The main purpose of this paper is t

The main purpose of this paper is to investigate how network tariffs, such as the traditional energy-based network tariff (EBT) and power-based network tariffs (PBT), would affect the distribution system and the customers’ incentives to schedule their demand under an hourly electricity pricing scheme. For this purpose, a mixed integer linear programming model has been developed and used in a case study to schedule the load demand for 100 residential customers with the objective being minimization of their electricity cost. The results have shown that by scheduling the flexible loads, customers could save up to C119/year under EBT and C127/year under PBT. If more than 25% of the customers were price-responsive under the EBT, the peak demand could be increased, while it could be reduced by 4% if all customers were responsive under the PBT. With plug-in electric vehicles, the possible benefits were found to be higher for both customers and the distribution system operator for the case with PBT compared with EBT

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดประสงค์หลักของเอกสารนี้คือการ ตรวจสอบว่าเครือข่ายภาษี เช่นเครือข่ายใช้พลังงานแบบดั้งเดิมภาษี (EBT) และใช้พลังเครือข่ายภาษี (PBT), จะมีผลต่อระบบการจ่ายและผลประโยชน์ของลูกค้าเพื่อกำหนดความต้องการภายใต้แผนการกำหนดราคาไฟฟ้าต่อชั่วโมง สำหรับวัตถุประสงค์นี้ รูปการแบบโปรแกรมเชิงเส้นแบบผสมเลขจำนวนเต็มได้ถูกพัฒนา และใช้ในกรณีศึกษาการจัดกำหนดการความต้องการโหลดสำหรับลูกค้าที่อยู่อาศัย 100 ด้วยวัตถุประสงค์เป็นการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า การโหลดยืดหยุ่น ลูกค้าสามารถประหยัดค่า C119 ปีใต้ EBT และ C127 ปีใต้ PBT ถ้าราคาตอบสนองภายใต้ EBT มากกว่า 25% ของลูกค้า ความต้องการไม่สามารถเพิ่ม ในขณะที่มันอาจจะลดลง 4% หากลูกค้าตอบสนองภายใต้การ PBT ด้วยยานพาหนะไฟฟ้าปลั๊กอิน ประโยชน์ได้พบว่าสูงขึ้นสำหรับลูกค้าและผู้จำหน่ายระบบกรณีกับ PBT เทียบกับ EBT

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์หลักของงานวิจัยนี้คือการตรวจสอบวิธีการเก็บภาษีศุลกากรเครือข่ายเช่นเครือข่ายภาษีพลังงานตามแบบดั้งเดิม (EBT) และอำนาจตามอัตราภาษีที่เครือข่าย (PBT) จะส่งผลกระทบต่อระบบการจัดจำหน่ายและแรงจูงใจของลูกค้าในการกำหนดตารางการความต้องการของพวกเขาภายใต้ โครงการการกำหนดราคาการผลิตไฟฟ้ารายชั่วโมง เพื่อจุดประสงค์นี้เป็นจำนวนเต็มผสมแบบการเขียนโปรแกรมเชิงเส้นได้รับการพัฒนาและนำมาใช้ในกรณีศึกษาความต้องการที่จะกำหนดเวลาในการโหลดสำหรับลูกค้าที่อยู่อาศัย 100 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของพวกเขา ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าโดยการตั้งเวลาโหลดยืดหยุ่นลูกค้าสามารถประหยัดได้ถึง C119 / ปีภายใต้ EBT และ C127 / ปีภายใต้ PBT หากมีมากกว่า 25% ของลูกค้าเป็นราคาที่ตอบสนองภายใต้ EBT ความต้องการสูงสุดอาจจะเพิ่มขึ้นในขณะที่มันอาจจะลดลง 4% ถ้าลูกค้าทุกคนที่ตอบสนองภายใต้ PBT ด้วย Plug-in ยานพาหนะไฟฟ้าผลประโยชน์ที่เป็นไปได้พบว่ามีสูงขึ้นสำหรับลูกค้าทั้งในและผู้ประกอบการระบบการกระจายสำหรับกรณีที่มี PBT เมื่อเทียบกับ EBT