governance. Like corruption, the re

governance. Like corruption, the relevance of bad governance
can be exacerbated by economic decline if voters see
a link between good governance and economic growth, and
consider the former a cause of the latter. However, it is
debatable whether voters would close their eyes in front of
bad governance if there is economic growth. Unlike corruption,
overall bad governance affects a larger range of
aspects of citizens' lives, thus economic growth should be
less of a moderator of the government's overall performance.
The economy may be the key to assure popular
support, but voters are unlikely to enjoy it if the institutions
and governance mechanisms are underperforming. Hence,
incumbents receive voters' appreciation for economic performance,
but they are punished for the difficulties and
drawbacks that citizens encounter when interacting with
political and public institutions.
Bad governance could also reduce the salience of economic
performance by drawing people's attention away
from the economy. As Singer argues, governance crises
make people less likely to base their voting decision on the
state of the economy (Singer, 2011b) and even during a
recession a significant part of the electorate base their vote
on non-economic issues (Singer, 2011a). The connection
between good governance and the economy can be illustrated
in four different scenarios: when both are in crisis,
when either one or the other is badly affected, and when
both are in good shape. Given that previous studies assume
a stronger punishment for both bad governance and economic
recession, I define a as the threshold for an economic
crisis and b as the threshold for a governance crisis:
1. economic growthb:
considering that ”the economy is always an important
issue to voters” (Wlezien, 2005, 556), I expect economic
growth to have the main role in election outcomes.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำกับดูแลการ เช่นทุจริต ความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดีสามารถเลวร้าย โดยเศรษฐกิจปฏิเสธถ้าเห็นผู้ลงคะแนนการเชื่อมโยงระหว่างการกำกับดูแลกิจการที่ดีและเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และพิจารณาอดีตสาเหตุของหลัง อย่างไรก็ตาม เป็นเป็นที่ถกเถียงว่าผู้ลงคะแนนจะปิดตาข้างหน้าปกครองไม่ถูกต้องถ้ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากความเสียหายคำ ภิบาลไม่ดีมีผลต่อช่วงใหญ่ของด้านของชีวิตประชาชน จึงเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควรน้อยผู้ดูแลประสิทธิภาพโดยรวมของรัฐบาลเศรษฐกิจอาจเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้มั่นใจยอดนิยมสนับสนุน แต่ผู้ลงคะแนนไม่น่าจะสนุกกับมันถ้าสถาบันที่และกลไกการกำกับดูแลกิจการมีวิธี ดังนั้นincumbents รับชื่นชมของผู้ลงคะแนนสำหรับประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจแต่พวกเขาจะโทษความยากลำบาก และข้อเสียที่พบประชาชนเมื่อโต้ตอบกับสถาบันทางการเมือง และสาธารณะกำกับดูแลกิจการที่ดียังลด salience ของเศรษฐกิจโดยดึงดูดความสนใจของประชาชนไปจากเศรษฐกิจ เป็นนักร้องคนจน วิกฤตการกำกับดูแลกิจการทำให้คนน้อยน่าจะยึดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงสถานะ ของเศรษฐกิจ (นักร้อง 2011b) และแม้กระทั่งในระหว่างการถดถอยที่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเขตเลือกตั้งฐานเสียงของพวกเขาในทางเศรษฐกิจไม่ใช่ประเด็น (นักร้อง 2011a) การเชื่อมต่อธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจสามารถมีภาพประกอบในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 4: เมื่อทั้งสองอยู่ในภาวะวิกฤตเมื่อหนึ่งหรืออื่น ๆ ที่มีผลกระทบรุนแรง และเมื่อทั้งสองอยู่ในสภาพดี ระบุว่าก่อนหน้านี้ศึกษาสมมติลงโทษที่แข็งแกร่งทั้งกำกับดูแลกิจการที่ดี และเศรษฐกิจภาวะถดถอย ผมกำหนดให้เป็นขีดจำกัดสำหรับการเศรษฐกิจวิกฤตและ b เป็นขีดจำกัดสำหรับวิกฤตภิบาล:1. เศรษฐกิจคาดว่าตัวแปรทั้งสองมีบทบาทที่แข็งแกร่งในเลือกตั้ง2. เศรษฐกิจ > การเปลี่ยนในธรรมาภิบาลธรรมาภิบาลเป็นประเด็นเด่นในการเลือกตั้งและเศรษฐกิจเรื่องน้อยกว่าใน (1)3. เศรษฐกิจb:เศรษฐกิจเป็นประเด็นเด่น ในการเลือกตั้ง และดีกำกับดูแลเรื่องในน้อยกว่า (1) หรือ (2)4. เศรษฐกิจ > การเปลี่ยนในการกำกับดูแลกิจการที่ดี > b:พิจารณาว่า "เศรษฐกิจอยู่เสมอเป็นสำคัญออกให้ผู้ลงคะแนน" (Wlezien, 2005, 556), ฉันคาดหวังทางเศรษฐกิจเจริญเติบโต มีบทบาทหลักในผลเลือกตั้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การกำกับดูแล เช่นเดียวกับการทุจริตความเกี่ยวข้องของการกำกับดูแลที่ไม่ดี
สามารถที่มาจากการลดลงของเศรษฐกิจหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็น
ความเชื่อมโยงระหว่างการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจและการ
พิจารณาอดีตสาเหตุของหลัง แต่ก็เป็น
ที่ถกเถียงกันว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะปิดตาของพวกเขาในด้านหน้าของ
การกำกับดูแลที่ไม่ดีถ้ามีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากการทุจริต
การกำกับดูแลที่ไม่ดีโดยรวมส่งผลกระทบต่อช่วงขนาดใหญ่ของ
ด้านของชีวิตของประชาชนดังนั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควรจะ
น้อยกว่าของผู้ดูแลผลการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาล.
เศรษฐกิจอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะมั่นใจได้ว่าได้รับความนิยม
สนับสนุน แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น่าจะสนุกกับมัน ถ้าสถาบัน
และกลไกการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพต่ำ ดังนั้น
ผู้ครอบครองตลาดได้รับความชื่นชมผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ
แต่พวกเขาจะต้องถูกลงโทษสำหรับความยากลำบากและ
ข้อบกพร่องที่พบเมื่อประชาชนมีปฏิสัมพันธ์กับ
สถาบันทางการเมืองและประชาชน.
การกำกับดูแลที่ไม่ถูกต้องนอกจากนี้ยังสามารถลดความนูนของเศรษฐกิจ
ประสิทธิภาพโดยการดึงความสนใจของผู้คนออก
จากเศรษฐกิจ ในฐานะที่เป็นนักร้องระบุวิกฤตกำกับดูแลกิจการที่
ทำให้คนมีโอกาสน้อยที่ฐานการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของพวกเขาใน
รัฐของเศรษฐกิจ (นักร้อง, 2011b) และแม้ในช่วง
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นส่วนสำคัญของการเลือกตั้งฐานคะแนนเสียงของพวกเขา
ในประเด็นที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ (นักร้อง, 2011a) . การเชื่อมต่อ
ระหว่างการกำกับดูแลกิจการที่ดีและเศรษฐกิจสามารถแสดง
ในสี่สถานการณ์ที่แตกต่างกันเมื่อทั้งสองอยู่ในภาวะวิกฤต
เมื่อคนใดคนหนึ่งหรืออื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบไม่ดีและเมื่อ
ทั้งสองอยู่ในรูปร่างที่ดี ระบุว่าการศึกษาก่อนหน้าถือว่า
การลงโทษที่แข็งแกร่งสำหรับทั้งการกำกับดูแลที่ไม่ดีและเศรษฐกิจ
ถดถอยผมกำหนดเป็นเกณฑ์สำหรับเศรษฐกิจ
วิกฤตและ B เป็นเกณฑ์สำหรับการกำกับดูแลวิกฤต:
1 การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งสองตัวแปรที่คาดว่าจะมีบทบาทที่แข็งแกร่งใน
การเลือกตั้ง.
2 การเติบโตทางเศรษฐกิจ> และการเปลี่ยนแปลงในการกำกับดูแลที่ดีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเป็นปัญหาสำคัญในการเลือกตั้งและ
เศรษฐกิจที่สำคัญน้อยกว่าใน (1).
3 การเติบโตทางเศรษฐกิจข:
เศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งและที่ดี
ในเรื่องการกำกับดูแลน้อยกว่าใน (1) หรือ (2).
4 การเติบโตทางเศรษฐกิจ> และการเปลี่ยนแปลงในการกำกับดูแลที่ดี> ข:
พิจารณาว่า "เศรษฐกิจอยู่เสมอที่สำคัญ
ปัญหาที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง "(Wlezien, 2005, 556) ผมคาดว่าเศรษฐกิจ
เจริญเติบโตที่จะมีบทบาทหลักในผลการเลือกตั้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภิบาล ชอบทุจริต ความเกี่ยวข้องของไม่ดีธรรมาภิบาล
สามารถ exacerbated โดยเศรษฐกิจตกต่ำ ถ้าคนเห็น
เชื่อมโยงระหว่าง ธรรมาภิบาล และการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอดีต
พิจารณาสาเหตุของหลัง อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ถกเถียงกันว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะปิด

ตาหน้าไม่ดี ( หากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากการทุจริต
การปกครองไม่ดีโดยรวมมีผลต่อช่วงขนาดใหญ่ของ
ด้านของชีวิตของประชาชน ดังนั้น การเติบโตทางเศรษฐกิจควร
น้อยของผู้ดูแลในการปฏิบัติงานโดยรวมของรัฐบาล
เศรษฐกิจ อาจเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้มั่นใจได้รับการสนับสนุน
แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น่าที่จะสนุกกับมัน ถ้าสถาบันและกลไกการปกครองถูก underperforming
. ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งได้รับความชื่นชมของผู้ลงคะแนนสำหรับ

ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจแต่พวกเขาจะถูกลงโทษสำหรับความยากลําบากและ
ประการที่ประชาชนพบเมื่อโต้ตอบกับ
สถาบันการเมืองและประชาชน .
ไม่ดียังสามารถลดความเด่นของกิจการทางเศรษฐกิจโดยการวาดความสนใจของผู้คนไป

จากเศรษฐกิจ เป็นนักร้องแย้ง ธรรมาภิบาลวิกฤต
ให้คนโอกาสน้อยที่จะฐานการตัดสินใจของพวกเขา ลงคะแนนเสียง
สถานะของเศรษฐกิจ ( นักร้อง2011b ) และแม้ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนของเขตเลือกตั้งฐานคะแนนเสียง
ไม่ปัญหาทางเศรษฐกิจ ( นักร้อง 2011a ) การเชื่อมต่อ
ระหว่าง ธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจสามารถแสดง
4 สถานการณ์ที่แตกต่าง : เมื่อทั้งสองอยู่ในภาวะวิกฤต
เมื่ออย่างใดอย่างหนึ่งหรืออื่น ๆ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และเมื่อ
ทั้งสองอยู่ในรูปร่างที่ดี ระบุว่า การศึกษาก่อนหน้านี้ถือว่า
การลงโทษที่แข็งแกร่ง ทั้งธรรมาภิบาลแย่และเศรษฐกิจ
ภาวะถดถอย ผมกำหนดเป็นเกณฑ์สำหรับเศรษฐกิจ
วิกฤตและ b เป็นเกณฑ์ในการบริหารวิกฤต :
1 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในธรรมาภิบาล < a < b :
ทั้งสองตัวแปรที่คาดว่าจะมีบทบาทที่แข็งแกร่งในการเลือกตั้ง
.
2 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในธรรมาภิบาล > < b :
ธรรมาภิบาลเป็นสำคัญปัญหาในการเลือกตั้งและ
เศรษฐกิจสำคัญน้อยกว่า ( 1 )
3 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในธรรมาภิบาล < a > b :
เศรษฐกิจเป็นปัญหาที่สำคัญในการเลือกตั้งและการปกครองที่ดี
เรื่องน้อยกว่า ใน ( 1 ) หรือ ( 2 )
4 การเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในธรรมาภิบาล > > B :
พิจารณาว่า " เศรษฐกิจอยู่เสมอปัญหาสำคัญ
ใช้ " ( wlezien 2005 556 ) ผมคาดว่าเศรษฐกิจ
การเจริญเติบโตจะมีบทบาทหลักในผลการเลือกตั้ง