On July 7, 1953, Guevara set out ag

On July 7, 1953, Guevara set out again, this time to Bolivia, Peru, Ecuador, Panama, Costa Rica, Nicaragua, Honduras and El Salvador. On December 10, 1953, before leaving for Guatemala, Guevara sent an update to his Aunt Beatriz from San José, Costa Rica. In the letter Guevara speaks of traversing through the dominion of the United Fruit Company; a journey which convinced him that Company's capitalist system was a terrible one.[45] This affirmed indignation carried the more aggressive tone he adopted in order to frighten his more Conservative relatives, and ends with Guevara swearing on an image of the then recently deceased Joseph Stalin, not to rest until these "octopuses have been vanquished".[46] Later that month, Guevara arrived in Guatemala where President Jacobo Árbenz Guzmán headed a democratically elected government that, through land reform and other initiatives, was attempting to end the latifundia system. To accomplish this, President Árbenz had enacted a major land reform program, where all uncultivated portions of large land holdings were to be expropriated and redistributed to landless peasants. The biggest land owner, and one most affected by the reforms, was the United Fruit Company, from which the Árbenz government had already taken more than 225,000 acres (91,000 ha) of uncultivated land.[47] Pleased with the road the nation was heading down, Guevara decided to settle down in Guatemala so as to "perfect himself and accomplish whatever may be necessary in order to become a true revolutionary."[48]

In Guatemala City, Guevara sought out Hilda Gadea Acosta, a Peruvian economist who was well-connected politically as a member of the left-leaning Alianza Popular Revolucionaria Americana (APRA, American Popular Revolutionary Alliance). She introduced Guevara to a number of high-level officials in the Arbenz government. Guevara then established contact with a group of Cuban exiles linked to Fidel Castro through the July 26, 1953, attack on the Moncada Barracks in Santiago de Cuba. During this period, he acquired his famous nickname, due to his frequent use of the Argentine diminutive interjection che, a vocative casual speech filler used to call attention or ascertain comprehension, similarly to both "bro" or the Canadian phrase "eh".[49] During his time in Guatemala, Guevara was helped by other Central American exiles, one of whom, Helena Leiva de Holst, provided him with food and lodging,[50] discussed her travels to study Marxism in Russia and China,[51] and to whom, Guevara dedicated a poem, " "Invitación al camino".[52]

Guevara's attempts to obtain a medical internship were unsuccessful and his economic situation was often precarious. On May 15, 1954, a shipment of Škoda infantry and light artillery weapons was dispatched from Communist Czechoslovakia for the Arbenz Government and arrived in Puerto Barrios.[53] As a result, the United States' CIA sponsored an army that invaded the country and installed the right-wing dictatorship of Carlos Castillo Armas.[48] Guevara was eager to fight on behalf of Arbenz and joined an armed militia organized by the Communist Youth for that purpose, but frustrated with the group's inaction, he soon returned to medical duties. Following the coup, he again volunteered to fight, but soon after, Arbenz took refuge in the Mexican Embassy and told his foreign supporters to leave the country. Guevara's repeated calls to resist were noted by supporters of the coup, and he was marked for murder.[54] After Hilda Gadea was arrested, Guevara sought protection inside the Argentine consulate, where he remained until he received a safe-conduct pass some weeks later and made his way to Mexico.[55]

He married Gadea in Mexico in September 1955.[56]

The overthrow of the Arbenz regime cemented Guevara's view of the United States as an imperialist power that would oppose and attempt to destroy any government that sought to redress the socioeconomic inequality endemic to Latin America and other developing countries. In speaking about the coup, Guevara stated:


"The last Latin American revolutionary democracy – that of Jacobo Arbenz – failed as a result of the cold premeditated aggression carried out by the United States. Its visible head was the Secretary of State John Foster Dulles, a man who, through a rare coincidence, was also a stockholder and attorney for the United Fruit Company."[54]

Guevara's conviction that Marxism achieved through armed struggle and defended by an armed populace was the only way to rectify such conditions was thus strengthened.[57] Gadea wrote later, "It was Guatemala which finally convinced him of the necessity for armed struggle and for taking the initiative against imperialism. By the time he left, he was sure of this."[58]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บน 7 กรกฎาคม 1953, Guevara กำหนดออกอีกครั้ง เวลานี้โบลิเวีย เปรู เอกวาดอร์ ปานามา คอสตาริกา นิการากัว ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ 10 ธันวาคม 1953 ก่อนที่จะออกในกัวเตมาลา Guevara ส่งการปรับปรุงไป Beatriz ป้าของเขาจาก San José คอสตาริกา ในจดหมาย Guevara พูดข้ามสิ่งกีดขวางผ่านไอศวรรย์บริษัทผลไม้สห การเดินทางที่มั่นใจเขาว่า ระบบทุนของบริษัทอยู่หนึ่งที่น่ากลัว [45] ซึ่งยืนยัน indignation ทำเสียงสูงขึ้นเขานำเพื่อขู่ญาติหัวเก่ามาก และลงท้าย ด้วย Guevara ด่าทอการสบถในรูปนั้นเพิ่งเสียชีวิตแล้วโจเซฟสตาลิน ส่วนที่เหลือจนกระทั่งเหล่านี้ "octopuses ได้ถูก vanquished" ไม่ [46] ต่อเดือน Guevara ถึงในกัวเตมาลาซึ่งประธาน Jacobo Árbenz Guzmán หัวรัฐบาล democratically ป่าวที่ ปฏิรูปที่ดินและการริเริ่มอื่น ๆ พยายามสิ้นสุดระบบ latifundia การทำ ประธาน Árbenz มีตราโปรแกรมหลักปฏิรูปที่ดิน อยู่ที่ส่วน uncultivated ทั้งหมดของผู้ถือครองที่ดินขนาดใหญ่จะถูกเวนคืน และ redistributed กับชาวนา landless เจ้าของที่ดินที่ใหญ่ที่สุด และหนึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการปฏิรูป เป็นสหผลไม้ บริษัท ซึ่งรัฐบาล Árbenz ได้แล้วรับกว่า 225,000 เอเคอร์ (91,000 ฮา) ของ uncultivated [47] ยินดีกับถนนประเทศถูกหัวลง Guevara ตัดสินใจปักในกัวเตมาลาเพื่อ "พักตัวเอง และทำอะไรก็ตามอาจจำเป็นให้ เป็นจริงปฏิวัติ" [48]โรงแรมในกัวเตมาลาซิตี้ Guevara ขอออก Hilda Gadea Acosta นักเศรษฐศาสตร์ชาวเปรูที่มีห้องพักที่เชื่อมต่อทางการเมืองเป็นสมาชิกของการเอนซ้าย Alianza นิยม Revolucionaria อเมริกานา (อัพรา เปรู) เธอนำ Guevara ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล Arbenz Guevara สร้างติดต่อกับกลุ่มของคิวบา exiles ที่เชื่อมโยงกับฟีผ่าน 26 กรกฎาคม 1953 โจมตีค่ายทหารในคิวบา Santiago de Moncada แล้ว ในช่วงเวลานี้ เขาได้ชื่อเล่นของเขามีชื่อเสียง เนื่องจากการใช้งานบ่อยของ che interjection อาร์เจนตินาแคระ ฟิลเลอร์พูดสบาย ๆ vocative ที่ใช้ในการเรียกความสนใจ หรือตรวจความเข้าใจ คล้ายกับ "bro" หรือวลีแคนาดา "เอ๊ะ" [49] ในช่วงเวลาของเขาในกัวเตมาลา ช่วย Guevara โดยอื่น ๆ exiles มาลาวี หนึ่งคน เฮเลนา Leiva เด Holst ให้เขา มีอาหารและที่พัก, [50] กล่าวถึงการเดินทางของเธอไปศึกษาลัทธิมากซ์ ในรัสเซียและจีน, [51] และ ที่ Guevara ทุ่มเทบทกวี "" Invitación อัลคามิโน" [52]ความพยายามของ Guevara รับฝึกงานแพทย์ประสบความสำเร็จ และฐานะทางเศรษฐกิจมักจะล่อแหลม บน 15 พฤษภาคม 1954 การส่งทหารราบ Škoda และอาวุธปืนแสงถูกส่งจากเชโกสโลวาเกียคอมมิวนิสต์รัฐบาล Arbenz และมาถึงในปูเอร์โตบาริออส [53] เป็นผล CIA ของสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนกองทัพที่บุกประเทศ และติดตั้งเผด็จการฝ่ายขวาของ Carlos Castillo น่ารัก [48] กระหายที่จะต่อสู้ในนามของ Arbenz Guevara และเข้าร่วมเป็นทหารอาสาสมัครติดอาวุธโดยเยาวชนคอมมิวนิสต์ที่ แต่ผิดหวังกับของกลุ่ม inaction เขาเร็ว ๆ นี้กลับไปหน้าที่ทางการแพทย์ หลังรัฐประหาร เขาอีก volunteered ในการต่อสู้ แต่เร็ว ๆ นี้หลังจาก Arbenz เอาลี้ภัยในสถานทูตเม็กซิโก และบอกผู้สนับสนุนของเขาต่างประเทศออกจากประเทศ เรียกซ้ำของ Guevara เพื่อต่อต้านถูกตั้งข้อสังเกต โดยการสนับสนุนของรัฐ และเขาถูกทำเครื่องหมายสำหรับฆ่าคน [54] หลังจาก Hilda Gadea ถูกจับ Guevara พยายามป้องกันในสถานกงสุลอาร์เจนตินา ที่เขายังคงอยู่จนกระทั่งเขาได้รับผ่าน safe-conduct บางสัปดาห์ และทำทางของเขาไปเม็กซิโก [55]เขาแต่งงาน Gadea ในเม็กซิโกในเดือน 1955 กันยายน [56]ล้มล้างระบอบ Arbenz คาร์ดู Guevara ของสหรัฐเป็นการอำนาจจักรวรรดินิยมที่จะต่อต้าน และพยายามทำลายรัฐบาลใด ๆ ที่มี redress อสมการประชากรยุงริกาและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ พูดเกี่ยวกับรัฐประหาร Guevara ที่ระบุ:"ที่สุดท้ายริกาปฏิวัติประชาธิปไตย – Jacobo Arbenz – ล้มเหลวจากการรุกราน premeditated เย็นที่ดำเนินการ โดยสหรัฐอเมริกา หัวของมันมองเห็นได้เสนาบดีจอห์นฟอสเตอร์ดัลเลส คนที่ ผ่านบังเอิญหายาก ยังเป็น stockholder และทนายความบริษัทผลไม้สหรัฐ" [54]จึงลินช์ของ Guevara เชื่อมั่นว่า ลัทธิมากซ์สำเร็จผ่านอาวุธต่อสู้ และปกป้อง โดยประชาชนมีอาวุธเป็นวิธีเดียวที่จะแก้เงื่อนไขดังกล่าว [57] Gadea เขียนภายหลัง "ได้กัวเตมาลาซึ่งสุดท้าย มั่นใจเขาจำเป็น สำหรับอาวุธต่อสู้ และปราบกับลัทธิจักรวรรดินิยม โดยเวลาเขาซ้าย กำลังใจนี้" [58]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1953, เชกูวาราที่กำหนดไว้อีกครั้งคราวนี้ไปโบลิเวียเปรูเอกวาดอร์ปานามาคอสตาริกานิการากัวฮอนดูรัสและเอลซัลวาดอร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1953 ก่อนที่จะออกกัวเตมาลาเชกูวาราส่งการปรับปรุงไป Beatriz ป้าของเขาจาก San Jose, คอสตาริกา ในจดหมายของเชกูวาราพูด traversing ผ่านอำนาจของ บริษัท ฯ ยูไนเต็ดผลไม้; การเดินทางซึ่งเขาเชื่อว่าระบบทุนนิยมของ บริษัท ฯ ว่าเป็นคนที่น่ากลัว. [45] นี่ไม่พอใจยืนยันดำเนินน้ำเสียงก้าวร้าวมากขึ้นที่เขานำมาใช้เพื่อขู่ญาติอนุรักษ์นิยมมากขึ้นของเขาและจบลงด้วยการเชกูวาราสาบานในภาพของแล้วเพิ่งตายโจเซฟ สตาลินที่จะไม่หยุดจนกว่าเหล่านี้ "หมึกได้รับสิ้นฤทธิ์". [46] หลังจากนั้นเดือนเชกูวารามาถึงในกัวเตมาลาที่ประธานาธิบดี Jacobo ÁrbenzGuzmánหัวหน้ารัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านการปฏิรูปที่ดินและความคิดริเริ่มอื่น ๆ เป็นความพยายามที่จะยุติการ latifundia ระบบ. เพื่อให้บรรลุนี้ประธานÁrbenzได้ตราโปรแกรมที่สำคัญการปฏิรูปที่ดินที่รกร้างส่วนทั้งหมดของการถือครองที่ดินที่มีขนาดใหญ่จะถูกเวนคืนและแจกจ่ายไปให้กับชาวนาไร้ที่ดิน เจ้าของที่ดินที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยการปฏิรูปที่เป็น บริษัท ผลไม้ยูไนเต็ดจากการที่รัฐบาลÁrbenzได้แล้วกว่า 225,000 เอเคอร์ (91,000 ฮ่า) ​​ที่ดินรกร้าง. [47] ยินดีกับถนนประเทศกำลังมุ่งหน้าไป ลงเชกูวาราตัดสินใจที่จะปักหลักในกัวเตมาลาเพื่อ "สมบูรณ์แบบตัวเองและประสบความสำเร็จในสิ่งที่อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะกลายเป็นปฏิวัติที่แท้จริง." [48] ในกัวเตมาลาซิตีเชกูวาราขอออก Hilda Gadea Acosta นักเศรษฐศาสตร์ชาวเปรูที่เป็นไปด้วยดี -connected ทางการเมืองในฐานะสมาชิกของซ้ายพิง Alianza นิยม Revolucionaria Americana (APRA อเมริกันนิยมพันธมิตรปฏิวัติ) เธอแนะนำเชกูวาราไปยังหมายเลขของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล Arbenz เชกูวาราการติดต่อจากนั้นจัดตั้งขึ้นโดยมีกลุ่มของคิวบาเนรเทศเชื่อมโยงกับ Fidel Castro ผ่าน 26 กรกฎาคม 1953, การโจมตีใน Moncada ค่ายทหารในซานติอาโกเดอคิวบา ในช่วงเวลานี้เขาได้รับฉายาของเขามีชื่อเสียงเนื่องจากการใช้งานบ่อยของเขาอุทานเล็กอาร์เจนตินา che, ฟิลเลอร์การพูดสบาย ๆ แหลมที่ใช้ในการเรียกความสนใจหรือยืนยันความเข้าใจในทำนองเดียวกันกับทั้ง "ครับ" หรือวลีที่แคนาดา "ใช่มั้ย". [ 49] ในช่วงเวลาของเขาในกัวเตมาลาเชกูวาราได้รับการช่วยเหลือจากเนรเทศชาวอเมริกันอื่น ๆ กลางคนหนึ่งเฮเลนา Leiva เดอโฮลส์ให้กับอาหารและที่พัก [50] กล่าวถึงการเดินทางของเธอเพื่อการศึกษามาร์กซ์ในรัสเซียและจีน [51] และผู้ที่เชกูวาราทุ่มเทบทกวี "," อัลInvitación Camino ". [52] ความพยายามเชกูวาราที่จะได้รับการฝึกงานทางการแพทย์ที่ไม่ประสบความสำเร็จและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเขาก็มักจะล่อแหลม. เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 1954, การจัดส่งของŠราบkoda และแสง . อาวุธปืนใหญ่ถูกส่งมาจากคอมมิวนิสต์สโลวาเกียสำหรับรัฐบาล Arbenz และมาถึงใน Puerto Barrios [53] เป็นผลให้สหรัฐอเมริกาซีไอเอได้รับการสนับสนุนกองทัพที่บุกเข้ามาในประเทศและการติดตั้งที่ถูกต้อง-. การปกครองแบบเผด็จการปีกของคาร์ลอ Castillo Armas [48 ] เชกูวาราก็ยังอยากที่จะต่อสู้ในนามของ Arbenz และอาสาสมัครเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธที่จัดโดยพรรคคอมมิวนิสต์เยาวชนเพื่อวัตถุประสงค์ที่ แต่ผิดหวังกับความเกียจคร้านของกลุ่มไม่ช้าเขาก็กลับไปปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ หลังจากการทำรัฐประหารเขาอาสาที่จะต่อสู้อีกครั้ง แต่ไม่นานหลังจากนั้น Arbenz เข้าไปหลบในสถานทูตเม็กซิกันและบอกผู้สนับสนุนต่างประเทศของเขาจะออกจากประเทศ . เชกูวาราซ้ำโทรออกเพื่อต่อต้านการถูกตั้งข้อสังเกตโดยการสนับสนุนของการรัฐประหารและเขาถูกทำเครื่องหมายสำหรับการฆาตกรรม [54] หลังจากที่ฮิลดา Gadea ถูกจับเชกูวาราขอความคุ้มครองภายในสถานกงสุลอาร์เจนตินาซึ่งเขาอยู่จนกว่าเขาจะได้รับความปลอดภัย- ดำเนินการผ่านหลายสัปดาห์ ภายหลังและทำทางของเขาไปยังเม็กซิโก. [55] เขาแต่งงานกับ Gadea ในเม็กซิโกในเดือนกันยายนปี 1955 [56] ล้มล้างระบอบการปกครองของ Arbenz ยึดมุมมองของเชกูวาราของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอำนาจจักรวรรดินิยมที่จะต่อต้านและพยายามที่จะทำลายรัฐบาลใด ๆ ที่ พยายามที่จะแก้ไขความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจถิ่นละตินอเมริกาและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ในการพูดเกี่ยวกับการรัฐประหารเชกูวารากล่าวว่า"สุดท้ายประชาธิปไตยปฏิวัติละตินอเมริกา- ของ Jacobo Arbenz - ล้มเหลวเป็นผลมาจากการรุกรานข้อหาเย็นดำเนินการโดยสหรัฐอเมริกาหัวที่มองเห็นมันเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจอห์นฟอสเตอร์ดัลเลส. คนที่ผ่านเรื่องบังเอิญที่หายากก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นและทนายความสำหรับ บริษัท ผลไม้ประเทศ. "[54] ความเชื่อมั่นของเชกูวาราที่มาร์กซ์ประสบความสำเร็จผ่านการต่อสู้และปกป้องโดยประชาชนติดอาวุธเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขเงื่อนไขดังกล่าวก็มีมากขึ้นจึง . [57] Gadea เขียนต่อมา "มันเป็นกัวเตมาลาซึ่งในที่สุดก็เชื่อว่าเขามีความจำเป็นสำหรับการต่อสู้และการริเริ่มต่อต้านจักรวรรดินิยม. ตามเวลาที่เขาทิ้งเขาก็แน่ใจว่านี้." [58]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 เกบาราออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ โบลิเวีย เปรู เอกวาดอร์ ปานามา คอสตาริกา , นิการากัว , ฮอนดูรัสและเอลซัลวาดอร์ ในวันที่ 10 ธันวาคมพ.ศ. 2496 ก่อนจะไปกัวเตมาลา กูวาราส่งการปรับปรุงไปยังป้าของเขา Beatriz จากซันโฮเซ . ในจดหมาย เกวาร่าพูด traversing ผ่านอาณาจักรแห่งผลไม้บริษัทการเดินทางที่เขาเชื่อว่าบริษัทของทุนนิยม ระบบมันแย่มาก [ 45 ] นี้ยืนยันความไม่พอใจดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นเสียงที่เขาใช้เพื่อขู่ญาติอนุรักษ์มากขึ้น ของเขา และลงท้ายด้วย กูวาราสาบานกับ ภาพของ โจเซฟ สตาลินก็เพิ่งตาย ไม่ต้องพักจนกว่าเหล่านี้ " ปลาหมึกยักษ์ได้พิชิต " [ 46 ] ต่อมาในเดือนกูวารามาถึงในกัวเตมาลาที่ประธานาธิบดีจาโคโบ Á rbenz guzm . kgm N เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ผ่านการปฏิรูปที่ดินและการริเริ่มอื่น ๆพยายามที่จะสิ้นสุดระบบลาตีฟุนเดีย . เพื่อให้บรรลุนี้ ประธานÁ rbenz ได้ประกาศใช้โครงการปฏิรูปที่ดินรายใหญ่ส่วนที่ไม่ได้รับการอบรมทั้งหมดที่ถือครองที่ดินขนาดใหญ่จะถูกเวนคืน และแจกจ่าย ชาวนาที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง . เป็นเจ้าของที่ดินที่ใหญ่ที่สุด และได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยการปฏิรูป คือ บริษัท สหผลจากที่รัฐบาลÁ rbenz ได้เอากว่า 225 , 000 เอเคอร์ ( 91000 ฮา ) ของที่ขาดการบำรุงดิน [ 47 ] ยินดีกับถนนประเทศ มุ่งหน้าลงกูวาราตัดสินใจที่จะปักหลักในกัวเตมาลาเพื่อที่สมบูรณ์แบบ " เองและบรรลุสิ่งที่อาจจะจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นจริงปฏิวัติ . " [ 48 ]

ในกัวเตมาลา ซิตี้ กูวาราขอออกฮิลด้า กาเดียอคอสต้า , นักเศรษฐศาสตร์ชาวเปรูที่ถูกเชื่อมต่อกันในทางการเมืองในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของพันธมิตรประชาชนปฏิวัติอเมริกา ( ซ้ายเอียง APRA พรรคอาปริสตาเปรู , )เธอแนะนำ เกวาร่าไปยังหมายเลขของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล ร์เบน . กูวาราแล้วก่อตั้งติดต่อกับกลุ่มของคิวบาเนรเทศเชื่อมโยงกับฟิเดล คาสโตรผ่าน 26 กรกฎาคม 1953 ในการโจมตีค่ายทหารมอนคาดาในซันติอาโกเดอคิวบา ในช่วงเวลานี้เขาได้รับชื่อเล่นที่มีชื่อเสียงของเขา เนื่องจากเขาใช้บ่อยของอาร์เจนตินา เช คำอุทานต่างๆฟิลเลอร์พูดสบายๆ อาลปนะใช้เรียกความสนใจ หรือวินิจฉัย ความเข้าใจกัน ทั้ง " พี่ " หรือคำว่า " แคนาดา เอ๋ " [ 49 ] ในช่วงเวลาของเขาในกัวเตมาลา เกบาราถูกช่วยโดยเนรเทศกลางอเมริกันอื่น ๆ หนึ่งในนั้น เฮเลน่า เลย์วา เดอ โฮลส์ ให้เขา พร้อมอาหารและที่พัก , [ 50 ] กล่าวถึงการเดินทางไปศึกษาลัทธิมากซ์ในรัสเซียและจีน [ 51 ] และกับใครกูวาราทุ่มเทบทกวี " , " invitaci เลออง Al Camino " [ 52 ]

เกบาราของความพยายามที่จะได้รับแพทย์ฝึกงานก็ไม่ประสบความสำเร็จ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมักจะล่อแหลม เมื่อ 15 พฤษภาคม 1954 การจัดส่งของทหารราบ โคดะ lithuania และอาวุธปืนไฟ ถูกส่งไปจากประเทศคอมมิวนิสต์กับรัฐบาล ร์เบนและมาถึงใน Puerto Barrios [ 53 ] ผลสหรัฐอเมริกาซีไอเอสนับสนุนกองทัพที่รุกรานประเทศ และติดตั้งระบบเผด็จการฝ่ายขวาของคาร์ลอส คาสตินโญ่ ม่า [ 48 ] เกบาราได้กระตือรือร้นที่จะต่อสู้ในนามของ ร์เบนและเข้าร่วมติดอาวุธหนุนจัดโดยเยาวชนคอมมิวนิสต์เพื่อวัตถุประสงค์นั้น แต่ผิดหวังกับกลุ่มเฉย เขากลับมาเพื่อทำหน้าที่แพทย์ หลังการปฏิวัติ เขาอีก อาสาสู้แต่หลังจากนั้นไม่นาน ร์เบนไปลี้ภัยในสถานทูตเม็กซิโกและบอกผู้สนับสนุนต่างประเทศของเขาจะออกจากประเทศ กูวาราซ้ำเรียกต่อต้านถูกบันทึกไว้โดยผู้สนับสนุนรัฐประหาร และเขาถูกทำเครื่องหมายสำหรับการฆาตกรรม [ 54 ] หลังจากฮิลด้า กาเดียถูกจับ กูวาราขอคุ้มครองภายในสถานทูตอาร์เจนตินา ,ซึ่งเขาอยู่จนกว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ปลอดภัยผ่านหลายสัปดาห์ต่อมา และทำให้ทางของเขาไปยังเม็กซิโก [ 55 ]

เขาแต่งงาน gadea ในเม็กซิโก ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2498 [ 56 ]

ล้มล้างระบอบการปกครองของเกบาราร์เบนซ์ยึดมุมมองของสหรัฐอเมริกาเป็นจักรวรรดินิยมอำนาจจะต่อต้านและพยายามที่จะทำลายรัฐบาลใด ๆที่พยายามจะแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม และละตินอเมริกาและประเทศที่พัฒนาอื่น ๆ ในการพูดเกี่ยวกับรัฐประหาร กูวารา )

:" สุดท้ายละตินอเมริกาปฏิวัติประชาธิปไตย–ของจาโคโบ ร์เบน–ล้มเหลวเป็นผลจากการรุกรานเย็นดำเนินการโดยสหรัฐอเมริกา หัวของมันสามารถมองเห็นได้เป็นเลขานุการของรัฐ จอห์น ฟอสเตอร์ คนที่ผ่านบังเอิญหายาก ยังเป็นผู้ถือหุ้น และทนายความของ บริษัท ยูไนเต็ด ผลไม้ [ 54 ]

"เกบาราของความเชื่อมั่นว่า มาร์กได้ผ่านการต่อสู้ด้วยอาวุธและป้องกันตัว โดยมีประชาชนติดอาวุธเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขเงื่อนไขดังกล่าวจึงมีความเข้มแข็ง [ 57 ] gadea เขียนในภายหลัง " มันคือกัวเตมาลา ซึ่งในที่สุด เขาเชื่อในการต่อสู้ด้วยอาวุธและความจำเป็นสำหรับการริเริ่มต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม โดยเวลาที่เขาจากไป เขามั่นใจว่าของนี้ " [ 58 ]