You get small classes. Unlike large

You get small classes. Unlike large research universities where you could regularly find yourself in lecture halls with many hundreds of other students, at a small college you'll rarely be in classes of more than 50 students; in most cases two-thirds of your classes will have fewer than 20 students. The small class environment will give you a much greater opportunity to ask questions, participate in discussion, and have a professor who actually knows who you are. It's always nice to be a real person, rather than a nameless spectator in the crowd of a mega-university. All the teaching is done by professors. Since most small colleges only grant undergraduate degrees, they don't have graduate students. And if you don't have graduate students, you don't have to stick graduate students in the classroom to get trained on how to be a professor. Your professors will be more committed to teaching. At many research universities, "publish or perish" is still the phrase of the day. As a result, professors there who seek tenure and promotion have to make research their No. 1 priority and teaching, at best, No. 2. At small colleges, on the other hand, teaching is often the main criterion for advancement, so the professors will put more effort into preparing their classes and, often, into developing new classes.Your work will be evaluated more carefully ,so they don't have much time to offer feedback and suggestions on individual pieces of work. At small schools, the professor will have more time to read your work and offer detailed comments. While to some this might seem intimidating, it's one of the best ways to learn and grow intellectually —if you actually pay attention to the comments, that is.You'll have a chance to write more papers. Grading papers is quite time consuming and papers are one of the first things to go when an instructor is faced with a large class. The limited size of classes at small colleges, though, makes it possible for professors to assign more written work .This is important because the more you write, the better you get at writing. And with the rise of the Internet, communication skills are becoming more and more important compared to just memorizing lots of facts. It's also likely that you'll have more of a change to do bigger projects, such as junior papers and senior theses, usually with one-or-one supervision by a real expert.You'll have more opportunity for one-on-one contact with your professor. At the big universities, your professor may just be a speck in the distance, someone you would never dare approach. But at small colleges, you will get to know your professors and they will get to know you as well. You often will get better advising than you would at a larger university and this professor will actually know you when the time comes for getting a letter of recommendation for graduate school or for an employer.You'll have more freedom in the curriculum. Often smaller colleges are more flexible about requirements and give you more leeway to construct programs that meet your individual interests. Some even allow you to design your own majors or don't have majors at all. What's good about this is that you can take only the courses that you want, rather than sitting in on endless classes that the "college" or the "department" thinks all students should take.You'll have more opportunities to collaborate with a professor. At larger schools, the are endless hordes of graduate students waiting in line to partner with a professor in his or her research program. At smaller schools, it's the undergraduates who are called upon to look up the sources, help conduct the experiments, and often even write up—or present at a conference—the findings with the professor. And it not just a work-saving move for the professor; part of the teaching mission at many small schools is to engage the students in the research of the faculty—sort of a shared experience rather than a one-way communication of information. You'll face less bureaucracy. At small colleges you will be spared the endless lines at registration, the hand-to-hand combat to get into closed classes, and the sprinting between innumerable offices to try to get your simplest questions answered. Sounds like a good deal, You get the feeling that you count.Large universities can be very alienating places. There it's easy to feel that no one cares about you and whether you learn anything. At most small colleges, they have room to care.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชั้นเรียนขนาดเล็กได้ ซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ที่เป็นประจำพบตัวเองในห้องโถงบรรยายกับหลายร้อยของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่วิทยาลัยขนาดเล็ก คุณจะไม่ค่อยเป็นในชั้นเรียนของนักเรียนมากกว่า 50 ในกรณีส่วนใหญ่สองในสามของชั้นเรียนของคุณจะมีน้อยกว่า 20 คน สิ่งแวดล้อมระดับเล็กจะให้โอกาสที่มากขึ้นเพื่อถามคำถาม มีส่วนร่วมในการสนทนา และมีอาจารย์ที่รู้จริง ว่าคุณคือใคร มันเป็นเสมอดีที่จะบุคคลจริง มากกว่านัดนิรนามในฝูงชนของ mega-มหาวิทยาลัย การสอนจะทำ โดยอาจารย์ เนื่องจากวิทยาลัยขนาดเล็กส่วนใหญ่อนุญาตองศาตรี พวกเขาไม่มีนักศึกษาปริญญาโท และถ้าคุณไม่มีนักศึกษาปริญญาโท คุณไม่ต้องติดนักศึกษาในห้องเรียนเพื่อรับการฝึกอบรมในการเป็นอาจารย์ อาจารย์ของคุณจะมากขึ้นทำให้การสอน ในหลายงานวิจัยมหาวิทยาลัย "เผยแพร่ หรือพินาศ" ยังคงเป็นวลีของวัน เป็นผล อาจารย์มีโปรโมชั่นและดำรงตำแหน่งที่ต้องทำวิจัยหมายเลข 1 ลำดับความสำคัญและสอน ที่สุด หมายเลข 2 ที่วิทยาลัยขนาดเล็ก คง การเรียนการสอนมักจะเป็นเกณฑ์หลักสำหรับความก้าวหน้า เพื่ออาจารย์จะใส่ความพยายามมากขึ้น ในการจัดเตรียมชั้นเรียน และ มักจะ มาพัฒนาชั้นเรียน งานของคุณจะถูกประเมินอย่างระมัดระวัง เพื่อให้พวกเขามีเวลาไม่มากได้เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการทำงานของชิ้นส่วน ในโรงเรียนขนาดเล็ก อาจารย์จะมีเวลาในการอ่านงานของคุณ และเสนอข้อคิดเห็นรายละเอียด ในขณะที่บาง นี้อาจดูเหมือนข่มขู่ มันเป็นหนึ่งในวิธีการเรียนรู้ และเติบโตสติปัญญา — ถ้าคุณได้ใส่ข้อคิดเห็น กล่าวคือ คุณจะมีโอกาสที่จะเขียนบทความเพิ่มเติม คัดเกรดกระดาษเป็นเวลาค่อนข้างนาน และกระดาษเป็นสิ่งแรกเมื่อผู้สอนจะต้องเผชิญกับระดับใหญ่อย่างใดอย่างหนึ่ง จำกัดขนาดของชั้นเรียนที่วิทยาลัยขนาดเล็ก แม้ว่า ทำให้อาจารย์กำหนดให้ทำงานที่เขียนขึ้น นี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะยิ่งคุณเขียน ดีกว่าคุณได้รับที่เขียน และการเติบโตของอินเทอร์เน็ต ทักษะการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อเทียบกับเพียงจดจำข้อเท็จจริงมากมาย มันยังมีแนวโน้มว่า คุณจะมีการเปลี่ยนแปลงการทำโครงการขนาดใหญ่ เช่นจูเนียร์เอกสารและวิทยานิพนธ์อาวุโส กับหนึ่ง หรือหนึ่งดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงมักจะเพิ่มเติม คุณจะมีโอกาสมากขึ้นสำหรับการติดต่อแบบตัวต่อตัวกับอาจารย์ของคุณ มหาวิทยาลัยใหญ่ อาจารย์ของคุณอาจจะพูดคุยในระยะไกล คนที่คุณไม่เคยจะกล้าวิธี แต่ที่วิทยาลัยขนาดเล็ก คุณจะได้รู้ว่าอาจารย์ของคุณ และพวกเขาจะได้รู้ว่าคุณเป็นอย่างดี คุณมักจะได้ดีขึ้นให้คำแนะนำมากกว่า คุณจะเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ และศาสตราจารย์นี้จะทราบจริง ๆ คุณเมื่อเวลามาขอหนังสือแนะนำ สำหรับบัณฑิต หรือนายจ้าง คุณจะมีอิสระมากขึ้นในหลักสูตร วิทยาลัยขนาดเล็กมักจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเกี่ยวกับความต้องการ และทำให้งานที่คั่งค้างเพิ่มเติมเพื่อสร้างโปรแกรมที่ตรงกับความสนใจของแต่ละ บางคนให้คุณในการออกแบบสาขาของคุณเอง หรือไม่มีสาขาทั้งหมด ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ว่า คุณสามารถใช้เฉพาะหลักสูตรที่คุณต้อง มากกว่าที่นั่งในชั้นเรียนไม่รู้จบว่า "วิทยาลัย" หรือ "แผนก" คิดว่า นักเรียนทุกคนควรจะ คุณจะมีโอกาสมากขึ้นในการทำงานร่วมกับอาจารย์ โรงเรียนขนาดใหญ่ การสิ้นสุดพยุหะของนักศึกษามาเข้าแถวรอเพื่อร่วมมือกับอาจารย์ในโครงการวิจัยของเขา หรือเธอ ในโรงเรียนขนาดเล็ก ก็สูง ๆ ที่ถูกเรียกค้นหาแหล่งมา ช่วยดำเนินการทดลอง และมักจะเขียนถึง — หรือนำเสนอในการประชุม — พบกับศาสตราจารย์ และมันไม่ใช่แค่การทำงานประหยัดย้ายสำหรับอาจารย์ ส่วนหนึ่งของภารกิจการเรียนการสอนโรงเรียนขนาดเล็กเป็นการศึกษาวิจัยของคณะซึ่งเรียงลำดับของประสบการณ์ใช้ร่วมกันมากกว่าการสื่อสารข้อมูลแบบทางเดียว คุณจะต้องเผชิญกับระบบราชการน้อยลง ที่วิทยาลัยขนาดเล็ก คุณจะงดเส้นสิ้นสุดที่ลงทะเบียน การต่อสู้แบบเข้าชั้นเรียนปิด และวิ่งระหว่างสำนักงานนับไม่ถ้วนเพื่อพยายามถามคำถามของคุณที่ง่ายที่สุดตอบ เสียงเหมือนคุณจัดการที่ดี ความรู้สึกที่คุณนับได้ มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่สามารถ alienating มากสถาน มีมันง่ายที่จะรู้สึกว่า ไม่มีใครอาสาคุณและว่าคุณเรียนรู้อะไร วิทยาลัยขนาดเล็กที่สุด พวกเขามีการดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณจะได้รับชั้นเรียนขนาดเล็ก ซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ที่คุณเป็นประจำจะพบว่าตัวเองอยู่ในห้องบรรยายที่มีหลายร้อยของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่คุณไม่ค่อยจะอยู่ในชั้นเรียนของนักเรียนกว่า 50 คน; ในกรณีส่วนใหญ่สองในสามของการเรียนของคุณจะมีน้อยกว่า 20 คน สภาพแวดล้อมระดับเล็ก ๆ จะทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นที่จะถามคำถามร่วมในการอภิปรายและมีอาจารย์ที่จริงรู้ว่าคุณเป็นใคร มันเป็นเรื่องดีเสมอที่จะเป็นคนจริงมากกว่าชมนิรนามในฝูงชนของล้านมหาวิทยาลัย การเรียนการสอนทั้งหมดจะทำโดยอาจารย์ ตั้งแต่วิทยาลัยขนาดเล็กที่สุดเพียงให้ระดับปริญญาตรีที่พวกเขาไม่ได้มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา และถ้าคุณไม่ได้มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่คุณไม่ต้องติดนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในชั้นเรียนจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการที่จะศาสตราจารย์ อาจารย์ของคุณจะมีความมุ่งมั่นมากขึ้นในการเรียนการสอน ที่มหาวิทยาลัยวิจัยจำนวนมาก "เผยแพร่หรือพินาศ" ยังคงเป็นวลีของวันที่ เป็นผลให้มีอาจารย์ที่แสวงหาการดำรงตำแหน่งและการส่งเสริมจะต้องทำวิจัยของพวกเขาครั้งที่ 1 จัดลำดับความสำคัญและการเรียนการสอนที่ดีที่สุดลำดับที่ 2. ที่วิทยาลัยขนาดเล็กในมืออื่น ๆ , การเรียนการสอนมักจะเป็นเกณฑ์หลักในการก้าวหน้าดังนั้น อาจารย์จะใช้ความพยายามมากขึ้นในการเตรียมความพร้อมการเรียนของพวกเขาและมักจะทำงานในการพัฒนา classes.Your ใหม่จะได้รับการประเมินอย่างระมัดระวังมากขึ้นเพื่อให้พวกเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในแต่ละชิ้นของการทำงาน ในโรงเรียนขนาดเล็กอาจารย์จะมีเวลามากขึ้นในการอ่านงานของคุณและให้เห็นรายละเอียด ในขณะที่บางส่วนนี้อาจจะดูน่ากลัวก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะเรียนรู้และเติบโตทางสติปัญญาถ้าคุณจ่ายจริงให้ความสนใจกับการแสดงความคิดเห็นที่ is.You'll มีโอกาสที่จะเขียนเอกสารเพิ่มเติม การวัดผลการศึกษาเอกสารค่อนข้างใช้เวลานานและเอกสารเป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่จะไปเมื่ออาจารย์ผู้สอนจะต้องเผชิญกับชั้นเรียนขนาดใหญ่ จำกัด ขนาดของชั้นเรียนที่วิทยาลัยเล็ก ๆ แต่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับอาจารย์ที่จะมอบหมายงานเขียนมากขึ้นนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะยิ่งคุณเขียนที่ดีกว่าคุณจะได้รับในการเขียน และมีการเพิ่มขึ้นของอินเทอร์เน็ตและทักษะการสื่อสารมีมากขึ้นและที่สำคัญมากขึ้นเมื่อเทียบกับเพียงจำจำนวนมากของข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่คุณจะมีมากขึ้นของการเปลี่ยนแปลงที่จะทำโครงการขนาดใหญ่เช่นเอกสารจูเนียร์และวิทยานิพนธ์ระดับสูงมักจะมีหนึ่งหรือหนึ่งในการกำกับดูแลโดย expert.You'll จริงมีโอกาสมากขึ้นสำหรับการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อหนึ่ง การติดต่อกับอาจารย์ของคุณ ที่มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่อาจารย์ของคุณอาจจะเป็นแค่จุดในระยะทางที่ใครบางคนที่คุณจะไม่เคยกล้าที่วิธีการ แต่ที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่คุณจะได้รับรู้ว่าอาจารย์ของคุณและพวกเขาจะได้รับรู้ว่าคุณได้เช่นกัน คุณมักจะได้รับการให้คำปรึกษาที่ดีขึ้นกว่าที่คุณจะในมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่และอาจารย์นี้จะรู้จริงคุณเมื่อเวลามาให้ได้รับจดหมายแนะนำสำหรับบัณฑิตหรือสำหรับ employer.You'll มีอิสระมากขึ้นในหลักสูตร บ่อยครั้งที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเกี่ยวกับความต้องการและให้ระยะเวลาเพิ่มขึ้นในการสร้างโปรแกรมที่ตอบสนองความสนใจของแต่ละบุคคล บางคนยังช่วยให้คุณสามารถออกแบบสาขาวิชาของคุณเองหรือไม่ได้มีสาขาวิชาที่ทั้งหมด สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้คือการที่คุณสามารถใช้เวลาเพียงหลักสูตรที่คุณต้องการมากกว่าการนั่งอยู่ในชั้นเรียนไม่รู้จบว่า "วิทยาลัย" หรือ "กรม" คิดว่านักเรียนทุกคน take.You'll ควรจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะร่วมมือกับอาจารย์ . ในโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีพยุหะไม่มีที่สิ้นสุดของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่รออยู่ในสายที่ได้ร่วมมือกับอาจารย์ในของเขาหรือโครงการวิจัยของเธอ ในโรงเรียนขนาดเล็กก็เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีการเรียกร้องให้ขึ้นไปดูแหล่งที่มาช่วยดำเนินการทดลองและมักจะเขียนหรือนำเสนอในที่ประชุมที่ผลการวิจัยกับอาจารย์ และมันไม่ได้เป็นเพียงการทำงานประหยัดย้ายอาจารย์; ส่วนหนึ่งของภารกิจการเรียนการสอนในโรงเรียนขนาดเล็กจำนวนมากคือการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการวิจัยของคณะจัดเรียงของประสบการณ์ร่วมกันมากกว่าการสื่อสารทางเดียวของข้อมูล คุณจะเผชิญราชการน้อย ที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่คุณจะได้รับการงดเว้นบรรทัดที่ไม่มีที่สิ้นสุดการลงทะเบียนการต่อสู้มือถึงมือท่านจะได้รับในชั้นเรียนปิดและวิ่งระหว่างสำนักงานนับไม่ถ้วนเพื่อพยายามที่จะได้รับคำถามของคุณตอบที่ง่ายที่สุด เสียงเหมือนการจัดการที่ดีคุณจะได้รับความรู้สึกที่คุณ count.Large มหาวิทยาลัยสามารถเป็นสถานที่แปลกแยกมาก มีมันง่ายที่จะรู้สึกว่าไม่มีใครใส่ใจเกี่ยวกับคุณและไม่ว่าคุณจะเรียนรู้อะไร ที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่สุดที่พวกเขามีในการดูแลห้องพัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณได้รับในชั้นเรียนขนาดเล็ก ซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ที่คุณสามารถเสมอค้นหาตัวเองในห้องบรรยายที่มีหลายร้อยของนักเรียนคนอื่นๆ ที่เล็กวิทยาลัย คุณจะไม่ค่อยอยู่ในชั้นเรียนมากกว่า 50 คน ในกรณีส่วนใหญ่สองในสามของชั้นเรียนของคุณจะต้องไม่น้อยกว่า 20 คน สภาพแวดล้อมของชั้นเรียนขนาดเล็กจะช่วยให้คุณโอกาสมากขึ้นที่จะถามคำถามและมีส่วนร่วมในการอภิปราย และได้เป็นอาจารย์ที่รู้จริงว่าเธอเป็นใคร มันเสมอดีที่จะเป็นคนจริงมากกว่าผู้ชมนิรนามในฝูงชนของมหาวิทยาลัยเด่น ทั้งหมดสอนทำโดยอาจารย์ เนื่องจากวิทยาลัยขนาดเล็กที่สุดเพียงสิทธิ์ตรีองศา พวกเขาไม่มี นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา และถ้าคุณไม่ได้มีนักศึกษาปริญญาโท ไม่ต้องติดนักศึกษาในชั้นเรียนที่จะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการเป็นศาสตราจารย์ อาจารย์ของคุณจะมุ่งมั่นในการสอน ที่มหาวิทยาลัยวิจัยหลาย " ตีพิมพ์ หรือตาย " ยังคงเป็นวลีของวัน ผลคือ อาจารย์มีผู้แสวงหางานและส่งเสริมให้งานวิจัยสำคัญอันดับ 1 ของพวกเขา และ สอน ที่ ดี ที่สุด ไม่ 2 ที่วิทยาลัยเล็ก ๆในมืออื่น ๆ , สอนมักจะเป็นเกณฑ์หลักในการพัฒนา ดังนั้นอาจารย์จะใช้ความพยายามมากขึ้นในการเตรียมการสอนของตนเอง และ บ่อย ในการพัฒนาบทเรียนใหม่ ผลงานของคุณจะได้รับการประเมินอย่างรอบคอบ เพื่อให้พวกเขามีเวลาไม่มากในการเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในแต่ละชิ้นส่วนของงาน ในโรงเรียนเล็กๆ อาจารย์จะได้มีเวลาอ่านงานของคุณ และเสนอรายละเอียดความคิดเห็น ในขณะที่บางนี้อาจดูเหมือนน่ากลัว มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะเรียนรู้และเติบโตทางสติปัญญา - ถ้าเธอใส่ใจกับความคิดเห็น คือว่า คุณจะมีโอกาสที่จะเขียนเอกสารเพิ่มเติม ตรวจเอกสารค่อนข้างใช้เวลานานและเอกสารเป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่จะไป เมื่อผู้สอนจะต้องเผชิญหน้ากับ ชั้นเรียนขนาดใหญ่ จำกัดขนาดของชั้นเรียนที่วิทยาลัยเล็กๆ แต่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับอาจารย์มอบหมายเพิ่มเติม เขียนงาน นี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะยิ่งคุณเขียน ดีกว่าที่คุณจะได้รับ ที่ เขียน และมีการเพิ่มขึ้นของอินเทอร์เน็ต ทักษะการสื่อสารที่มากขึ้นและที่สำคัญมากขึ้นเมื่อเทียบกับแค่ท่องจำ จํานวนจริง มันยังมีโอกาสที่คุณจะได้มากกว่าการทำโครงการใหญ่ๆ เช่น เอกสาร จูเนียร์ และวิทยานิพนธ์ รุ่นพี่มักจะมีหนึ่งหรือหนึ่งดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง คุณจะได้รับโอกาสมากขึ้นสำหรับการติดต่อแบบตัวต่อตัวกับอาจารย์ของคุณ ที่มหาวิทยาลัยใหญ่ อาจารย์ของคุณอาจจะเพียงแค่จุดจุดหนึ่งบนระยะทางที่คนที่คุณจะไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ที่วิทยาลัยเล็ก ๆ , คุณจะได้รู้จักกับอาจารย์ของคุณ และพวกเขาจะได้รู้ว่าคุณเป็นอย่างดี บ่อยครั้งที่คุณจะได้รับการแนะนำที่ดีกว่าที่คุณจะอยู่ในมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่และอาจารย์จริง ๆ จะรู้เมื่อเวลามาถึงสำหรับการรับจดหมายแนะนำสำหรับโรงเรียนหรือนายจ้าง คุณจะเป็นอิสระในหลักสูตร มักจะมีขนาดเล็กลงวิทยาลัยมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเกี่ยวกับความต้องการและให้ leeway เพิ่มเติมเพื่อสร้างโปรแกรมที่ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล บางคนยังช่วยให้คุณสามารถออกแบบเอกของคุณเอง หรือ ไม่มีเอกเลย สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้คือการที่คุณสามารถใช้เพียงหลักสูตรที่คุณต้องการ แทนที่จะนั่งในชั้นเรียนไม่มีที่สิ้นสุดว่า " วิทยาลัย " หรือ " แผนก " คิดว่านักเรียนทุกคนควรจะได้รับ คุณจะได้รับโอกาสที่จะร่วมมือกับอาจารย์ ในโรงเรียนขนาดใหญ่ มีพยุหะไม่มีที่สิ้นสุดของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาต่อแถวรอคู่กับอาจารย์ของเขา หรือโครงการวิจัย ในโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นนักศึกษา ที่ถูกเรียกตัวมาเพื่อหาแหล่งที่มา ช่วยทำการทดลอง และมักจะเขียนหรือเสนอในที่ประชุมสรุปกับศาสตราจารย์ และมันก็ไม่ใช่แค่การย้ายงานสำหรับอาจารย์สอน ; ส่วนหนึ่งของภารกิจที่โรงเรียนขนาดเล็กมากคือเพื่อดึงดูดนักศึกษาในการวิจัยของคณะ การจัดเรียงของการแชร์ประสบการณ์ มากกว่าการสื่อสารทางเดียวของข้อมูล คุณจะต้องเผชิญกับระบบราชการน้อยลง ที่วิทยาลัยเล็ก ๆคุณจะได้สายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในการลงทะเบียน มือการต่อสู้ที่จะได้รับในชั้นเรียน ปิด และวิ่งระหว่างสำนักงานนับไม่ถ้วนพยายามที่จะได้รับคำถามของคุณง่ายตอบ เสียงเหมือนจัดการที่ดี คุณจะรู้สึกว่าคุณนับ มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ สามารถมากแปลกแยกสถานที่ มันง่ายที่จะรู้สึกว่าไม่มีใครใส่ใจเกี่ยวกับคุณและไม่ว่าคุณจะเรียนอะไร ที่วิทยาลัยขนาดเล็กที่สุด พวกเขามีห้องดูแล