Substantial changes in disease burd

Substantial changes in disease burden, prevalence of comorbid conditions, or other factors that may affect the etiology of pneumonia have occurred since the last systematic set of etiology studies in children were undertaken. For example, most of the evidence on which current empiric treatment algorithms for pneumonia in developing countries are based was collected before the human immunodeficiency virus (HIV) pandemic and in the absence of antiretroviral treatment of HIV-infected children, before recent substantial successes in malaria control, and before the widespread deployment of Hib and pneumococcal conjugate vaccines. Furthermore, lower rates of very severe malnutrition and increased urbanization and crowding may also impact the etiology of pneumonia and make pneumonia etiology data obtained in the 1980s less relevant to policy today. Simply put, continued use of clinical algorithms based on the assumption that predominant causes of severe pneumonia are almost always H. influenzae and S. pneumoniae may lead to treatments that are not appropriate for a child’s actual infection and will miss the opportunity to guide vaccine development against important new or unrecognized pathogens.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พบการเปลี่ยนแปลงของภาระโรค ชุก comorbid เงื่อนไข หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อสาเหตุของปอดบวมเกิดเนื่องจากมีดำเนินระบบชุดสุดท้ายของการศึกษาสาเหตุในเด็ก เช่น ส่วนใหญ่ของหลักฐานจะขึ้น empiric ปัจจุบันขั้นตอนวิธีการรักษาสำหรับโรคในประเทศกำลังพัฒนาถูกรวบรวมไว้ก่อนมนุษย์ไวรัสเอชไอวี (HIV) ระบาด และ ในการขาดการรักษาด้วยยาต้านไวรัสของเด็กติดเชื้อ HIV ก่อนล่าความสำเร็จสำคัญในการควบคุมโรคมาลาเรีย และก่อนการใช้งานอย่างแพร่หลาย ของ Hib และป้องกันวัคซีนสังยุค นอกจากนี้ ลดอัตราการขาดสารอาหารรุนแรงมาก และเบียดเสียดและความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นอาจยังผลต่อสาเหตุของปอดบวม และทำให้ปอดบวมสาเหตุข้อมูลในทศวรรษ 1980 ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายน้อยวันนี้ เพียงแค่ใส่ อัลกอริทึมทางคลินิกที่อิงจากสมมติฐานที่ว่า เด่นสาเหตุของโรคปอดอักเสบรุนแรงมัก H. influenzae และ S. pneumoniae อาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการติดเชื้อจริงของเด็ก และจะพลาดโอกาสในการพัฒนาวัคซีนต่อต้านเชื้อโรคใหม่ หรือไม่รู้จักที่สำคัญคู่มือ การใช้งาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในภาระโรคความชุกของโรคร่วมหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อสาเหตุของโรคปอดบวมได้เกิดขึ้นตั้งแต่การตั้งค่าระบบที่ผ่านมาของการศึกษาสาเหตุในเด็กกำลังดำเนินการ ยกตัวอย่างเช่นส่วนใหญ่ของหลักฐานที่ขั้นตอนวิธีการรักษากำมะลอปัจจุบันโรคปอดบวมในประเทศกำลังพัฒนาอยู่บนพื้นฐานที่ถูกเก็บรวบรวมก่อนที่จะมีภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ไวรัส (HIV) โรคระบาดและในกรณีที่ไม่มีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสของเด็กที่ติดเชื้อ HIV ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างมากล่าสุดในโรคมาลาเรีย การควบคุมและก่อนการใช้งานอย่างแพร่หลายของ Hib และวัคซีนผันปอดบวม นอกจากนี้อัตราการลดลงของการขาดสารอาหารอย่างรุนแรงและเพิ่มความเจริญเติบโตของเมืองและความอึดอัดนอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อสาเหตุของโรคปอดบวมและให้ข้อมูลที่เป็นโรคปอดบวมสาเหตุที่ได้รับในปี 1980 น้อยกว่าที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในวันนี้ ใส่เพียงแค่การใช้งานอย่างต่อเนื่องของขั้นตอนวิธีการทางคลินิกอยู่บนสมมติฐานที่ว่าสาเหตุที่โดดเด่นของโรคปอดบวมรุนแรงมักจะ H. influenzae และ S. pneumoniae อาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นจริงของเด็กและจะพลาดโอกาสที่จะเป็นแนวทางในการพัฒนาวัคซีน การต่อต้านเชื้อใหม่หรือไม่รู้จักที่สำคัญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเปลี่ยนแปลงอย่างมากในภาระโรค , ความชุกของภาวะ comorbid หรือปัจจัยอื่น ๆที่อาจส่งผลกระทบต่อสาเหตุของโรคปอดบวมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงระบบชุดของการศึกษาในเด็กสาเหตุการทางการศึกษา ตัวอย่างเช่นส่วนใหญ่ของหลักฐานเชิงประจักษ์ซึ่งขั้นตอนวิธีการรักษาในปัจจุบันโรคปอดบวมในประเทศกำลังพัฒนา จากกลุ่มไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ ( HIV ) ระบาด และในการรักษาโรคของผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเอชไอวี ก่อนที่ล่าสุด อย่างมาก ความสำเร็จในการควบคุมโรคมาลาเรีย และก่อนการใช้งานอย่างแพร่หลายของฮิบ 20 ) และวัคซีน นอกจากนี้ยังลดอัตราการขาดสารอาหาร และเพิ่มความเป็นเมืองที่รุนแรงมาก และอาจส่งผลกระทบต่อที่อยู่สาเหตุของโรคปอดบวมและปอดอักเสบสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลในไฟต์น้อยกว่าที่เกี่ยวข้องกับนโยบายในวันนี้ ใส่เพียงใช้อย่างต่อเนื่องของขั้นตอนวิธีทางคลินิกขึ้นอยู่กับสมมติฐานว่าสาเหตุของโรคปอดบวมรุนแรงเหนือกว่าเกือบทุกชั่วโมง ่และ S . pneumoniae อาจนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสมสำหรับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นจริงของเด็ก และจะพลาดโอกาสในการชี้นำการพัฒนาวัคซีนต่อต้านเชื้อโรคใหม่ หรือจำฯ ที่สำคัญ