The basis of applying SBCE and JIT-

The basis of applying SBCE and JIT-DM is to enable
concurrent design by generating sets of feasible solutions
that can later be narrowed down by superposing different
stakeholders’ criteria in the form of design constraints. The
traditional multi-objective design paradigm in product
development processes follows an “optimization” type of
mind-set. That is, setting up design requirements,
constraints and an multi-objective function first, and then
solving the design problem by proposing candidate
solutions that can be optimized further to meet the desired
criteria. In contrast to this approach, the SBCE logic is one
of first generating sets of feasible solutions for each quality
measure, and then combining the resulting sets and applying
the design constraints to select the most appropriate
solution. When no feasible solutions are found at the
intersections, four requirements engineering practices can
be chosen to be applied: (1) negotiate new trade-offs
between conflicting goals and constraints, (2) remove and
relax design constraints to accommodate the determined
solutions, (3) focus the solution generation on specific zones
of the solution space with more chances to find non
conflicting solutions, or (4) redefine the requirements based
on the past experience and start all over again.
The functionality of CAS supports this design principles
in several ways. Firstly, CAS enables designers in entering
their own knowledge rules to steer the generation process.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นฐานของการใช้ SBCE และ JIT DM คือการ เปิดใช้งานออกแบบพร้อมกัน โดยการสร้างชุดของการแก้ปัญหาไปได้ที่สามารถในภายหลังจะลดลง โดย superposing แตกต่างกันเงื่อนไขการมีส่วนร่วมในรูปแบบของข้อจำกัดออกแบบ การกระบวนทัศน์แบบหลายวัตถุประสงค์ดั้งเดิมในผลิตภัณฑ์การพัฒนากระบวนการตามชนิดเป็น "การเพิ่มประสิทธิภาพ"ทัศนคติ การตั้งค่าออกแบบความต้องการ คือข้อจำกัดและวัตถุประสงค์หลายฟังก์ชันแรก และจากนั้นแก้ปัญหาการออกแบบ โดยผู้เสนอโซลูชั่นที่สามารถปรับเพิ่มเติมตามที่ต้องการเกณฑ์ ในทางตรงข้ามวิธีการนี้ มีตรรกะ SBCE หนึ่งชุดแรกสร้างโซลูชั่นเหมาะสำหรับแต่ละที่มีคุณภาพวัด และรวมชุดผลลัพธ์ และการใช้ข้อจำกัดการออกแบบให้เลือกเหมาะสมสุดการแก้ไขปัญหา เมื่อไม่แก้ไขปัญหาไปได้อยู่ที่การสามารถวิศวกรรมปฏิบัติต้องสี่แยกเลือกที่จะใช้: (1) เจรจาการค้าชุดใหม่เป้าหมายที่ขัดแย้งกันระหว่างข้อจำกัด เอา (2) และผ่อนคลายข้อจำกัดในการออกแบบเพื่อรองรับการกำหนดโซลูชั่น, (3) เน้นการสร้างโซลูชั่นโซนเฉพาะพื้นที่แก้ปัญหามีมากโอกาสที่จะหาไม่ความขัดแย้ง การหรือ (4) กำหนดความต้องใช้ในอดีตที่ผ่านมาพบ และครับรองรับการทำงานของ CAS นี้หลักการออกแบบในหลายวิธี ประการแรก CAS ช่วยออกแบบในการป้อนตนเองกฎความรู้กระบวนการสร้างการคัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นฐานของการใช้ SBCE และ JIT-DM คือการเปิดใช้งาน
การออกแบบพร้อมกันโดยการสร้างชุดของการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้
ซึ่งสามารถแคบลงโดย superposing ที่แตกต่างกัน
ตามเกณฑ์ผู้มีส่วนได้เสียในรูปแบบของข้อ จำกัด ของการออกแบบ
กระบวนทัศน์การออกแบบแบบดั้งเดิมหลายวัตถุประสงค์ในผลิตภัณฑ์
กระบวนการพัฒนาดังต่อไปนี้ "การเพิ่มประสิทธิภาพ" ประเภทของ
ใจตั้ง นั่นคือการตั้งค่าความต้องการการออกแบบ,
ข้อ จำกัด และฟังก์ชั่นหลายวัตถุประสงค์แรกและจากนั้น
การแก้ปัญหาการออกแบบโดยเสนอผู้สมัคร
โซลูชั่นที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการ
เกณฑ์ ในทางตรงกันข้ามกับวิธีการนี้ตรรกะ SBCE เป็นหนึ่ง
ของการสร้างชุดแรกของการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้สำหรับคุณภาพแต่ละ
วัดแล้วรวมชุดที่เกิดขึ้นและการใช้
ข้อ จำกัด ของการออกแบบเพื่อเลือกที่เหมาะสมที่สุด
วิธีการแก้ปัญหา เมื่อไม่มีการแก้ปัญหาเป็นไปได้ที่จะพบได้ที่
ทางแยกสี่การปฏิบัติวิศวกรรมความต้องการสามารถ
เลือกที่จะนำมาใช้ (1) การเจรจาต่อรองไม่ชอบการค้าใหม่
ระหว่างเป้าหมายที่ขัดแย้งและข้อ จำกัด (2) เอาออกและ
ผ่อนคลายข้อ จำกัด ของการออกแบบเพื่อรองรับความมุ่งมั่น
การแก้ปัญหา ( 3) มุ่งเน้นการสร้างวิธีการแก้ปัญหาในโซนที่เฉพาะเจาะจง
ของพื้นที่แก้ปัญหาด้วยโอกาสมากขึ้นที่จะหาที่ไม่ใช่
การแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือ (4) redefine ข้อกำหนดตาม
ประสบการณ์ที่ผ่านมาและเริ่มต้นอีกครั้ง.
การทำงานของ CAS สนับสนุนหลักการออกแบบนี้
ในหลาย ๆ วิธี ประการแรก CAS ช่วยให้นักออกแบบในการเข้า
กฎความรู้ของตัวเองที่จะคัดท้ายกระบวนการรุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นฐานของการใช้และจะช่วยให้ jit-dm sbceการออกแบบการสร้างชุดของโซลูชั่นที่เป็นไปได้โดยที่สามารถต่อมาถูกตีวงให้แคบลง โดย superposing ต่าง ๆผู้มีส่วนได้เสียของเกณฑ์ในรูปแบบของปัญหาการออกแบบ ที่การออกแบบแบบดั้งเดิมหลายกระบวนทัศน์ ใน ผลิตภัณฑ์กระบวนการการพัฒนาดังต่อไปนี้ " การเพิ่มประสิทธิภาพ " ประเภทสนใจชุด นั่นคือการตั้งค่าความต้องการออกแบบข้อจำกัดและหลายฟังก์ชันแรก แล้วการแก้ปัญหาการออกแบบโดยเสนอผู้สมัครโซลูชั่นที่สามารถปรับเพิ่มเติมให้ตรงกับที่ต้องการเกณฑ์ ในทางตรงกันข้ามแบบนี้ sbce ตรรกะเป็นหนึ่งครั้งแรกของการสร้างชุดของโซลูชั่นที่เป็นไปได้สำหรับแต่ละคุณภาพวัดแล้วรวมผล และการใช้ชุดข้อจำกัดในการเลือกการออกแบบที่เหมาะสมที่สุดโซลูชั่น เมื่อไม่พบโซลูชั่นที่เป็นไปได้ทางแยกสี่ข้อกำหนดการปฏิบัติงานวิศวกรรมได้จะเลือกใช้ ( 1 ) เจรจาค้าชอบใหม่ระหว่างเป้าหมายที่ขัดแย้งกันและข้อจำกัด ( 2 ) ลบและผ่อนคลายข้อจำกัดการออกแบบเพื่อรองรับการกำหนดโซลูชั่น ( 3 ) มุ่งเน้นการสร้างโซลูชั่นในโซนที่เฉพาะเจาะจงของการแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีโอกาสมากขึ้นเพื่อค้นหาโนนโซลูชั่นที่ขัดแย้งกัน หรือ ( 4 ) กำหนดความต้องการตามประสบการณ์ที่ผ่านมาและเริ่มต้นอีกครั้งการทำงานของ CAS สนับสนุนหลักการออกแบบนี้ได้หลายวิธี ประการแรก จาช่วยให้นักออกแบบในการป้อนกฎความรู้ของตัวเองเพื่อคัดท้ายกระบวนการรุ่น