวกเขาใน Ha Noi เมื่อวานนี้ว่าเวียดนามจะสร้าง เงื่อนไขที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนชาวฟิลิปปินส์ในการเกษตรการแปรรูปอาหาร, บริการและภาคการท่องเที่ยว.
ผู้นำบอกว่าฟิลิปปินส์อำนวยความสะดวกในการลงทุนของเวียดนามในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและก๊าซการแสวงหาผลประโยชน์การทำเหมืองแร่และบริการในประเทศ.
นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายไป ยังคงร่วมมืออย่างใกล้ชิดของพวกเขาในการค้าข้าวผ่านข้อตกลงการค้าข้าว.
เวียดนามพร้อมที่จะให้ข้าวให้ฟิลิปปินส์ในระยะยาวจะช่วยให้ประเทศที่มั่นใจในความปลอดภัยอาหารนายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตเสนอว่าทั้งสองประเทศในเร็ว ๆ นี้ขยายบันทึกข้อตกลง ความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าข้าวสำหรับงวด 2017-20.
นอกจากนี้เขายังแนะนำการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในทรงกลมอื่น ๆ เช่นวัฒนธรรม, การท่องเที่ยว, การขนส่งและการประมงกิจการ.
"เวียดนามและฟิลิปปินส์ควรจะก้าวขึ้นความร่วมมือของพวกเขาข้ามเขตในทางปฏิบัติมากขึ้น และแฟชั่นที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันประเทศ, ความปลอดภัย, การค้าการลงทุนเช่นเดียวกับที่ฟอรั่มในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ "PM Phúcกล่าว.
ในขอบเขตของการเมืองและการทูตผู้นำเน้นการบำรุงรักษาของทุกระดับการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนและที่มีอยู่ กลไกความร่วมมือในขณะที่เพิ่มการแลกเปลี่ยนประชาชนต่อคน.
เขาเรียกว่าสำหรับการดำเนินการลาดตระเวนร่วมกันและดำเนินไปข้างหน้าร่วมกับคณะกรรมการทะเลมหาสมุทรแปซิฟิกและความร่วมมือที่รองผู้อำนวยการระดับรัฐมนตรีต่างประเทศและแต่งตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายภายในกรอบ ของคณะกรรมการ.
"เวียดนามก็เต็มใจที่จะทำงานร่วมกับฟิลิปปินส์ในการต่อสู้กับยาเสพติดและอาชญากรรมอื่น ๆ เช่นอาชญากรรมไฮเทคอาชญากรรมไซเบอร์การค้ามนุษย์และการก่อการร้าย" เขากล่าวเพิ่มว่าเวียดนามจะยังเป็นพันธมิตรกับ ประเทศในการรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือตำรวจเดินเรือและการดำเนินการช่วยเหลือในทะเล.
ทั้งสองฝ่ายทันทีควรลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและอื่น ๆ เกี่ยวกับการโอนนักโทษ PM Phúcเพิ่ม.
พิธีกรและแขกตกลงกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการที่จะร่วมทีม กับแต่ละอื่น ๆ ในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลตะวันออกเช่นเดียวกับผลประโยชน์และสิทธิของแต่ละประเทศให้สอดคล้องกับกฎหมายต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุม 1982 สหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลของฝ่ายตรงข้ามใช้ความรุนแรง . และการรักษาความสงบทะเลตะวันออกด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ทหาร
PM Phúcยังแนะให้ทั้งสองฝ่ายวงล้อขึ้นในทะเลและมหาสมุทรร่วมมือ; ยังคงสร้างความเข้มแข็งความเป็นเอกภาพของอาเซียนเช่นเดียวกับบทบาทของตัวเองในการจัดการปัญหาทะเลตะวันออก; ทำงานอย่างใกล้ชิดในภูมิภาคอาเซียนผ่านการแบ่งปันข้อมูลและการประสานงานในท่าทาง; และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอระหว่างบรูไนฟิลิปปินส์มาเลเซียและเวียดนามสำหรับการขึ้นรูปเป็นกลุ่มสำคัญในพรรค.
ในขอบเขตที่ประเทศจะต้องมีการประสานงานในการเสริมสร้างบทบาทสำคัญของอาเซียนในการตอบสนองต่อความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพเสถียรภาพและ ความมั่นคงในภูมิภาคและความสัมพันธ์กับประเทศเจรจาอื่น ๆ ผู้นำเวียดนามกล่าว.
เขากล่าวว่าหากมีจรรยาบรรณในทะเลตะวันออก (COC) สรุปก็คือในปี 2017 ในวันครบรอบการก่อตั้งพรรค 50 ก็จะมีจุดเด่นและ ขั้นตอนที่สำคัญไม่เพียง แต่อาเซียน แต่ยังฟิลิปปินส์ในฐานะประธานอาเซียนที่เอื้อต่อการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค.
ประธาน Duterte บอกโฮสต์ของเขาว่าเมื่อเขาเป็นหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในความฝันของเขาคือการเยี่ยมชมเวียดนามและบอกว่าเขา ชัยชนะชื่นชมเวียดนามในการต่อสู้เพื่อชนะเอกราชของชาติและความสำเร็จของการต่ออายุและการพัฒนาและเห็นประเทศเป็นตัวอย่างสำหรับประเทศของเขาที่จะปฏิบัติตาม.
เขาบอกว่าเขาขอค่าอะไรบ้างที่รัฐบาลเวียดนามและคนที่ได้ทำเพื่อประเทศฟิลิปปินส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปทาน ข้าวไปยังประเทศที่เมื่อมันจัดการกับปัญหาการขาดแคลนอาหารเห็นพ้องว่าเวียดนามเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและพี่ชายของฟิลิปปินส์.
เขากล่าวต่อไปว่าประเทศของเขาจะกลับมาองค์กรเวียดนามของเอเปคปี 2017 และยินดีเข้าร่วม PM Phúcที่อาเซียน 2017
ประธาน Duterte แสดงความหวังของการลงนามข้อตกลงการค้ามากขึ้นกับเวียดนามบอกว่ามันจะช่วยให้ทั้งสองกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งในภูมิภาค.
ฟิลิปปินส์ยังต้องการที่จะเพิ่มความร่วมมือกับเวียดนามในโดเมนอื่น ๆ รวมทั้งการป้องกันและการต่อสู้ของอาชญากรรมและ พร้อมที่จะเจรจาต่อรองในการลงนามในข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น.
เกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก, Duterte เห็นว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการต่อการทำงานเพื่อระงับข้อพิพาทและความขัดแย้งอย่างสันติด้วยความเคารพต่อกฎหมายต่างประเทศ.
ฟิลิปปินส์ประท้วงการใช้กำลังในครั้งนี้ พื้นที่และความต้องการด้านความกังวลในการทำงานเพื่อส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันประธาน Duterte เครียด