This is the first known investigati

This is the first known investigation to assess event-level
associations between energy drink consumption and alcohol-related
risk behaviors in a natural drinking environment. We hypothesized
that consuming energy drinks mixed with alcohol would be
associated with significant increases in the odds of: (1) exiting a bar
in a highly intoxicated state and (2) intending to drive upon leaving a
bar. In support of the first study hypothesis, multivariable analysis
found that exiting bar patrons who reported consuming energy drinks
mixed with alcohol were 3.32 times more likely to have a
BrAC≥0.080 g/210 L, after adjusting for demographic characteristics,
alcohol dependence risk, and consumption of energy drinks and
alcohol at different times in the same night (not mixed together).
Furthermore, analyses indicated that patrons who consumed alcohol
mixed with energy drinks, on average, exited a bar later in the
evening, engaged in drinking for a longer period of time, consumed
more total drinks and more grams of ethanol, and had higher levels of
alcohol intoxication, compared to patrons who did not consume
energy drinks that night or who consumed energy drinks and alcohol
at different times in the same night (not mixed together).
In support of the second study hypothesis, results from multivariable
analysis revealed that bar patrons who reported consuming
energy drinks mixed with alcohol were 4.26 times more likely to
report an intention to drive a motor vehicle from the bar district.
These findings suggest that consuming energy drinks mixed with
alcohol may reduce perceptions of alcohol impairment, and thus,
increase one's confidence in operating a vehicle under the influence
of alcohol. One clinical study found that, compared to consumption
of an alcoholic beverage alone, consumption of an energy drink
mixed with alcohol did not reduce objective impairment of motor
coordination and visual reaction time, but did significantly reduce
subjective symptoms of alcohol intoxication such as headache,
weakness, dry mouth, and impaired motor coordination (Ferreira
et al., 2006). These results are consistent with other studies investigating
the combined ingestion of caffeine and alcohol (Liguori &
Robinson, 2001; Marczinski & Fillmore, 2006). Thus, consumers of
energy drinks mixed with alcohol may misinterpret their level of
inebriation and attempt to drive a car or perform other potentially
hazardous activities.
These findings corroborate previous studies using different
methods and suggest that at the event-level, combining the stimulant
effect of energy drinks with alcohol reduces the symptomatic lethargy
associated with drunkenness, which may lead drinkers to underestimate
their levels of intoxication and consume larger quantities
of alcohol (Finnegan, 2003; Reissig et al., 2009). However, a second
potential explanation for these findings may involve chronic heavy
drinking; that

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยสอบสวนทราบครั้งแรกเพื่อประเมินเหตุการณ์ระดับความสัมพันธ์ ระหว่างการใช้พลังงานเครื่องดื่ม และแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้องพฤติกรรมเสี่ยงในการดื่มเป็นธรรมชาติ เราตั้งสมมติฐานว่าที่ใช้พลังงานเครื่องดื่มที่ผสมกับแอลกอฮอล์จะเกี่ยวข้องกับราคาของเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ: (1) ออกจากบาร์ในรัฐ intoxicated สูงและ (2) ตั้งใจจะขับตามออกเป็นบาร์ สนับสนุนสมมติฐานการศึกษาแรก วิเคราะห์ multivariableพบว่าออกจากบาร์นั่งที่รายงานการบริโภคเครื่องดื่มพลังงานผสมกับแอลกอฮอล์ได้ 3.32 ครั้งมีแนวโน้มที่จะมีการBrAC≥0.080 g/210 L หลังจากการปรับปรุงสำหรับลักษณะทางประชากรความเสี่ยงพึ่งพาเหล้า และปริมาณของเครื่องดื่มพลังงาน และแอลกอฮอล์ในหลายช่วงเวลาในตอนกลางคืน (ไม่ผสมกัน)นอกจากนี้ วิเคราะห์ระบุที่นั่งที่ใช้แอลกอฮอล์ผสมกับเครื่องดื่มพลังงาน ค่าเฉลี่ย ออกจากภายในภายหลังในการเย็น หมกมุ่นดื่มเป็นระยะเวลานานของเวลา ใช้เพิ่มเติมรวมเครื่องดื่มและอื่น ๆ กรัมของเอทานอล และมีสูงแอลกอฮอล์ intoxication เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ไม่ได้ใช้เครื่องดื่มพลังงานคืนหรือผู้ใช้พลังงานเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในตอนกลางคืน (ไม่ผสมกัน)สนับสนุนสมมติฐานที่สองของการศึกษา ผลจาก multivariableวิเคราะห์เปิดเผยว่า แถบอุปถัมภ์ ผู้รายงานใช้เครื่องดื่มพลังงานผสมกับแอลกอฮอล์ได้เวลา 4.26 มักรายงานความตั้งใจขับรถยนต์จากแถบอำเภอผลการวิจัยเหล่านี้แนะนำพลังงานที่บริโภคเครื่องดื่มผสมกับแอลกอฮอล์สามารถลดแนวของแอลกอฮอล์ผล และการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นในการดำเนินงานยานพาหนะภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ การศึกษาทางคลินิกพบที่หนึ่ง เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว ปริมาณการใช้ของการดื่มผสมกับแอลกอฮอล์ได้ลดผลวัตถุประสงค์ของมอเตอร์ประสานงานและเห็นปฏิกิริยาเวลา แต่ไม่ได้ลดอาการตามอัตวิสัยของ intoxication แอลกอฮอล์เช่นปวดศีรษะอ่อนแอ ปากแห้ง และประสานงานมอเตอร์พิการ (Ferreiraและ al., 2006) ผลลัพธ์เหล่านี้จะสอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆ ตรวจสอบคาเฟอีนและแอลกอฮอล์กินรวม (Liguori &โรบินสัน 2001 Marczinski & Fillmore, 2006) ดังนั้น ผู้บริโภคเครื่องดื่มพลังงานผสมกับแอลกอฮอล์อาจคนตีความผิดระดับของinebriation และพยายามที่จะขับรถ หรือทำอื่น ๆ อาจกิจกรรมที่เป็นอันตรายผลการวิจัยเหล่านี้ corroborate ศึกษาก่อนหน้านี้ที่ใช้แตกต่างกันวิธีการ และแนะนำที่ระดับเหตุการณ์- รวมกระตุ้นการผลของพลังงานเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ลดการถูกกระตุ้นอาการเกี่ยวข้องกับฟเครื่อง ซึ่งอาจดื่มประมาทของระดับ intoxication และใช้ปริมาณขนาดใหญ่แอลกอฮอล์ (ฟินนีแกน 2003 Reissig et al., 2009) อย่างไรก็ตาม ที่สองอธิบายศักยภาพการค้นพบเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับหนักเรื้อรังดื่ม ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้เป็นครั้งแรกที่รู้จักการตรวจสอบเพื่อประเมินเหตุการณ์ระดับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติดื่ม เราตั้งสมมติฐานว่าการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะได้รับการที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการต่อรองของ(1) ออกจากบาร์ในสภาพมึนเมาอย่างมากและ(2) มีความประสงค์ที่จะขับรถออกจากเมื่อบาร์ ในการสนับสนุนของสมมติฐานการศึกษาครั้งแรกในการวิเคราะห์หลายตัวแปรพบว่าลูกค้าออกจากบาร์ที่รายงานการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น3.32 ครั้งมีแนวโน้มที่จะมีการBrAC≥0.080กรัม/ 210 ลิตรหลังจากที่ปรับตามลักษณะทางประชากร, ความเสี่ยงการพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ การบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในคืนเดียวกัน(ไม่ผสมเข้าด้วยกัน). นอกจากนี้การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าลูกค้าที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมกับเครื่องดื่มให้พลังงานโดยเฉลี่ยออกจากบาร์ต่อมาในช่วงเย็นร่วมในการดื่มอีกต่อไประยะเวลาที่บริโภคเครื่องดื่มรวมมากขึ้นและกรัมมากขึ้นของเอทานอลและมีระดับที่สูงขึ้นของมึนเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ไม่ได้บริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานที่กลางคืนหรือที่บริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในคืนเดียวกัน(ไม่ได้ผสม ด้วยกัน). ในการสนับสนุนของสมมติฐานการศึกษาที่สองเป็นผลมาจากหลายตัวแปรการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าลูกค้าบาร์ที่รายงานการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น4.26 เท่าแนวโน้มที่จะรายงานความตั้งใจที่จะขับรถยนต์จากอำเภอบาร์. การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะลดการรับรู้การด้อยค่าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นของคนในดำเนินงานยานพาหนะภายใต้อิทธิพลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลการศึกษาทางคลินิกพบว่าเมื่อเทียบกับการบริโภคของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ลดการด้อยค่าวัตถุประสงค์ของมอเตอร์ประสานงานและเวลาการเกิดปฏิกิริยาของภาพแต่ไม่ลดอาการอัตนัยของมึนเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นปวดศีรษะอ่อนแอปากแห้งและการประสานงานมอเตอร์ด้อยคุณภาพ (Ferreira et al., 2006) ผลลัพธ์เหล่านี้มีความสอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆ ตรวจสอบการนำเข้าไปในร่างกายรวมของคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(Liguori และโรบินสัน2001; & Marczinski Fillmore, 2006) ดังนั้นผู้บริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจตีความผิดระดับของมึนเมาและพยายามที่จะขับรถหรือดำเนินการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกิจกรรมที่เป็นอันตราย. ค้นพบเหล่านี้ยืนยันศึกษาก่อนหน้านี้ใช้ที่แตกต่างกันวิธีการและชี้ให้เห็นว่าในงานระดับรวมกระตุ้นผลของเครื่องดื่มให้พลังงานที่มีแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการง่วงที่เกี่ยวข้องกับความมึนเมาซึ่งอาจนำไปดื่มที่จะประมาทระดับความเป็นพิษและใช้ปริมาณมากของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(ฟิน, 2003. REISSIG et al, 2009) แต่เป็นครั้งที่สองคำอธิบายที่มีศักยภาพสำหรับการค้นพบนี้อาจเกี่ยวข้องกับหนักเรื้อรังดื่ม ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี่เป็นครั้งแรกที่รู้จักการตรวจสอบเพื่อประเมินระดับ
เหตุการณ์ระหว่างสมาคมและการบริโภคแอลกอฮอล์
พฤติกรรมเสี่ยงในสภาพแวดล้อมการดื่มเครื่องดื่มให้พลังงานธรรมชาติ เราตั้งสมมุติฐานว่า การบริโภคเครื่องดื่มพลังงาน

ผสมกับแอลกอฮอล์จะเกี่ยวข้องกับเพิ่มขึ้นอย่างมากในราคา ( 1 ) ออกจากบาร์
ในรัฐสูงเมาเหล้า ( 2 ) ตั้งใจที่จะขับรถเมื่อออกจาก
บาร์ในการสนับสนุนสมมติฐานการศึกษาแรก
การวิเคราะห์ multivariable พบว่าลูกค้าที่ออกจากบาร์รายงานการบริโภคเครื่องดื่มพลังงาน
ผสมกับแอลกอฮอล์เป็น 3.32 ครั้งมีแนวโน้มที่จะมี
Brac ≥ 0.080 กรัม / 210 ลิตร หลังจากปรับสำหรับคุณลักษณะทางประชากร
ความเสี่ยงติดสุรา และการบริโภคพลังงานเครื่องดื่มและ
แอลกอฮอล์ในช่วงเวลาต่าง ๆ ในคืนเดียวกัน ( ไม่ผสมเข้าด้วยกัน ) .
นอกจากนี้ การวิเคราะห์พบว่า ลูกค้าที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ผสมกับเครื่องดื่มพลังงานเฉลี่ย ออกจากบาร์ ต่อมาใน
ตอนเย็น หมั้นในการดื่มสำหรับระยะเวลานานของเวลา ผลาญ
รวมมากขึ้นเครื่องดื่มและกรัมของน้ำตาลและระดับที่สูงขึ้นของ
พิษจากสุรา เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ไม่ได้กิน
เครื่องดื่มให้พลังงานที่คืน หรือผู้ที่เผาผลาญพลังงานเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์
ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในคืนเดียวกัน ( ไม่ผสมเข้าด้วยกัน ) .
ในการสนับสนุนสมมติฐานการศึกษาที่สอง ผลจากการวิเคราะห์พบว่า multivariable
บาร์ลูกค้าที่รายงานการบริโภคเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์
พลังงานได้ 4.26 ครั้งมีแนวโน้มที่จะรายงานการเจตนาที่จะขับรถรถยนต์จากแถบตำบล .
นำมาแนะนำ ที่ใช้พลังงานผสมเครื่องดื่มด้วย
แอลกอฮอล์อาจลดการรับรู้บกพร่อง แอลกอฮอล์ และดังนั้นจึง เพิ่มความมั่นใจในการดำเนินงานหนึ่ง

รถภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ การศึกษาทางคลินิกพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ของคนเดียว , การบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์
ไม่ลดเป้าหมายการประสานงานมอเตอร์
และเวลาปฏิกิริยาทางสายตา แต่ไม่ลด
อัตนัยอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ เช่น ปวดศีรษะ
อ่อน ปากแห้ง และการประสานงานมอเตอร์บกพร่อง ( เฟร์
et al . , 2006 ) ผลลัพธ์เหล่านี้สอดคล้องกับการศึกษาอื่น ๆตรวจสอบ
ingestion รวมของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ( liguori &
โรบินสัน , 2001 ; marczinski & Fillmore , 2006 ) ดังนั้น ผู้บริโภค
เครื่องดื่มพลังงานผสมกับแอลกอฮอล์อาจตีความผิดระดับ
ความมึนเมา และพยายามขับรถ หรือปฏิบัติงานอื่น ๆที่อาจเป็นอันตรายกิจกรรม
.
ผลการวิจัยยืนยันจากการศึกษาโดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน
และชี้ให้เห็นว่าในระดับกิจกรรมการกระตุ้นผลของพลังงานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วยลดอาการยางแตก
เกี่ยวข้องกับความมึนเมา ซึ่งอาจทำให้ผู้ดื่มประมาท