In the 10 years before the global f

In the 10 years before the global financial crisis, from 1999 to 2008, Thailand’s GDP grew on average 4.7%. In 2009, the economy recorded a contraction of 2.3%, which was the strongest GDP drop in 12 years. Afterward, the economy experienced ups and downs. After having grown an impressive 7.8% in 2010, mainly due to an increase in export volume, the economy expanded a meager 0.1% in 2011. The significant slowdown was due to the severe floods which occurred during the 2011 monsoon. The economy managed to bounce back in 2012 and grew 6.5%. However, political turmoil that emerged in the country last year caused weaker growth of 2.9% in 2013Structure of Thailand Gross Domestic Product

Thailand has a growth model that is trade oriented. Exports of goods and services account for about 74% of GDP, which is one of the biggest GDP shares in the region. In addition, imports account for around 70% of GDP. Thailand’s external position is highly subject to price volatility as the economy is highly dependent on trade.

Thailand’s economic structure relies mainly on services and manufacturing. The services sector accounts for around 45% to total GDP. The most important contributors are tourism, retail sales, transportation, as well as banking and finance. Tourism is one of the biggest contributors to the sector, while its share alone in total GDP is around 10%. Industry accounts for 42% of Thailand’s total production and its main component is manufacturing. The country’s top manufacturing products include automobiles, hard disk drives, natural and synthetic rubber, textiles, etc. A significant share of these products is exported. Agriculture contributes the remaining share of total GDP.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 10 ปีก่อนวิกฤตการเงินโลก จากปี 1999 ถึง 2551 ไทยของ GDP เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.7% ในปี 2552 เศรษฐกิจบันทึกตัว 2.3% ซึ่งหล่น GDP รัดกุมที่สุด 12 ปี หลังจากนั้น เศรษฐกิจประสบการณ์ดอน ๆ หลังจากมีปลูกประทับ 7.8% ในปี 2553 ส่วนใหญ่เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการส่งออก เศรษฐกิจขยาย 0.1% ไม่เพียงพอในปี 2554 การชะลอตัวที่สำคัญเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงมรสุม 2011 เศรษฐกิจจัดการเพื่อตีกลับไปในปี 2012 และเพิ่มขึ้น 6.5% อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดในประเทศปีเกิดเจริญเติบโตแข็งแกร่ง 2.9% ใน 2013Structure ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไทยประเทศไทยมีรูปแบบการเจริญเติบโตที่มุ่งเน้นการค้า ส่งออกสินค้าและบริการบัญชีประมาณ 74% ของ GDP ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้น GDP ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้ นำเข้าบัญชีประมาณ 70% ของ GDP ตำแหน่งภายนอกของประเทศไทยมีสูงราคาผันผวน ตามเศรษฐกิจจะสูงขึ้นอยู่กับการค้า โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอาศัยหลักในการผลิตและบริการ ภาคการบริการบัญชีสำหรับประมาณ 45% ของ GDP รวม ร่วมสมทบสำคัญท่องเที่ยว ขายปลีก ขน ส่ง รวมทั้งเงิน และการธนาคาร ท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในที่ใหญ่ที่สุดผู้ให้การสนับสนุนกับภาค ในขณะที่ส่วนแบ่งใน GDP รวมเดียวมีประมาณ 10% บัญชีอุตสาหกรรม 42% ของการผลิตรวมของประเทศไทยและเป็นส่วนประกอบหลักคือผลิต ผลิตภัณฑ์ด้านผลิตในประเทศได้แก่รถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ ธรรมชาติ และสังเคราะห์ยาง สิ่งทอ ฯลฯ การใช้ร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกส่งออก เกษตรจัดสรรหุ้นที่เหลือของ GDP รวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใน 10 ปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกจากปี 1999 ถึงปี 2008 จีดีพีของไทยขยายตัวเฉลี่ย 4.7% ในปี 2009 เศรษฐกิจบันทึกหด 2.3% ซึ่งเป็นการลดลงของจีดีพีที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 12 ปี หลังจากนั้นเศรษฐกิจมีประสบการณ์อัพและดาวน์ หลังจากที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจ 7.8% ในปี 2010 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการส่งออกเศรษฐกิจขยายตัว 0.1% น้อยในปี 2011 ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลมาจากน้ำท่วมอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วง 2011 มรสุม เศรษฐกิจที่มีการจัดการที่จะกลับมาในปี 2012 และเพิ่มขึ้น 6.5% แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศในปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดการเจริญเติบโตที่อ่อนแอกว่า 2.9% ใน 2013Structure แห่งประเทศไทยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไทยมีรูปแบบการเจริญเติบโตที่เป็นที่มุ่งเน้นการค้า การส่งออกสินค้าและบริการสำหรับบัญชีประมาณ 74% ของ GDP ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นของจีดีพีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้การนำเข้าคิดเป็นประมาณ 70% ของ GDP ตำแหน่งภายนอกของประเทศไทยเป็นอย่างมากที่จะอยู่ภายใต้ความผันผวนของราคาตามภาวะเศรษฐกิจที่สูงขึ้นอยู่กับการค้า. โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอาศัยส่วนใหญ่ในการให้บริการและการผลิต บริการบัญชีภาคประมาณ 45% ต่อจีดีพีรวม ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดคือการท่องเที่ยว, ยอดค้าปลีก, การขนส่งเช่นเดียวกับธนาคารและการเงิน การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคขณะที่ส่วนแบ่งของตนเพียงอย่างเดียวใน GDP รวมอยู่ที่ประมาณ 10% บัญชีอุตสาหกรรมเป็น 42% ของการผลิตรวมของไทยและส่วนประกอบหลักคือการผลิต ประเทศที่ผลิตสินค้าชั้นนำรวมถึงรถยนต์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์, ยางธรรมชาติและสังเคราะห์, สิ่งทอ ฯลฯ ร่วมกันที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกส่งออก เกษตรมีส่วนช่วยในส่วนที่เหลืออยู่ของ GDP รวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 10 ปี ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการเงินโลก จากปี 2551 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ย 4.7% ใน 2009 , เศรษฐกิจบันทึกหดตัว 2.3% ซึ่ง GDP ลดลงแรงที่สุดใน 12 ปี หลังจากนั้นเศรษฐกิจมีประสบการณ์ ups และดาวน์ หลังจากที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจ 7.8% ในปี 2553 ส่วนใหญ่เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการส่งออก เศรษฐกิจขยายตัวน้อย 0.1% ในปี 2554ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากน้ำท่วมรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 2011 มรสุม เศรษฐกิจจะเด้งกลับมาในปี 2012 และขยายตัว 6.5% อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศเมื่อปีที่แล้ว ทำให้แข็งแกร่งเติบโต 2.9% ใน 2013structure ของประเทศไทยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ

ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตแบบที่เป็นค้าที่มุ่งเน้นการส่งออกสินค้าและบริการมีสัดส่วนประมาณ 74% ของ GDP ซึ่งเป็นหนึ่งในที่ใหญ่ที่สุดหุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค นอกจากนี้ นำเข้าบัญชีประมาณ 70% ของ GDP ตำแหน่งภายนอกของประเทศไทยคือเรื่องความผันผวนของราคาสูง ขณะที่เศรษฐกิจเป็นอย่างมากขึ้นอยู่กับการค้า

ไทยโครงสร้างทางเศรษฐกิจต้องอาศัยหลักในการบริการและการผลิตภาคบริการบัญชีประมาณร้อยละ 45 ของ GDP รวม ที่สำคัญที่สุด ผู้ถูกท่องเที่ยว ค้าปลีก การขนส่ง ตลอดจนการธนาคารและการเงิน การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดในภาค ในขณะที่หุ้นไว้ใน GDP รวมประมาณ 10% บัญชีอุตสาหกรรม 42 % ของปริมาณการผลิตของไทยและส่วนประกอบหลักของมันคือการผลิตประเทศของผลิตภัณฑ์ด้านการผลิต รวมถึงรถยนต์ , ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ , ธรรมชาติและยางสังเคราะห์ , สิ่งทอ , ฯลฯ การใช้ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกส่งออก การเกษตร มีส่วนช่วยเหลือแบ่งปันของ GDP รวม