second, the cohesion of a relations

second, the cohesion of a relationship can be defined as the average of Dab and Dba (or Pab and Pba) . . . and finally, it opens the door to the study of balancing operations as structural changes in power-dependence relations which tend to reduce power advantage (1962:34).
Even though the relations between two actors are cohesive, by definition it may be asymmetrical because a perfect balance of power or dependence between actors seldom occurs. Thus, cohesion does not necessarily mean that the exchange relationship is balanced. It may mean that the relationship between the actors is unbalanced, but the relationship is cohesive and tends toward balance (Emerson 1962).
The role of power, as conceived by Emerson, suggests that the relative dependence between two actors determines their relative power. That is, social relations entail ties of mutual dependence between the actors. A depends upon B if he aspires to goals or gratifications whose achievement is facilitated by appropriate actions on B's part. By virtue of mutual dependency, it is more or less imperative to each party
that he be able to control or influence the other's conduct . The power to control or influence the other resides in control over the things he
values, all the way from oil resources to ego-support, depending upon the relation in question. In short, power resides implicitly in the other's dependency (1962:32).
Thus, Emerson's concept of power is used interchangeably with dependence.
Power in the social exchange setting, or social power, has generally been defined as the ability of one actor to influence the outcome of another actor's behavior or experience (Lippit, Polansky and Rosen, 1952; French and Raven 1959; Wrong 1979). In being defined as influence, power is viewed as the capacity to attain ends, usually to produce intended and foreseen effects on others. When thought of as a capacity to influence another, it is a dispositional concept—meaning that influence has latent effects which may not be observable (for example, changing attitudes), and that influence is not necessarily confined to producing a particular act on other actors (Wrong 1979). It must also be recognized that power is not being used in the context of authoritarian rule or power, but in terms of persuasion and mutual benefit.
Power is derived from having and controlling resources that another actor needs and values. A common approach to power is to enumerate the resources that make it possible to exercise power (Wrong 1979: 124). An actor brings various resources to an exchange. An actor with power is one who has an array of valued resources available to exchange with the other actor. This power or influence is derived from having and controlling resources that the other needs. The resource dependence model developed by Pfeffer and Salancik (1978), in their analysis of organizations, adopted this approach. The model suggests that organizations are influenced by and respond to demands of other

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สอง สามัคคีของความสัมพันธ์สามารถกำหนดเป็นค่าเฉลี่ยเล็กน้อย และ Dba (หรือ Pab และ Pba)... และสุดท้าย เปิดประตูสู่การศึกษาของดุลการดำเนินงานเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความสัมพันธ์การพึ่งพาพลังงานที่มีแนวโน้มที่จะลดอำนาจประโยชน์ (1962:34)
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองนักแสดงควบ จากคำนิยาม อาจเป็น asymmetrical ใน เพราะสมบูรณ์แบบสมดุลของพลังงานหรือพึ่งพาระหว่างนักแสดงแทบเกิดขึ้น ดังนั้น สามัคคีหมายความ ว่า ความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนมีความสมดุล มันอาจหมายความ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้แสดงสมดุล แต่ความสัมพันธ์จะเหนียว และมีแนวโน้มไปทางดุล (1962 อีเมอร์สัน)
บทบาทของพลังงาน เป็นรู้สึก โดยอีเมอร์สัน แนะนำว่า การพึ่งพาญาติระหว่างสองนักแสดงกำหนดอำนาจสัมพันธ์ นั่นคือ ความสัมพันธ์ทางสังคมอันความสัมพันธ์พึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างผู้แสดง A ขึ้นอยู่กับ B ถ้าเขาเป็นเป้าหมายหรือ gratifications สำเร็จซึ่งจะอำนวยความสะดวก โดยการดำเนินการที่เหมาะสมในส่วนของ B อาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีความจำเป็นมากน้อยของแต่ละบุคคล
ว่าเขาไม่สามารถควบคุม หรือมีอิทธิพลต่อการดำเนินการของผู้อื่น อำนาจในการควบคุม หรืออิทธิพลอื่น ๆ ที่อยู่ในการควบคุมในสิ่งที่เขา
ค่า จากทรัพยากรน้ำมันให้อาตมาสนับสนุน ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ในคำถาม ในระยะสั้น พลังงานอยู่นัยในอื่น ๆ ของอิง (1962:32)
ดัง แนวคิดของอีเมอร์สันของพลังงานใช้สลับกับพึ่งพา
ในการตั้งค่าการแลกเปลี่ยนทางสังคม หรือพลังทางสังคม ได้โดยทั่วไปถูกกำหนดเป็นความสามารถของนักแสดงหนึ่ง ไปมีผลต่อผลลัพธ์ของการทำงานของนักแสดงท่านอื่น (Lippit, Polansky และ โร 1952 เฟรนช์และราเวน 1959 ผิด 1979) ในการกำหนดเป็นอิทธิพล อำนาจเป็นดูเป็นความสามารถในการบรรลุปลาย มักจะผลิตผล foreseen และผู้อื่น เมื่อคิดเป็นความสามารถในการมีอิทธิพลต่ออีก มันเป็นแนวคิดการโอนการครอบครองซึ่งหมายความ ว่า อิทธิพลที่มีผลกระทบแฝงอยู่ซึ่งอาจไม่ใช่ observable (เช่น เปลี่ยนทัศนคติ), และอิทธิพลที่จะไม่จำเป็นต้องจำกัดไปผลิตทำเฉพาะกับนักแสดงอื่น ๆ (ผิด 1979) มันต้องยังรับรู้ว่า อำนาจไม่ได้ถูกใช้ในบริบทของประเทศกฎหรือพลังงาน แต่ในแง่ของการจูงใจและและประโยชน์
พลังงานได้มาจากการมี และการควบคุมทรัพยากรที่นักแสดงอื่นที่จำเป็น และค่า วิธีการทั่วไปอำนาจจะระบุทรัพยากรที่ช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายพลังงาน (ผิด 1979:124) นักแสดงนำทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อการแลกเปลี่ยน นัก มีอำนาจเป็นคนที่มีอาร์เรย์ของทรัพยากรบริษัทเพื่อแลกเปลี่ยนกับนักแสดงอื่น ๆ อำนาจหรืออิทธิพลนี้มาจากการมี และการควบคุมทรัพยากรที่อื่น ๆ แบบพึ่งพาทรัพยากรที่พัฒนา โดย Pfeffer และ Salancik (1978), ในองค์กร การวิเคราะห์การนำวิธีการนี้ แนะนำแบบที่ รับอิทธิพลจากองค์กร และตอบสนองความต้องการของกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สองการทำงานร่วมกันของความสัมพันธ์สามารถกำหนดเป็นค่าเฉลี่ยของดาบและ Dba (หรือ Pab และ Pba) . . และในที่สุดก็จะเปิดประตูไปสู่การศึกษาการดำเนินงานของสมดุลการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในความสัมพันธ์เชิงอำนาจพึ่งพาซึ่งมีแนวโน้มที่จะลดความได้เปรียบในอำนาจ (1962: 34)
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองนักแสดงที่มีการติดต่อกันโดยความหมายมันอาจจะเป็นเพราะไม่สมดุล สมดุลที่สมบูรณ์แบบของการใช้พลังงานหรือการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างนักแสดงที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ดังนั้นการทำงานร่วมกันไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของการแลกเปลี่ยนจะมีความสมดุล มันอาจหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงที่มีความไม่สมดุล แต่ความสัมพันธ์เป็นเหนียวและมีแนวโน้มไปสู่ความสมดุล (เมอร์สัน 1962)
บทบาทของอำนาจเป็นโดยกำเนิดเมอร์สันแสดงให้เห็นว่าการพึ่งพาอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างสองนักแสดงจะกำหนดอำนาจญาติของพวกเขา นั่นคือความสัมพันธ์ทางสังคมนำมาซึ่งความสัมพันธ์ของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างนักแสดง ขึ้นอยู่กับ B ถ้าเขาปรารถนาที่จะบรรลุเป้าหมายหรือความพึงพอใจที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจะอำนวยความสะดวกโดยการดำเนินการที่เหมาะสมในส่วนของข โดยอาศัยอำนาจของการพึ่งพาซึ่งกันและกันก็จะมากขึ้นหรือน้อยกว่าความจำเป็นที่จะแต่ละฝ่าย
ว่าเขาจะสามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลต่อการดำเนินการอื่น ๆ อำนาจในการควบคุมหรือมีอิทธิพลต่อการอาศัยอยู่ในการควบคุมสิ่งที่เขา
ให้ความสำคัญทุกทางจากแหล่งน้ำมันเพื่ออัตตาสนับสนุนขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ในคำถาม ในระยะสั้นอำนาจอยู่โดยปริยายในการพึ่งพาคนอื่น ๆ (1962: 32)
ดังนั้นแนวคิดของ Emerson อำนาจจะใช้สลับกันได้กับการพึ่งพา
พลังงานในการตั้งค่าการแลกเปลี่ยนทางสังคมหรืออำนาจทางสังคมที่ได้รับโดยทั่วไปหมายถึงความสามารถของนักแสดงคนหนึ่งที่จะ มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของนักแสดงอีกคนหนึ่งพฤติกรรมหรือประสบการณ์ (Lippit, Polansky และโรเซ็น 1952; ฝรั่งเศสและกา 1959; ผิด 1979) ในการกำหนดให้เป็นอิทธิพลอำนาจถูกมองว่าเป็นความสามารถที่จะบรรลุปลายผลมักจะมีการผลิตที่ตั้งใจและเล็งเห็นกับคนอื่น ๆ เมื่อคิดว่าเป็นความสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อคนอื่นมันเป็น dispositional แนวคิดความหมายที่มีอิทธิพลมีผลแฝงซึ่งอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นได้ (เช่นการเปลี่ยนทัศนคติ) และอิทธิพลที่ไม่จำเป็นต้องถูกคุมขังในการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่นักแสดงคนอื่น (ผิด 1979) มันจะต้องได้รับการยอมรับว่าอำนาจไม่ได้ถูกใช้ในบริบทของการปกครองเผด็จการหรืออำนาจ แต่ในแง่ของการชักชวนและผลประโยชน์ร่วมกัน
พลังงานที่ได้มาจากการมีและการควบคุมทรัพยากรที่นักแสดงคนอื่นต้องการและค่านิยม วิธีการทั่วไปที่จะมีอำนาจคือการระบุแหล่งที่ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะใช้อำนาจ (ผิด 1979: 124) นักแสดงนำทรัพยากรต่างๆที่จะแลกเปลี่ยน นักแสดงที่มีอำนาจคือคนที่มีอาร์เรย์ของทรัพยากรที่มีค่าที่มีอยู่เพื่อแลกกับนักแสดงอื่น ๆ อำนาจหรือมีอิทธิพลต่อนี้ได้มาจากการมีและการควบคุมทรัพยากรที่จำเป็นอื่น ๆ รูปแบบการพึ่งพาทรัพยากรที่พัฒนาโดยเพ็บและ Salancik (1978) ในการวิเคราะห์ขององค์กรนำมาใช้วิธีการนี้ รูปแบบที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ได้รับอิทธิพลจากและตอบสนองต่อความต้องการของคนอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประการที่สอง การทำงานร่วมกันของความสัมพันธ์ที่สามารถกำหนดเป็นค่าเฉลี่ยของป้ายและ DBA ( หรือปั๊บ และ PBA ) . . . . . . . และสุดท้าย เปิดประตูเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจที่สมดุลปฏิบัติการในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลดผลประโยชน์อำนาจ ( 1962:34 )
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองนักแสดงที่น่าสนใจโดยความหมายมันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ เพราะสมดุลของพลังงานหรือการพึ่งพาระหว่างนักแสดงไม่ค่อยเกิดขึ้น ดังนั้น การทำงานร่วมกันไม่ได้หมายความว่าการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่สมดุล มันอาจจะหมายถึงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงมันไม่สมดุลกัน แต่ความสัมพันธ์ที่น่าสนใจและมีแนวโน้มต่อสมดุล ( Emerson 1962 )
บทบาทของอำนาจ เป็นรู้สึกโดยอีเมอร์สันแสดงให้เห็นว่าการพึ่งพาญาติระหว่างสองนักแสดงกำหนดอำนาจญาติของพวกเขา นั่นคือความสัมพันธ์ทางสังคมครอบคลุมความสัมพันธ์ของการพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างนักแสดง เป็นขึ้นอยู่กับ B ถ้าเขาปรารถนาที่จะเป้าหมายหรือความพึงพอใจที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีความสะดวกโดยการกระทำที่เหมาะสมในส่วน B . โดยอาศัยการพึ่งพาซึ่งกันและกัน มันเป็นมากขึ้น หรือขวางน้อย

แต่ละบุคคลว่าเขาสามารถควบคุมหรืออิทธิพลอื่น ๆเช่น อำนาจในการควบคุม หรืออิทธิพลอื่น ๆอยู่ในการควบคุมที่มากกว่าสิ่งที่เขา
ค่า ทาง จากน้ำมันทรัพยากรเพื่อสนับสนุนอัตตา ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ในคำถาม ในระยะสั้น , อำนาจอยู่โดยปริยาย ในอื่น ๆของการพึ่งพา ( 1962:32 )
ดังนั้น เอเมอร์สัน แนวคิดของพลังที่ใช้สลับกับการพึ่งพา
พลังในการแลกเปลี่ยนทางสังคม การตั้งค่า หรือพลังทางสังคมได้โดยทั่วไปจะถูกกำหนดโดยความสามารถของนักแสดงคนหนึ่งจะมีอิทธิพลต่อผลของนักแสดงที่พฤติกรรมหรือประสบการณ์ ( lippit โปลันสกี้ , และ โรเซน 1952 ; ฝรั่งเศสและ Raven 1959 ; ผิด 1979 ) ในการกำหนดเป็นอิทธิพล อำนาจถูกมองว่าความสามารถในการบรรลุสิ้นสุด มักจะผลิตเจตนาเล็งเห็นผล และคนอื่น ๆเมื่อคิดเป็นความสามารถในการมีอิทธิพลอื่น มันเป็นแนวคิด dispositional ความหมายอิทธิพลมีลักษณะแฝงที่ไม่อาจสังเกตได้ ( เช่น เปลี่ยนทัศนคติ ) และที่มีอิทธิพลคือไม่จำเป็นคับผลิตทำโดยเฉพาะดาราอื่น ๆ ( ผิด 1979 ) มันจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นพลังงานไม่ได้ใช้ในบริบทของเผด็จการ หรืออำนาจแต่ในแง่ของการชักชวนและผลประโยชน์ร่วมกัน
พลังได้มาจากการมี และการควบคุมทรัพยากรอื่นแสดงความต้องการและค่า วิธีการทั่วไปที่จะใช้คือการระบุทรัพยากรที่ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะใช้อำนาจ ( ผิด 1979 : 107 ) นักแสดงนำทรัพยากรต่างๆ เพื่อการแลกเปลี่ยนนักแสดงที่มีพลังเป็นหนึ่งที่มีอาร์เรย์ของมูลค่าทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อแลกกับนักแสดงอื่น ๆ อำนาจหรืออิทธิพลมาจากการมี และการควบคุมทรัพยากรที่จำเป็นอื่น ๆ ทรัพยากรแบบพึ่งพาและพัฒนาโดย เฟฟเฟอร์ salancik ( 1978 ) ในการวิเคราะห์ขององค์กร ใช้วิธีการนี้แบบจำลองแสดงให้เห็นว่าองค์กรอิทธิพล และตอบสนองต่อความต้องการของ






อื่น ๆ