ทอและสานเสื่อด้วยกก
การทอเสื่อด้วยกกและสานสื่อกกด้วย ภูมิปัญญาชาวบ้าน-เทคโนโลยีท้องถิ่นในการทำงานศิลปกรรม-หัตถกรรมจากการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ของชาวสมุทรปราการนั้น ได้ใช้กกและปอให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันในการทอเสื่อ กล่าวคือการทอเสื่อด้วยกกมีวิธีการทำงานคล้ายกับการทอผ้าแบบทอมือ ในหลายๆภูมิภาคส่วนการสานเสื่อกกนั้นไม่ได้ใช้เครื่องมือแต่ใช้มือเป็นหลักเน้นผลงานหรือศิลปะจากฝีมือถือเป็นผลงานหัตถกรรมด้วยการนำกกทั้งต้นที่ตากแห้งและรีดให้แบนสานขัดให้เป็นลายขัดหรือลายตะแกรง ผลงานประเภทนี้ชาวบ้านทำขึ้นใช้เองในบ้าน ความทนทานมีมากเพียงแต่เป็นงานที่ไม่ประณีตเท่ากับงานทอเสื่อฉะนั้นผลงานจากภูมิปัญญาของชาวสมุทรปราการในเรื่องการทอเสื่อ-สานเสื่อ จึงเป็นผลงานแห่งความภูมิใจที่ได้มีเสื่อไว้ใช้เองและเป็นของฝากเพื่อนบ้าน หรือจำหน่ายเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในครัวเรือนเพื่อความอยู่รอดในการดำรงชีวิต
ที่บ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ยังมีผู้ทำมาหากินอยู่กับการปลูกกกก้านกลมสำหรับสานเสื่อ เดิมปลูกกกก้านกลมควบคู่กับการปลูกปอเพื่อการทอเสื่อ ปัจจุบันประหยัดเวลาการเตรียมวัตถุด้วยการใช้เชือกฟางใยสังเคราะห์เป็นเส้นยืนแทนเส้นใยปอ แม้คนกลุ่มนี้จะมีรายได้ไม่มากนักแต่ก็พอใจที่จะดำเนินอาชีพและดำรงชีวิตเช่นนี้ ที่โรงเรียนชุมชนวัดบ้านระกาศกำลังดำเนินการเพื่อพัฒนาอนุรักษ์วิธีการทอเสื่อด้วยกก และสานเสื่อด้วยกกของชาวบ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ให้มีโอกาสได้รักษาผลงานอันทรงคุณค่าจากภูมิปัญญาชาวบ้านและเทคโนโลยีท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป
ประเภทของเสื่อกกมี ๒ ประเภท
เสื่อสานด้วยกก ประดิษฐ์โดยใช้ต้นกกก้านกลม ตัดออกจากกอกกตรงโคนต้นเหนือเหง้าที่ระดับดินขึ้นมาเล็กน้อย ตากแห้ง รีดเรียบ แล้วนำมาจัดให้ไขว้หรือขัดกันให้ได้รูปตามต้องการ
เสื่อทอด้วยกก เป็นเสื่อกกที่ทอด้วยวิธีการเหมือนกับผ้าทอมือต้องมีพิมสำหรับร้อยปอเป็นเส้นยืน ปอนี้ได้จากเปลือกปอที่ชาวบ้านปลูกไว้ควบคู่กับกก และใช้กกผ่าซีกตากแห้ง รีดให้เรียบนำมาทอโดยใช้เส้นกกเป็นเส้นนอน กระแทกให้ยืนเสื่อแน่นด้วยพิม
นอกจากมีการสานเสื่อกกและทอเสื่อกกแบบพื้นที่บ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ ตามแบบอย่างชาวไทยที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว การสานเสื่อกกก็ยังเป็นงานอดิเรกของชาวรามัญตามหมู่บ้านในอำเภอพระประแดง ปัจจุบันนี้ไม่มีผู้สืบสานงานสานเสื่อที่แสนสวยอีกต่อไป อย่างไรก็ดี เดิมชาวรามัญใช้เวลาว่างจากการทำนามาสานเสื่อโดยจะปลูกต้นกกในช่วงเวลาเดียวกับปลูกข้าว เมื่อถึงเดือนสิงหาคมกกก็จะแก่ใช้การได้ดีการนำกกมาใช้งานคือ ตัดกกตากแดดให้แห้ง เลือกขนาดลำต้นเล็กๆ และเท่าๆกันไปย้อมสีต่างๆ เช่น สีเหลือง แดง น้ำเงิน เขียว ชมพู เป็นต้น จากนั้นก็นำมารัดให้เรียบแล้วจึงค่อยนำไปสาน อาจสานเป็นเสื่อ หรือสานเป็นกระเป๋า บางครั้งทำเป็นเสวียนหม้อข้าวก็มี ช่วงเวลาที่ทำคือเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน และกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม
เสื่อมีความสำคัญสำหรับบ้านชาวรามัญทุกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์ในการจัดงานบวช งานศพ งานแต่งงาน หรืองานทำบุญบ้าน ชาวรามัญใช้เสื่อปูรับแขก ดังนั้นการสานเสื่อกกจึงทำกันอย่างพิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่การเลือกเส้นกก การย้อมสี ความละเอียดประณีต ตลอดจนลวดลายต่างๆผู้ที่สานเสื่อกกส่วนมากมักเป็นคนรุ่นสาว มีการประกวดประชันฝีมือกันอยู่ในที ลูกสาวบ้านใดสานเสื่อกกได้สวยงามก็ถือว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่
ดังได้กล่าวแล้วว่า การสานเสื่อกกของชาวรามัญตามหมู่บ้าน ในพระประแดง เขาทำกันเป็นงานอดิเรกไม่ใช่งานอาชีพ แต่ละผืนจะสานเสร็จเมื่อใดก็ได้บางบ้านมีลูกสาวสวยก็มักจะมีหนุ่มๆมานั่งคุยในขณะที่กำลังสานเสื่อเป็นเหตุให้เสื่อผืนนั้นใช้เวลาสานนานเป็นเดือนทีเดียว
สภาพสังคมในปัจจุบันเปลี่ยนไป ชาวรามัญที่จะยึดอาชีพทำนาก็แทบจะหาไม่ได้ การสานเสื่อเป็นงานอดิเรกก็ลดน้อยลง ในที่สุดงานสานเสื่อจึงกลายเป็นอดีต