We will start with a spreadsheet

 We will start with a spreadsheet that has all of the data entered in some reasonably neat way.
 We will create the model in a separate part of the spreadsheet. We will have one cell for each
variable. Solver will eventually put the optimal values in each cell.
 We will have a single cell to represent the ob jective. We will enter a formula that represents
the ob jective. This formula must be a linear formula, so it must be of the form:
cell1*cell1'+cell2*cell2'+::: , where cell1, cell2 and so on contain constant values and cell1',
cell2' and so are the variable cells.
Helpful Hint: Excel has a function sumproduct() that is designed for linear programs.
sumproduct(a1..a10,b1..b10) is identical to a1*b1+a2*b2+a3*b3+:::+a10*b10. This function
will save much time and aggravation. All that is needed is that the length of the rst
range is the same as the length of the second range (so one can be horizontal and the other
vertical).
Helpful Hint: It is possible to assign names to cells and ranges (under the Insert-Name menu).
Rather than use a1..a10 as the variables, you can name that range var (for example) and
then use var wherever a1..a10 would have been used.
 We then have a cell to represent the left hand side of each constraint (again a linear function)
and another cell to represent the right hand side (a constant).
 We then select Solver under the Tools menu. This gives a form to ll out to dene the linear
program.
 In the Set Cell" box, select the ob jective cell. Choose Maximize or Minimize.
 In the By Changing Cells", put in the range containing the variable cells.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราจะเริ่มต้น ด้วยกระดาษคำนวณที่มีข้อมูลทั้งหมดที่ป้อนในวิธีบางอย่างสมเหตุสมผลเราจะสร้างแบบแยกต่างหากในกระดาษคำนวณ เราจะมีเซลล์หนึ่งสำหรับแต่ละตัวแปร Solver ในที่สุดจะใส่ค่าสูงสุดในแต่ละเซลล์เราจะมีเซลล์เดียวถึง ob jective เราจะป้อนสูตรที่แสดงถึงob jective สูตรนี้ต้องเป็นสูตรเชิงเส้น ดังนั้นมันต้องเป็นแบบฟอร์ม:cell1 * cell1'+ cell2 * cell2'+:::, ที่ cell1, cell2 และอื่น ๆ ประกอบด้วยค่าคงและ cell1',cell2' และดังนั้นเซลล์ตัวแปรคำใบ้: Excel ได้ sumproduct() ฟังก์ชันที่ถูกออกแบบมาสำหรับโปรแกรมเชิงเส้นเรย์ (a1 ... a10, b1 ... b10) จะเหมือนกับ a1 * b1 + a2 * b2 + a3 * b3 +::: + a10 * b10 ฟังก์ชันนี้จะช่วยประหยัดเวลาและทำให้รุนแรงขึ้น ทั้งหมดที่จำเป็นคือความยาวของ rstช่วงที่เป็นเหมือนกับความยาวของช่วงที่สอง (ดังหนึ่งสามารถแนวนอนและอื่น ๆแนวตั้งคำแนะนำ: จะสามารถกำหนดชื่อให้กับเซลล์และช่วง (ภายใต้เมนูแทรกชื่อ)แทนที่ใช้ a1 ... a10 เป็นตัวแปร คุณสามารถใช้ var ที่ช่วง (ตัวอย่าง) และแล้ว ใช้ var ทุก a1 ... a10 จะถูกนำมาใช้เรามีเซลล์แสดงด้านซ้ายมือของแต่ละข้อจำกัด (อีกเป็นฟังก์ชันเชิงเส้น)และเซลล์อื่นเพื่อแสดงด้านขวามือ (ค่าคง)เราแล้วเลือก Solver ภายใต้เมนูเครื่องมือ นี้ให้ฟอร์มจะออกไปเดมุการเชิงเส้นโปรแกรมใน Set เซลล์"กล่อง เลือกเซลล์ jective ob เลือกเพิ่ม หรือลดใน By เซลล์เปลี่ยนแปลง" วางในช่วงเซลล์ตัวแปร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

? เราจะเริ่มต้นด้วยสเปรดชีทที่มีทั้งหมดของข้อมูลที่ป้อนในบางวิธีที่ประณีตพอสมควร.
? เราจะสร้างรูปแบบในส่วนที่แยกต่างหากจากสเปรดชีท เราจะมีเซลล์หนึ่งสำหรับแต่ละ
ตัวแปร Solver ในที่สุดก็จะนำค่าที่ดีที่สุดในแต่ละเซลล์.
? เราจะมีเซลล์เดียวที่จะเป็นตัวแทน jective อบ เราจะใส่สูตรที่แสดงถึง
jective อบ สูตรนี้จะต้องเป็นสูตรเชิงเส้นดังนั้นจึงต้องของรูปแบบ:
cell1 cell1 * + * cell2 cell2 '+ ::: ที่ cell1, cell2 และอื่น ๆ มีค่าคงที่และ cell1'
cell2 'และเพื่อให้มี เซลล์ตัวแปร.
ที่เป็นประโยชน์. แนะนำ: Excel มีฟังก์ชั่น SUMPRODUCT () ที่ถูกออกแบบมาสำหรับโปรแกรมเชิงเส้น
SUMPRODUCT (a1..a10, b1..b10) เป็นเหมือน a1 b1 * * * * * * * * + a2 b2 + a3 * b3 + ::: + a10 * B10 ฟังก์ชั่นนี้
จะช่วยประหยัดเวลามากและทำให้รุนแรงขึ้น ทั้งหมดที่จำเป็นคือความยาวของแรก
ช่วงเป็นเช่นเดียวกับความยาวของช่วงที่สอง (ดังนั้นหนึ่งสามารถเป็นแนวนอนและอื่น ๆ
แนวตั้ง).
คำแนะนำที่มีประโยชน์: มันเป็นไปได้ที่จะกำหนดชื่อให้กับเซลล์และช่วง (ใต้ เมนูใส่ชื่อ).
แทนที่จะใช้ a1..a10 เป็นตัวแปรที่คุณสามารถตั้งชื่อ var ช่วงนั้น (ตัวอย่าง) และ
จากนั้นใช้ var a1..a10 ใดก็ตามที่จะได้รับใช้.
? จากนั้นเราจะมีเซลล์ที่จะเป็นตัวแทนทางด้านซ้ายมือของแต่ละ จำกัด (อีกครั้งฟังก์ชั่นเชิงเส้น)
และเซลล์อื่นที่จะเป็นตัวแทนด้านขวามือ (คงที่).
? จากนั้นเราจะเลือก Solver ภายใต้เมนูเครื่องมือ นี้จะช่วยให้แบบฟอร์มเพื่อจะออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเชิงเส้น
โปรแกรม.
? ใน เซลล์ชุดกล่อง "เลือกเซลล์อบ jective. เลือกเพิ่มหรือลด.
หรือไม่ใน โดยการเปลี่ยนเซลล์ "ใส่ในช่วงที่มีเซลล์ตัวแปร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

 เราจะเริ่มต้นกับสเปรดชีตที่มีทั้งหมดของข้อมูลที่ป้อนในบางวิธีที่เหมาะสมเรียบร้อย .
 เราจะสร้างรูปแบบในส่วนที่แยกต่างหากจากสเปรดชีต เราจะมีเซลล์หนึ่งสำหรับแต่ละ
ตัวแปร แก้ในที่สุดจะใส่ค่าที่เหมาะสมในแต่ละเซลล์ .
 เราจะมีเซลล์เดียวเพื่อแสดงออบ jective . เราจะป้อนสูตรที่แสดงถึง
OB jective .สูตรนี้จะเป็นสูตรโดยตรง ดังนั้นมันต้องเป็นเรื่องของรูปแบบ :
cell1 * cell1 ' cell2 * cell2 ' : : : ที่ cell1 cell2 , และอื่น ๆประกอบด้วยค่าคงที่และ cell1 '
cell2 ' และเพื่อให้เซลล์ตัวแปร .
คำใบ้ที่มีประโยชน์ : Excel มีฟังก์ชัน sumproduct() นั่นคือ ออกแบบมาสำหรับโปรแกรมเชิงเส้น .
SumProduct ( A1 . . . A10 , B1 . . . . . . . B10 ) เป็นเหมือน A1 A2 A3 * * * B1 B2 B3 : : : A10 * B10 . ฟังก์ชันนี้
จะช่วยประหยัดเวลาและความยุ่งยาก . ทั้งหมดที่จำเป็นคือ ความยาวของ  RST
ช่วงเป็นเช่นเดียวกับความยาวของช่วงที่สอง ( ดังนั้นหนึ่งสามารถแนวนอนและแนวตั้งที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ

) . คำใบ้ : มันเป็นไปได้ที่จะกำหนดชื่อให้กับเซลล์และช่วง ( ภายใต้ชื่อแทรกเมนู
แทนที่จะใช้ A1 ) . . . . . . . A10 เป็นตัวแปรที่คุณสามารถตั้งชื่อช่วง var ( ตัวอย่างเช่น ) และ
แล้วใช้ var ที่ A1 . . . . . . .A10 จะได้รับใช้ .
 เราแล้วมีเซลล์ที่แสดงด้านซ้ายมือของแต่ละข้อจำกัด ( อีกฟังก์ชันเชิงเส้น ) และเซลล์อื่น
เป็นตัวแทนด้านขวามือ ( คงที่ ) .
 เราเลือกแก้ปัญหาภายใต้เมนูเครื่องมือ นี้จะช่วยให้รูปแบบการ  จะออกไป เดอ  NE โปรแกรมเชิงเส้น
.
 ในกล่อง N ตั้งเซลล์ " เลือกออบ jective เซลล์ เลือกเพิ่มหรือลด .
 ใน N โดยการเปลี่ยนเซลล์ " ใส่ในช่วงที่ประกอบด้วยเซลล์
ตัวแปร