Paradigm is not for replication but

Paradigm is not for replication but for elaboration in details. From broad to narrow. “ Paradigms gain theur status because they are more successful than their competitors in solving a few problems that the group of practitioners has come to recognize as acute.” Its about being vague and broad to be elaborated and flexible and solving the acute questions.

(25) Scientists in normal science in a paradigm do not follow new phenomena, indeed they forget old ones. They focus on elaborating on the phenomena laid out within their paradigm.

Indeed there are only 3 types of phenomena that paradigmatic scientists pursue. “The determination of significant fact, matching of facts with theory, and articulation of theory.” (34) The basic assumptions necessary to elaborate the theory and facts which are explained by the paradigm theory directly (speed of light). Those areas which pose problems for it from which come laws and universal constants. The second category never arises from random measurement as is taught but is directed by a theory (avogadros number, coulumbs law, right hand rule). And third applying the paradigm to new areas. The application of the paradigm to practical work rarely enters a journal, it is left to engineers and technicians. The work of elaborating the paradigm also makes it more accurate. So to test the electrical theory Columb had to use the theory to construct the instrument with which he makes his measurements

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระบวนทัศน์เป็นไม่ สำหรับการจำลองแบบ แต่ สำหรับในรายละเอียดทุก ๆ จากกว้างไปแคบ "Paradigms theur สถานะเนื่องจากพวกเขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าคู่แข่งในการแก้ปัญหาบางอย่างที่กลุ่มของผู้มาจดจำเป็นเฉียบพลัน โดยไม่รับ" เกี่ยวกับการคลุมเครือ และกว้างเป็น elaborated และยืดหยุ่น ความแก้คำถามเฉียบพลัน(25) นักวิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์ปกติในกระบวนทัศน์การติดตามปรากฏการณ์ใหม่ แท้จริงพวกเขาลืมคนเก่า พวกเขาเน้น elaborating ในปรากฏการณ์ที่วางภายในกระบวนทัศน์ของพวกเขาแน่นอนมีเพียง 3 ชนิดของปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ paradigmatic ไล่ "เรื่องของความจริงที่สำคัญ จับคู่ของข้อเท็จจริงกับทฤษฎี วิคิวลาร์ของทฤษฎี" (34)พื้นฐานสมมติฐานต้องอธิบายทฤษฎีและข้อเท็จจริงที่อธิบายตามกระบวนทัศน์ทฤษฎีโดยตรง (ความเร็วแสง) พื้นที่ดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเรื่องที่มากฎหมายและค่าคงที่สากล ประเภทสองเกิดขึ้นจากการสุ่มวัดไม่ เป็นมีสอนโดยตรงตามทฤษฎี (หมายเลข avogadros, coulumbs กฎหมาย กฎมือขวา) และสามกระบวนทัศน์นำไปใช้กับพื้นที่ใหม่ แอพลิเคชันของกระบวนทัศน์ในการทำงานจริงไม่ค่อยป้อนสมุดรายวัน ด้านวิศวกรและช่างเทคนิค การทำงานของ elaborating กระบวนทัศน์ยังทำให้แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อการทดสอบทฤษฎีไฟฟ้าคอลัมบ์เมได้ใช้ทฤษฎีการสร้างเครื่องมือที่เขาทำให้เขาประเมิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระบวนทัศน์ไม่ซ้ำ แต่สำหรับการวิเคราะห์ในรายละเอียด จากกว้างไปแคบ " กระบวนทัศน์ได้รับ theur สถานะเพราะพวกเขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าคู่แข่งของพวกเขาในการแก้ไขปัญหาบางอย่างที่กลุ่มผู้ปฏิบัติงานมีมาให้รับรู้อย่างเฉียบพลัน ของ " เรื่องที่คลุมเครือและกว้างเป็น elaborated และความยืดหยุ่นและการแก้คำถาม

แบบเฉียบพลัน( 25 ) นักวิทยาศาสตร์ในวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ไม่เป็นไปตามปกติในปรากฏการณ์ใหม่ แน่นอนพวกเขาจะลืมคนเก่า พวกเขามุ่งเน้นไปที่การขยายความในปรากฏการณ์ออกมาวางภายในกระบวนทัศน์ของพวกเขา .

จริงๆมีเพียง 3 ชนิดของปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์ paradigmatic ไล่ตาม " การกำหนดข้อเท็จจริงที่สำคัญ การจับคู่ของข้อเท็จจริงของทฤษฎีและการปฏิบัติของทฤษฎี" ( 34 ) สมมติฐานพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อความละเอียดข้อเท็จจริงทฤษฎีซึ่งอธิบายด้วยทฤษฎีกระบวนทัศน์โดยตรง ( ความเร็วแสง ) พื้นที่เหล่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดปัญหามันมาจากที่กฎหมายและค่าคงที่สากล ประเภทที่สองไม่เคยเกิดขึ้นจากการวัดแบบสุ่มตามที่สอน แต่กำกับโดยทฤษฎี ( avogadros หมายเลข coulumbs กฎหมายสิทธิกฎมือ )และสามการใช้กระบวนทัศน์ในพื้นที่ใหม่ การใช้กระบวนทัศน์การปฏิบัติงานไม่ค่อยได้เข้ามาบันทึก มันคือซ้ายกับวิศวกร และช่างเทคนิค งานเนื่องจากกระบวนทัศน์ยังทำให้มันถูกต้องมากขึ้น ดังนั้นเพื่อทดสอบทฤษฎีไฟฟ้าพื้นที่ต้องใช้ทฤษฎีการสร้างเครื่องมือวัดของเขาที่เขาทำให้