งานวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ 1) เพื

งานวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพและความต้องการในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการก่อนและหลังการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษา สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จำนวน 35 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากวิธีการเลือกแบบเจาะจง เป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การพัฒนาทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย (Multiple Choice) ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และใช้แบบบันทึกการสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ และแบบบันทึกการนิเทศ โดยมาจัดกระทำข้อมูลเชิงคุณภาพ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล หาข้อมูลเชิงปริมาณร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พร้อมทั้งเก็บข้อมูลการสอนจากแบบสังเกตการณ์สอนและแบบบันทึกการนิเทศ โดยใช้ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล 24 ครั้ง ครั้งละ 3 วัน/สัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ รวมระยะเวลาในการศึกษาทั้งหมด 8 สัปดาห์
ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนาทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 1) สภาพและความต้องการในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นักศึกษายังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยนักศึกษายังขาดทักษะที่นำไปสู่การจัดประสบการณ์แบบบูรณาการ ได้แก่ ทักษะการเขียนแผนจัดประสบการณ์แบบบูรณาการที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ ขาดประสบการณ์ และไม่รู้เทคนิค วิธีการจัดประสบการณ์ที่จะนำมาบูรณาการให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ซึ่งทำให้การเขียนแผนจัดประสบการณ์ไม่สอดคล้องตรงตามหลักสูตรปฐมวัย พุทธศักราช 2546 จึงทำให้นักศึกษาขาดทักษะความรู้ในการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัย และนักศึกษาต้องการพัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถด้านการ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบบูรณาการ ต้องการให้มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา แนะนำ เพิ่มพูนประสบการณ์ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยการศึกษาดูงาน เพื่อสร้างความเข้าใจ ความมั่นใจ ในการเขียนแผนการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการให้มีความถูกต้อง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการก่อนและหลังการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย นักศึกษาที่ได้รับการสอนในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย การอบรม การศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ ฝึกปฏิบัติการสอนตามแผนแบบบูรณาการในห้องเรียน และฝึกปฏิบัติการสอนตามแผนแบบบูรณาการในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการในรายวิชาการ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยสูงกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มหาวิทยาลัยราชภัฏเลยของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยเพื่อเปรียบเทียบทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการก่อนและหลังการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อศึกษาสภาพและความต้องการในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการงานวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ที่ 1) 2)กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลยจำนวน 35 คนกลุ่มตัวอย่างได้จากวิธีการเลือกแบบเจาะจงเป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2558 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการพัฒนาทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย (ชอยหลายce) ชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อและใช้แบบบันทึกการสังเกตแบบสัมภาษณ์แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้และแบบบันทึกการนิเทศโดยมาจัดกระทำข้อมูลเชิงคุณภาพทำการวิเคราะห์ข้อมูลหาข้อมูลเชิงปริมาณร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานพร้อมทั้งเก็บข้อมูลการสอนจากแบบสังเกตการณ์สอนและแบบบันทึกการนิเทศโดยใช้ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล 24 ครั้งครั้งละ 3 วัน/สัปดาห์ได้แก่วันจันทร์วันพุธวันศุกร์รวมระยะเวลาในการศึกษาทั้งหมด 8 สัปดาห์นักศึกษายังไม่มีความรมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยสภาพและความต้องการในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการผลการวิจัยพบว่าการพัฒนาทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 1)ู้ความเข้าใจในการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการโดยนักศึกษายังขาดทักษะที่นำไปสู่การจัดประสบการณ์แบบบูรณาการได้แก่ทักษะการเขียนแผนจัดประสบการณ์แบบบูรณาการที่สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ขาดประสบการณ์และไม่รู้เทคนิควิธีการจัดประสบการณ์ที่จะนำมความสามารถด้านการและนักศึกษาต้องการพัฒนาตนเองให้มีความรู้จึงทำให้นักศึกษาขาดทักษะความรู้ในการจัดประสบการณ์ให้แก่เด็กปฐมวัยาบูรณาการให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันซึ่งทำให้การเขียนแผนจัดประสบการณ์ไม่สอดคล้องตรงตามหลักสูตรปฐมวัยพุทธศักราช 2546นักศึกษาที่ได้รับการสอนในรายวิชาการจัดประสบกามหาวิทยาลัยราชภัฏเลยของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยเพื่อเปรียบเทียบทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการก่อนและหลังการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบบูรณาการต้องการให้มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำเพิ่มพูนประสบการณ์ให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมโดยการศึกษาดูงานเพื่อสร้างความเข้าใจความมั่นใจในการเขียนแผนการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการให้มีความถูกต้องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2)รณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยการอบรมการศึกษาดูงานการฝึกปฏิบัติจัดทำแผนการจัดประสบการณ์ฝึกปฏิบัติการสอนตามแผนแบบบูรณาการในห้องเรียนและฝึกปฏิบัติการสอนตามแผนแบบบูรณาการในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเลยมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะการจัดประสบการณ์แบบบูรณาการในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยสูงกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรมในรายวิชาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ 1) 2) ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย
คือนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยชั้นปี ที่ 4 คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลยจำนวน 35 คน ภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2558 ประกอบด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏ เลยเป็นแบบทดสอบแบบปรนัย (Multiple Choice) ชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อและใช้แบบบันทึกการสังเกตแบบ สัมภาษณ์แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้และแบบบันทึกการนิเทศโดยมาจัดกระทำข้อมูลเชิง คุณภาพทำการวิเคราะห์ข้อมูลหาข้อมูลเชิงปริมาณ ร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล 24 ครั้งครั้งละ 3 วัน / สัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์วันพุธวันศุกร์ รวมระยะเวลาในการศึกษาทั้งหมด 8 สัปดาห์
ผลหัวเรื่อง: การวิจัยพบว่าได้ ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏ เลย 1) ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏ เลย ได้แก่ ขาดประสบการณ์และไม่รู้เทคนิค พุทธศักราช 2546
แนะนำ โดยการศึกษาดูงานเพื่อสร้างความ เข้าใจความมั่นใจ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2) ของนักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยมหาวิทยาลัยราชภัฏ เลย การอบรมการศึกษาดูงาน มีความรู้ความเข้าใจ
การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ . 01