Morgenstern and Tchalenko (1967) po

Morgenstern and Tchalenko (1967) pointed out that the microstructure
of a soil mass generally has two components: inherent
structure and shear-induced structure, which both have
a significant influence on the deformation and strength properties
of soils. Inherent structure has its origin in the composition
of the sediment and its sedimentary history. For remolded
soil, especially sands, the inherent structure is directly
related to the method of specimen preparation. Ladd (1974)
and Miura and Toki (1982) indicated that different specimen
preparation methods resulted in significantly different behavior
in terms of both peak strength and postpeak strain softening
being observed. To evaluate the effect of specimen preparation
methods on interface test results, air pluviation, vibration, and
tamping methods were used in the present study. Test results
indicated that specimen preparation methods had almost no
influence on the measured peak interface friction coefficient.
Generally, the air pluviation method can yield the most uniform
specimens, while those prepared by tamping are more
likely to be nonuniform. For a relatively smooth interface surface,
only the particles near the interface surface are expected
to be involved in the interaction between the interface and the
sand. The contribution due to the structure of the whole specimen
is negligible. However, if the interface surface becomes
significantly rougher, more and more particles in the specimen
(not limited to the particles near the interface surface) may be
involved in the shearing process, and the effect of the structure
may become more significant

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Tchalenko (1967) และ Morgenstern เบื้อที่จุลภาคของดินมีมวลโดยทั่วไปมีสององค์ประกอบ: โดยธรรมชาติโครงสร้างและโครงสร้างของแรงเฉือนที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองมีอิทธิพลสำคัญในคุณสมบัติเปลี่ยนแปลงรูปร่างและความแข็งแรงของดิน โครงสร้างโดยธรรมชาติมีต้นกำเนิดในองค์ประกอบของตะกอนและประวัติศาสตร์ของตะกอน สำหรับ remoldedดิน ทราย โครงสร้างโดยธรรมชาติโดยเฉพาะได้โดยตรงที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเตรียมชิ้นงานทดสอบ แลดด์ (1974)และมิอุระและโท (1982) แสดงตัวอย่างที่แตกต่างกันวิธีการเตรียมส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของทั้งความแข็งแรงสูงและสายพันธุ์ postpeak อ่อนการสังเกต การประเมินผลของการเตรียมตัวอย่างวิธีทดสอบผลอินเทอร์เฟซ air pluviation การสั่นสะเทือน และวิธีการ tamping ถูกใช้ในการศึกษา ผลการทดสอบระบุว่า วิธีการเตรียมชิ้นงานทดสอบมีเกือบไม่มีอิทธิพลต่อค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานติดต่อสูงสุดวัดได้โดยทั่วไป วิธี pluviation อากาศสามารถให้ผลผลิตสม่ำเสมอมากที่สุดตัวอย่าง ในขณะที่ผู้จัดทำ โดย tamping เพิ่มเติมแนวโน้มที่จะ nonuniform สำหรับพื้นผิวค่อนข้างราบรื่นอินเตอร์เฟซอนุภาคใกล้พื้นอินเทอร์เฟซเท่านั้นคาดว่าการมีส่วนร่วมในการโต้ตอบระหว่างอินเตอร์เฟซ และการทราย การมีส่วนร่วมเนื่องจากโครงสร้างของตัวอย่างทั้งหมดเป็นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถ้าอินเทอร์เฟซสำหรับพื้นผิวหยาบมาก มาก ขึ้นอนุภาคในตัวอย่าง(ไม่จำกัดเฉพาะอนุภาคใกล้พื้นอินเตอร์เฟซ) อาจเกี่ยวข้องในกระบวนการตัด และผลของโครงสร้างอาจจะมีนัยสำคัญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และ Morgenstern Tchalenko (1967) ชี้ให้เห็นว่าจุลภาค
ของมวลดินโดยทั่วไปมีสององค์ประกอบธรรมชาติ
โครงสร้างและโครงสร้างเฉือนที่เกิดขึ้นซึ่งทั้งสองมี
อิทธิพลสำคัญในการเสียรูปและความแข็งแรงคุณสมบัติ
ของดิน โครงสร้างโดยธรรมชาติมีต้นกำเนิดในองค์ประกอบ
ของตะกอนและประวัติศาสตร์ของตะกอน สำหรับ remolded
ดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งทรายโครงสร้างโดยธรรมชาติโดยตรง
ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเตรียมชิ้นงาน แลดด์ (1974)
และ Miura และโทกิ (1982) ชี้ให้เห็นว่าชิ้นงานที่แตกต่างกัน
วิธีการเตรียมส่งผลให้พฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งในแง่ของความแข็งแรงสูงสุดและชะลอความเครียด postpeak
ถูกตั้งข้อสังเกต เพื่อประเมินผลกระทบของการเตรียมชิ้นงานทดสอบ
วิธีการเกี่ยวกับผลการทดสอบอินเตอร์เฟซ pluviation ปรับอากาศ, การสั่นสะเทือนและ
วิธีการ tamping ถูกนำมาใช้ในการศึกษาในปัจจุบัน ผลการทดสอบ
แสดงให้เห็นว่าวิธีการเตรียมชิ้นงานที่มีเกือบจะไม่มี
อิทธิพลต่อยอดเขาวัดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอินเตอร์เฟซ.
โดยทั่วไปวิธีการ pluviation อากาศสามารถให้ผลผลิตเครื่องแบบมากที่สุด
ตัวอย่างในขณะที่ผู้จัดทำขึ้นโดย tamping มี
แนวโน้มที่จะไม่สม่ำเสมอ สำหรับพื้นผิวที่อินเตอร์เฟซที่เรียบค่อนข้าง
เพียงอนุภาคที่อยู่ใกล้พื้นผิวอินเตอร์เฟซที่คาดว่า
จะมีส่วนร่วมในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างอินเตอร์เฟซและที่
ทราย ผลงานอันเนื่องมาจากโครงสร้างของชิ้นงานทั้ง
เป็นเล็กน้อย แต่ถ้าผิวอินเตอร์เฟซจะกลายเป็น
อย่างมีนัยสำคัญขรุขระมากขึ้นและอนุภาคอื่น ๆ ในตัวอย่าง
(ไม่ จำกัด อนุภาคที่อยู่ใกล้พื้นผิวอินเตอร์เฟซ) อาจจะ
มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดและผลกระทบของโครงสร้างที่
อาจจะกลายเป็นความสำคัญมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มอร์กินสเติร์น และ tchalenko ( 1967 ) ชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างของมวลดินโดยทั่วไปมีสององค์ประกอบ : โดยธรรมชาติโครงสร้างและแรงเฉือนและโครงสร้าง ซึ่งทั้งสองมีอย่างมีอิทธิพลต่อรูปร่างและความแข็งแกร่ง คุณสมบัติของดิน โครงสร้างแท้จริงมีที่มาของมันในองค์ประกอบของตะกอนตะกอนและประวัติของมัน สำหรับ remoldedดิน โดยเฉพาะทราย โครงสร้างที่แท้จริงคือโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับวิธีการของการเตรียมชิ้นงาน แลดด์ ( 1974 )และ และ มิอุระ โทคิ ( 1982 ) พบว่า แตกต่างกัน ตัวอย่างวิธีการเตรียมส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแตกต่างกันทั้งในแง่ของความแข็งแรงและ postpeak ยอดอ่อนเมื่อยไม่เป็นที่สังเกต เพื่อศึกษาผลของการเตรียมชิ้นงานวิธีการเกี่ยวกับผลการทดสอบ interface อากาศ pluviation การสั่นสะเทือน และท้ายน้ำวิธีการที่ใช้ในการศึกษาปัจจุบัน ผลการทดสอบพบว่าวิธีการเตรียมชิ้นงานมีเกือบไม่มีมีอิทธิพลในวัดยอดแรงเสียดทานสัมประสิทธิ์โดยทั่วไปอากาศ pluviation วิธีสามารถให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอที่สุดตัวอย่าง ในขณะที่ผู้ที่เตรียมโดยท้ายน้ำมีมากกว่ามีแนวโน้มที่จะถูกรวม . อินเตอร์เฟซสำหรับผิวค่อนข้างเรียบเพียงอนุภาคใกล้ผิวอินเตอร์เฟซที่คาดว่าการมีส่วนร่วมในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอินเตอร์เฟซและทราย สนับสนุน เนื่องจากโครงสร้างของตัวอย่างทั้งหมดเป็นเล็กน้อย แต่ถ้าผิวอินเตอร์เฟซที่กลายเป็นทางขรุขระ อนุภาคที่เพิ่มเติม และเพิ่มเติม ในตัวอย่าง( ไม่ จำกัด อนุภาคใกล้ผิวอินเตอร์เฟซ ) อาจจะที่เกี่ยวข้องในการ กระบวนการ และผลของโครงสร้างอาจจะสำคัญมากขึ้น