ECONOMYBy the end of the 18th centu

ECONOMY

By the end of the 18th century, Great Britain had established itself as an important trading nation. Following rapid industrialization in the 19th century, it developed into the world's leading industrial power, but the effects of two world wars greatly diminished the UK's economic strength. During the post-war years, many parts of the economy were nationalized; thereafter the country fell significantly behind the other large European economies. In the three decades from 1950 to 1980, the economy grew by just under 2 per cent a year on average, compared with 3.5 per cent in France and more than 4.5 per cent in West Germany. In 1950 the UK was ranked sixth in the world in per capita income. By 1980 it had fallen below the top 20.

After Margaret Thatcher became prime minister in 1979, there was a major shift in emphasis towards industry deregulation and market forces. Many industries were privatized, and the power of the trade unions was greatly reduced. As a result, the manufacturing sector became more competitive but smaller, and unemployment and social discontent increased. From 1983, on emerging from recession, until the late 1980s, the UK's economy was one of the fastest growing in Europe. After another surge in inflation in the late 1980s, the rate has been brought down to manageable levels, but it is questionable whether an inflationary tendency has finally been curbed. The UK has since been among the first of the European countries to show signs of recovery after the recession of the early 1990s. However, unemployment remains high, and there are still worries about the UK's competitiveness.

The UK does the bulk of its trading within the European Union (EU). Natural resources include oil, coal (a once important coal industry has shrunk dramatically in the past decade because of competition from other fuels and from less expensive imported coal), natural gas, and iron ore. Important exports include crude oil (from the North Sea), manufactured goods, and consumer items. The service sector is more important than manufacturing, and London is one of the world's most important financial centres. The currency is the pound sterling. Of the UK's gross domestic product (GDP), industry accounts for about 25 per cent (1991), while agriculture's share is less than 2 per cent (1991), though the UK's farmers supply the country with about 60 per cent of its needs.

In 1992 England accounted for 80 per cent of the UK's economy. The GDP per capita is higher in England than in the rest of the UK. In general, the most prosperous parts of England tend to be in the south. The heavy manufacturing industries of the Midlands and northern counties have gone through a massive decline, and there has been a substantial shift towards the service sector.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เศรษฐกิจโดยตอนท้ายของศตวรรษ 18 สหราชอาณาจักรได้ก่อตั้งตัวเองเป็นประเทศการค้าที่สำคัญ ต่อไปนี้ทวีความรุนแรงมากอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 19 จะพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมพลังงานชั้นนำของโลก แต่ผลของสงครามโลกที่สองลดลงความแข็งแรงทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอย่างมาก ในช่วงปีหลังสงคราม ส่วนมากของเศรษฐกิจมี nationalized หลังจากนั้นประเทศล้มอย่างมีนัยสำคัญหลังอื่น ๆ ขนาดใหญ่เศรษฐกิจยุโรป ในสามทศวรรษที่ผ่านมาจากปี 1950 ถึง 1980 เศรษฐกิจเติบโตโดยเพียงภายใต้ 2 ร้อยละต่อปีโดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับร้อยละ 3.5 ในฝรั่งเศสมากกว่า 4.5 ร้อยละในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในปี 1950 ประเทศอังกฤษถูกจัดอันดับหกในโลกรายได้ต่อหัว โดย 1980 นั้นมีต่ำกว่า top 20After Margaret Thatcher became prime minister in 1979, there was a major shift in emphasis towards industry deregulation and market forces. Many industries were privatized, and the power of the trade unions was greatly reduced. As a result, the manufacturing sector became more competitive but smaller, and unemployment and social discontent increased. From 1983, on emerging from recession, until the late 1980s, the UK's economy was one of the fastest growing in Europe. After another surge in inflation in the late 1980s, the rate has been brought down to manageable levels, but it is questionable whether an inflationary tendency has finally been curbed. The UK has since been among the first of the European countries to show signs of recovery after the recession of the early 1990s. However, unemployment remains high, and there are still worries about the UK's competitiveness. The UK does the bulk of its trading within the European Union (EU). Natural resources include oil, coal (a once important coal industry has shrunk dramatically in the past decade because of competition from other fuels and from less expensive imported coal), natural gas, and iron ore. Important exports include crude oil (from the North Sea), manufactured goods, and consumer items. The service sector is more important than manufacturing, and London is one of the world's most important financial centres. The currency is the pound sterling. Of the UK's gross domestic product (GDP), industry accounts for about 25 per cent (1991), while agriculture's share is less than 2 per cent (1991), though the UK's farmers supply the country with about 60 per cent of its needs.In 1992 England accounted for 80 per cent of the UK's economy. The GDP per capita is higher in England than in the rest of the UK. In general, the most prosperous parts of England tend to be in the south. The heavy manufacturing industries of the Midlands and northern counties have gone through a massive decline, and there has been a substantial shift towards the service sector.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เศรษฐกิจในตอนท้ายของศตวรรษที่ 18 สหราชอาณาจักรได้จัดตั้งตัวเองเป็นประเทศการค้าที่สำคัญ ต่อไปนี้อุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 19 ก็พัฒนาเป็นพลังงานอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก แต่ผลของสงครามโลกครั้งที่สองลดลงอย่างมากความแข็งแรงทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ในช่วงปีหลังสงครามหลายส่วนของเศรษฐกิจเป็นของกลาง; หลังจากนั้นประเทศอย่างมีนัยสำคัญลดลงอยู่เบื้องหลังเศรษฐกิจของยุโรปขนาดใหญ่อื่น ๆ ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา 1950-1980 เศรษฐกิจขยายตัวเพียงภายใต้ร้อยละ 2 ปีโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับร้อยละ 3.5 ในประเทศฝรั่งเศสและกว่าร้อยละ 4.5 ในเวสต์เยอรมนี ในปี 1950 สหราชอาณาจักรเป็นอันดับหกของโลกในรายได้ต่อหัว 1980 โดยมันได้ลดลงต่ำกว่า 20 อันดับแรกหลังจากที่มาร์กาเร็ตแทตเชอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีในปี1979 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผ่อนคลายกฎระเบียบและกลไกตลาด หลายอุตสาหกรรมได้รับการแปรรูปและการใช้พลังงานของสหภาพการค้าที่ได้รับการลดลงอย่างมาก เป็นผลให้ภาคการผลิตกลายเป็นแข่งขันมากขึ้น แต่มีขนาดเล็กและการว่างงานและความไม่พอใจทางสังคมเพิ่มขึ้น จากปี 1983 เมื่อวันที่โผล่ออกมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปจนถึงปลายปี 1980 เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป หลังจากที่คลื่นอีกในอัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายปี 1980 อัตราการได้รับนำมาลงให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าแนวโน้มเงินเฟ้อได้รับการ curbed ที่สุด สหราชอาณาจักรตั้งแต่รับในครั้งแรกของประเทศในยุโรปที่จะแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวหลังจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของปี 1990 ต้น แต่อัตราการว่างงานยังคงสูงและยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของสหราชอาณาจักร. สหราชอาณาจักรจะเป็นกลุ่มของการซื้อขายภายในสหภาพยุโรป (อียู) ทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงน้ำมันถ่านหิน (อุตสาหกรรมถ่านหินที่สำคัญครั้งหนึ่งเคยได้หดอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมาเพราะการแข่งขันจากเชื้อเพลิงอื่น ๆ และจากถ่านหินนำเข้าราคาไม่แพง) ก๊าซธรรมชาติและแร่เหล็ก การส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ (จากทะเลเหนือ) สินค้าที่ผลิตและรายการของผู้บริโภค ภาคบริการมีความสำคัญมากกว่าการผลิตและลอนดอนเป็นหนึ่งของโลกศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุด สกุลเงินที่เป็นเงินปอนด์สเตอร์ลิง ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหราชอาณาจักร (จีดีพี) บัญชีอุตสาหกรรมประมาณร้อยละ 25 (1991) ขณะที่ส่วนแบ่งการเกษตรคือน้อยกว่าร้อยละ 2 (1991) แม้ว่าเกษตรกรของสหราชอาณาจักรจัดหาประเทศที่มีประมาณร้อยละ 60 ของความต้องการของประเทศอังกฤษในปี 1992 คิดเป็นร้อยละ 80 ของเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร จีดีพีต่อหัวจะสูงกว่าในประเทศอังกฤษกว่าในส่วนที่เหลือของสหราชอาณาจักร โดยทั่วไปในส่วนที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของอังกฤษมีแนวโน้มที่จะอยู่ในภาคใต้ อุตสาหกรรมการผลิตหนักของภาคกลางภาคเหนือและมณฑลได้ผ่านการลดลงขนาดใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคบริการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เศรษฐกิจ

โดยจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้จัดตั้งตัวเองเป็นประเทศการค้าที่สำคัญ ต่อไปนี้อุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 19 มันพัฒนาเป็นชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน แต่ผลของสงครามโลกทั้งสองเป็นอย่างมากลดความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของ UK ในช่วงหลังสงครามปีหลายส่วนของเศรษฐกิจได้ของกลาง ;หลังจากนั้นประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังยุโรปขนาดใหญ่อื่น ๆในประเทศ ในช่วงสามทศวรรษ จาก 1950 ถึง 1980 , เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2 ปีโดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับร้อยละ 3.5 ในฝรั่งเศส และกว่าร้อยละ 4.5 ในเยอรมันตะวันตก ในปี 1950 อังกฤษอยู่อันดับ 6 ของโลกในรายได้ต่อหัว โดยปี 1980 มันได้ตกลงมาด้านล่าง ด้านบน

20หลังจากมาร์กาเร็ต แทตเชอร์เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1979 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการเน้นต่อกฎระเบียบอุตสาหกรรม และกลไกตลาด อุตสาหกรรมหลายประเภทมีการแปรรูป และพลังงานของสหภาพการค้าถูกลดลงอย่างมาก เป็นผลให้ภาคการผลิตกลายเป็นแข่งขันมากขึ้น แต่มีขนาดเล็กกว่า และการว่างงาน และความไม่พอใจในสังคมเพิ่มขึ้น จากปี 1983 เมื่อพ้นจากภาวะถดถอยจนกระทั่งปลายทศวรรษที่ 1980 เศรษฐกิจของ UK เป็นหนึ่งในที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรป อีกกระแสในอัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 อัตราถูกพาลงสู่ระดับง่าย แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าแนวโน้มเงินเฟ้อได้ลดลง . สหราชอาณาจักรมีตั้งแต่คนแรกของประเทศยุโรปที่จะแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานยังคงสูง และยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันของสหราชอาณาจักร

UK จะเป็นกลุ่มของการค้าภายในสหภาพยุโรป ( อียู ) ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน ( ครั้งสำคัญอุตสาหกรรมถ่านหินลดลงอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา เพราะการแข่งขันจากเชื้อเพลิงอื่น ๆและราคาไม่แพงนำเข้าถ่านหิน , ก๊าซธรรมชาติ และแร่เหล็กส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบจากทะเลเหนือ ) ผลิตสินค้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ภาคบริการมีความสำคัญมากกว่าการผลิต ลอนดอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก สกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ของสหราชอาณาจักร บัญชีอุตสาหกรรม ประมาณ ร้อยละ 25 ( 1991 )ในขณะที่หุ้นของการเกษตรน้อยกว่าร้อยละ 2 ( 1991 ) แม้ว่าเกษตรกรของสหราชอาณาจักรจัดหาประเทศที่มีประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ของความต้องการของ

ใน 1992 อังกฤษ คิดเป็นร้อยละ 80 ของเศรษฐกิจของ UK GDP ต่อหัวสูงกว่าในอังกฤษกว่าส่วนที่เหลือของสหราชอาณาจักร โดยทั่วไป ส่วนที่เจริญที่สุดของอังกฤษมักจะเป็นในภาคใต้หนักอุตสาหกรรม การผลิตของมิดแลนด์และมณฑลภาคเหนือผ่านลดลงมาก และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อภาคบริการ