ชาวพม่าถือว่าวัฒนธรรมเป็นดั่งรากแก้วของต้นไม้ที่ต้องปกปักรักษา วัฒนธรรมที่บ่งบอกความเป็นพม่ามีอาทิ ภาษาพม่า พุทธศาสนา การบริโภคน้ำชา
การแต่งกายของชาวพม่า
ชาวพม่าถือว่าวัฒนธรรมเป็นดั่งรากแก้วของต้นไม้ที่ต้องปกปักรักษา วัฒนธรรมที่บ่งบอกความเป็นพม่ามีอาทิ ภาษาพม่า พุทธศาสนา การบริโภคน้ำชา และที่เห็นได้ชัดอีกสิ่งหนึ่งก็คือการแต่งกาย ในอดีตแม้พม่าจะเคยเป็นอาณานิคมของตะวันตกมากว่าศตวรรษก็ตาม แต่ชาวพม่าก็ยังคงวิถีชีวิตเดิมไว้ได้มาก ผู้ชายยังนิยมนุ่งโสร่ง ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น ทั้งยังชอบสวมรองเท้าแตะ และทาแป้งตะนาคา ในบทนี้จะขอกล่าวถึงการแต่งกายของพม่า จำแนกเป็นหญิงและชาย ดังนี้
การแต่งกายสำหรับผู้หญิงพม่า
ตามตำราโลกนิตของพม่ากล่าวไว้ว่า หญิงที่จัดว่างามนั้นต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ๘ ประการ ได้แก่ ๑.มีผิวพรรณดี ๒.มีดวงตาสดใสดั่งตากวาง ๓.มีเอวคอด ๔.มีขาเรียว ๕.มีผมดกดำ ๖.มีฟันเป็นระเบียบ ๗.มีสะดือบุ๋ม และ ๘.มีความประพฤติดีงาม ความงามตามโลกนิตดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นความงามโดยกำเนิด มีเพียงประการสุดท้ายที่เป็นความงามอันเกิดจากการบ่มเพาะอุปนิสัย สำหรับการแต่งกายนั้น มิได้กำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของความงาม อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงพม่าก็มีค่านิยมในเรื่องของความงามที่ดูจะสอดคล้องกับโลกนิต ผู้หญิงพม่าที่ดูงามนั้น จะต้องมีผิวพรรณสดใส ดวงตาคม เอวคอด สะโพกผาย ผมดำดุจปีกแมงพลับ ฟันเป็นระเบียบ และมีอุปนิสัยการแต่งตัวที่ดูสะอาดตา พร้อมกับรู้จักวางท่าทางให้อ่อนโยน และอาจเสริมแต่งเรือนกาย อาทิ ทาแป้งตะนาคาให้ดูนวล สระผมด้วยส้มป่อย เขียนคิ้วและขอบตา ทาปากเข้ม นุ่งผ้ารัดรูป และสวมเสื้อเอวลอย เป็นต้น
ในด้านการแต่งกายนั้น ผู้หญิงพม่าจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อเอวลอย มุ่นมวยผม แซมดอกไม้ และทาแป้งตะนาคา ในโอกาสสำคัญอย่างงานบุญหรืองานพิธี อาจประดับกายด้วยอัญมณีตามแต่ฐานะ และต้องมีผ้าบางคล้องไหล่ โดยทั่วไป ผู้หญิงพม่าจัดได้ว่าเป็นผู้ที่รักสวยรักงาม ชอบแต่งหน้าทาปาก ทาเล็บมือเล็บเท้า รายได้ที่หามาได้เป็นพิเศษมักหมดไปกับการซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ ดังมีคำกล่าวว่า "จะจนยากสักเพียงไร ก็ต้องแต่งกายให้ดูงาม"
ผู้หญิงพม่าส่วนมากจึงมักพิถีพิถันกับเรื่องการแต่งกายเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่การดูแลเรือนผม การทัดดอกไม้ การแต่งหน้าทาเล็บ การประดับด้วยอัญมณี กำไลมือ กำไลเท้า สร้อยคอ และตุ้มหู การสวมเสื้อ ซิ่น และผ้าคลุมไหล่ การติดกระดุม ตลอดจนการสวมรองเท้า นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าถือ บุหรี่ขี้โย และร่ม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงพม่า ซึ่งจะขอกล่าวโดยละเอียดดังนี้
เรือนผม
ความงามตามนัยของโลกนิตนั้น อาจยากที่จะกล่าวได้ว่า ส่วนไหนของกายที่สำคัญต่อความงามมากที่สุด อย่างไรก็ตามชาวพม่าจะมองว่าเรือนผมมีส่วนช่วยให้ผู้หญิงมีความงามได้มากกว่ากายส่วนอื่น เหตุนี้หญิงสาวพม่าจึงต้องหมั่นดูแลเรือนผมของตนเป็นอย่างดี ผู้หญิงพม่าจะมีวิธีมุ่นมวยผมหลายรูปแบบให้ดูเหมาะกับใบหน้าและบุคลิก เพราะหากไว้ทรงผมที่ไม่เหมาะกับตนแล้ว อาจทำให้หมดงาม ดังคำกล่าวว่า “หญิงนั้น แม้งามด้วยกาย ก็อาจหมดรูปได้เพราะมวยผม” ผู้หญิงพม่าจึงต้องดูแลรักษาเส้นผมเป็นอย่างดีและถือเป็นของสูง ชาวพม่าจะให้ความสำคัญต่อเรือนผมโดยนำไปเปรียบกับพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่ต้องหมั่นบูชา นอกจากนี้ ผู้หญิงพม่าที่ไว้ผมยาว เมื่อถึงคราวที่ต้องตัดผมให้สั้น หรือโกนผมเพื่อบวชชี ก็มักจะเก็บผมของตนไว้ในที่สูง หรืออาจนำไปถวายไว้ที่วัด บางคนเมื่อผมหลุดร่วง จะไม่ปล่อยทิ้งไว้กับพื้น แต่จะห่ออย่างดีแล้วนำไปลอยน้ำ นอกจากนี้ พม่ายังมีธรรมเนียมการโกนผมไฟให้กับเด็กทารก ผู้ใหญ่จะต้องนำผมไฟไปลอยน้ำ ห้ามโยนทิ้ง เพราะเกรงว่าเด็กจะถูกคุณไสย์
นอกจากการมุ่นมวยผมแล้ว หญิงสาวพม่ายังนิยมถักเปีย และดัดผม การไว้ผมเปียและดัดผมนี้ นิยมมาตั้งแต่สมัยอาณานิคมจนถึงสมัยอิสรภาพ ในปัจจุบันการไว้ผมเปียยังคงนิยมอยู่และดูจะเป็นที่นิยมมากกว่าการดัดผม เปียที่นิยมไว้กันนี้มีทั้งเปียเดี่ยวและเปียคู่ ส่วนการไว้ทรงผมแบบใหม่ๆโดยเลียนแบบความนิยมจากภายนอกก็มี อาทิ ทรงจูเลียต จากหนังเรื่องโรเมโอและจูเลียต และทรงเลดี้ไดอะนา ทรงจูเลียตได้หมดความนิยมไป เมื่อ ค.ศ.๑๙๘๔ แต่ทรงเลดี้ไดอะนายังนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน ส่วนการย้อมสีผมก็เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นพม่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มจะนิยมย้อมผมมากกว่า
การทัดดอกไม้
เนื่องจากสาวพม่านิยมไว้ผมยาว ทั้งยาวประไหล่ ยาวคลุมก้น และมีบางคนไว้ยาวถึงข้อเท้า ด้วยเหตุนี้ การเกล้าผมมวยจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการทัดดอกไม้ก็กลายเป็นธรรมเนียมของผู้หญิงพม่าไปด้วย ดอกไม้ที่นิยมมีหลายชนิด ทั้งที่มีกลิ่นหอม เช่น มะลิ และที่มีสีสันสวยงาม เช่น กุหลาบ ส่วนดอกไม้ต้องห้ามและไม่นำมาแซมผม คือ ดอกชบา ด้วยถือว่าเป็นดอกไม้สำหรับทัดหูให้กับผู้ตายเท่านั้น
การประดับอัญมณี
ชาวพม่าถือว่าเพชรพลอยนอกจากจะเป็นของมีค่าแล้ว ยังเป็นสิ่งมงคลอย่างหนึ่ง ดังมีคำกล่าวว่า "ทับทิมเกร็ดน้อย มีค่าควรเมือง" หญิงสาวพม่าจึงมักจะรักสวยรักงาม บ้างสวมกำไลซ้อนเรียงจนถึงข้อศอก บ้างสวมสร้อยจนเต็มคอ บ้างสวมแหวนเต็มมือ และบ้างก็กลัดเข็มกลัดอันใหญ่ครบชุด นอกจากอัญมณีจะให้ความงามและแสดงฐานะแล้ว พม่ายังเชื่อว่าอัญมณีเป็นเครื่องมงคลและมีความหมายที่ดี ดังนี้
ทับทิม หมายถึง บุญญาธิการ และ ความรุ่งโรจน์
มรกต หมายถึง ความสงบเย็นและสันติสุข
เพชร หมายถึง ความสามารถ
ไพลิน หมายถึง ความเมตตา
โกเมน หมายถึง พละกำลัง
บุษราคัม หมายถึง พลานามัย
ปะการัง หมายถึง ความยิ่งใหญ่
มุก หมายถึง สิริมงคล
เพชรตาแมว หมายถึง อำนาจและความสำเร็จ
กำไลเท้า
นอกจากอัญมณีดังกล่าว ผู้หญิงพม่ายังนิยมประดับกายด้วยทอง ทำเป็นกำไลข้อเท้า สร้อยคอ ตุ้มหู ปิ่นปักผม หวีเสียม ในส่วนของกำไลนั้น สวมได้ทั้งที่ข้อมือและข้อเท้า พม่านิยมสวมกำไลเท้ามาแต่อดีต โดยเฉพาะชาวพม่าที่มัณฑะเลจะนิยมใส่กำไลเท้าที่อาจทำด้วยทองหรือเงิน แต่บางคนไม่นิยมกำไลเท้าที่ทำด้วยทอง ด้วยเหตุผลว่าทองใช้เป็นของสูงสำหรับปิดองค์พระ จึงไม่เหมาะที่จะสวมไว้กับเท้า และจะ