ANCIENT ORIGINS OF TRICK-OR-TREATIN

ANCIENT ORIGINS OF TRICK-OR-TREATING
Halloween has its roots in the ancient, pre-Christian Celtic festival of Samhain, which was celebrated on the night of October 31. The Celts, who lived 2,000 years ago in the area that is now Ireland, the United Kingdom and northern France, believed that the dead returned to earth on Samhain. People would gather to light bonfires, offer sacrifices and pay homage to the deceased.

Did You Know?
Although it is unknown precisely where and when the phrase “trick or treat” was coined, the custom had been firmly established in American popular culture by 1951, when trick-or-treating was depicted in the Peanuts comic strip. In 1952, Disney produced a cartoon called “Trick or Treat” featuring Donald Duck and his nephews Huey, Dewey and Louie.

During someCeltic celebrations of Samhain, villagers disguised themselves in costumes made of animal skins to drive away phantom visitors; banquet tables were prepared and edible offerings were left out to placate unwelcome spirits. In later centuries, people began dressing as ghosts, demons and other malevolent creatures, performing antics in exchange for food and drink. This custom, known as mumming, dates back to the Middle Ages and is thought to be an antecedent of trick-or-treating.

EARLY CHRISTIAN AND MEDIEVAL ROOTS OF TRICK-OR-TREATING
By the ninth century, Christianity had spread into Celtic lands, where it gradually blended with and supplanted older pagan rites. In 1000 A.D. the church designated November 2 as All Souls’ Day, a time for honoring the dead. Celebrations in England resembled Celtic commemorations of Samhain, complete with bonfires and masquerades. Poor people would visit the houses of wealthier families and receive pastries called soul cakes in exchange for a promise to pray for the souls of the homeowners’ dead relatives. Known as souling, the practice was later taken up by children, who would go from door to door asking for gifts such as food, money and ale.

In Scotland and Ireland, young people took part in a tradition called guising, dressing up in costume and accepting offerings from various households. Rather than pledging to pray for the dead, they would sing a song, recite a poem, tell a joke or perform another sort of “trick” before collecting their treat, which typically consisted of fruit, nuts or coins.

GUY FAWKES NIGHT CELEBRATIONS
Still another potential trick-or-treating predecessor is the British custom for children to wear masks and carry effigies while begging for pennies on Guy Fawkes Night (also known as Bonfire Night), which commemorates the foiling of the so-called Gunpowder Plot in 1605. On November 5, 1606, Fawkes was executed for his role in the Catholic-led conspiracy to blow up England’s parliament building and remove King James I, a Protestant, from power. On the original Guy Fawkes Day, celebrated immediately after the famous plotter’s execution, communal bonfires, or “bone fires,” were lit to burn effigies and the symbolic “bones” of the Catholic pope. By the early 19th century, children bearing effigies of Fawkes were roaming the streets on the evening of November 5, asking for “a penny for the Guy.”

TRICK-OR-TREATING IN THE UNITED STATES
Some American colonists celebrated Guy Fawkes Day, and in the mid-19th century large numbers of new immigrants, especially those fleeing Ireland’s potato famine in the 1840s, helped popularize Halloween. In the early 20th century, Irish and Scottish communities revived the Old World traditions of souling and guising in the United States. By the 1920s, however, pranks had become the Halloween activity of choice for rowdy young people, sometimes amounting to more than $100,000 in damages each year in major metropolitan areas.

The Great Depression exacerbated the problem, with Halloween mischief often devolving into vandalism, physical assaults and sporadic acts of violence. One theory holds that it was the excessive pranks on Halloween that led to the widespread adoption of an organized, community-based trick-or-treating tradition in the 1930s. This trend was abruptly curtailed, however, with the outbreak of World War II, when children had to refrain from trick-or-treating because of sugar rationing.

At the height of the postwar baby boom, trick-or-treating reclaimed its place among other Halloween customs, quickly becoming standard practice for millions of children in America’s cities and newly built suburbs. No longer constrained by sugar rationing, candy companies capitalized on the lucrative ritual, launching national advertising campaigns specifically aimed at Halloween. Today, Americans spend an estimated $6 billion annually on Halloween, making it the nation’s second-largest commercial holiday.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำเนิดของทริกออร์ทรีตฮาโลวีนมีรากของมันในงานเทศกาลเซลติกโบราณ ก่อนคริสเตียนของไร Samhain ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม เซลติกส์ ที่อาศัยอยู่ 2000 ปีมาแล้วในพื้นที่ที่เป็นไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสเหนือ เชื่อว่าคนตายกลับไปที่โลกบนไร Samhain ท่านจะรวบรวมเพื่อคบไฟ บูชา และสักการะผู้เสียชีวิตคุณรู้ไหมถึงแม้ว่ามันเป็นที่รู้จักได้อย่างแม่นยำที่ และเมื่อวลี "trick or treat" แต่ง กำหนดเองที่มีการมั่นคงสร้างในวัฒนธรรมอเมริกันนิยม โดย 1951 เมื่อทริกออร์ทรีตถูกถ่ายทอดออกมาในการ์ตูนถั่วลิสง ในปี 1952 ดิสนีย์ผลิตการ์ตูนที่เรียกว่า "เคล็ดลับหรือรักษา" โดนัลด์ดั๊กและหลานชายของเขาฮิวอี้ Dewey และ Louieระหว่างไร Samhain ฉลอง someCeltic ชาวบ้านปลอมแปลงตัวเองในเครื่องแต่งกายทำจากหนังสัตว์ขับชมแฝงเก็บ จัดเลี้ยงโต๊ะถูกเตรียม และกินออนไลน์ถูกปล่อยออกมาเพื่อปลอบโยนวิญญาณที่ไม่พึงประสงค์ ในศตวรรษต่อมา คนเริ่มแต่งตัวเป็นผี ปีศาจ และ สัตว์อื่น ๆ ซึ่งคิดร้าย การแสดงตลกเพื่อแลกกับอาหารและเครื่องดื่ม นี้กำหนดเอง ที่รู้จักกันเป็น mumming ย้อนกลับไปยุคกลาง และคิดว่า จะ มีมาก่อนของทริกออร์ทรีตรากคริสเตียน และยุคต้นของทริกออร์ทรีตโดยศตวรรษเก้า ศาสนาคริสต์ได้แพร่กระจายเข้าสู่ดินแดนเซลติก ที่ค่อย ๆ ผสมด้วย และ supplanted พิธีกรรมศาสนาเก่า ในประจำพ.ศ. 1000 ศาสนจักรกำหนด 2 พฤศจิกายนเป็นวัน'วิญญาณทั้งหมด เวลาสำหรับเคารพคนตายนั้น ฉลองในอังกฤษคล้าย commemorations เซลติกของไร Samhain คบและชวน คนจนต้องแวะไปที่บ้านของครอบครัว wealthier และได้รับขนมเค้กจิตวิญญาณเพื่อแลกกับสัญญาที่จะอธิษฐานขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าของบ้านตายญาติเรียกว่า เรียกว่า souling การปฏิบัติภายหลังพาขึ้น โดยเด็ก ที่จะไปถึงประตูขอให้ของขวัญเช่นอาหาร เงิน และเบียร์ในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ คนหนุ่มสาวได้เป็นส่วนหนึ่งในประเพณีที่เรียกว่า guising แต่งเครื่องแต่งกาย และการยอมรับจากครัวเรือนต่าง ๆ แทนที่จะขึ้นไปสวดมนต์คนตาย พวกเขาจะร้องเพลง อ่านบทกวี เล่าเรื่องตลก หรือทำอื่นเรียงลำดับของ "เคล็ดลับ" ก่อนที่จะเก็บรักษาของพวกเขา ซึ่งโดยทั่วไปของผลไม้ ถั่ว หรือเหรียญผู้ชายฟอกส์คืนเฉลิมฉลองก่อนหน้า trick-or-treating ศักยภาพอื่นยังคงนี้เองอังกฤษเด็กสวมหน้ากาก และมีสลักขณะขอทานสำหรับ pennies ในผู้ชายฟอกส์คืน (หรือที่เรียกว่าแคลอรี), ซึ่งปรม foiling ของสิ่งที่เรียกว่าแผนดินปืนในค.ศ. 1605 5 พฤศจิกายน 1606 ฟอกส์ดำเนินการสำหรับบทบาทของเขาในสมรู้ร่วมคิดนำคาทอลิกจะระเบิดอาคารรัฐสภาของอังกฤษและกษัตริย์เจมส์เอาฉัน เป็นโปรเตสแตนต์ จากอำนาจ วันเดิมผู้ชายฟอกส์ ทันทีหลังจากการดำเนินการของพล็อตเตอร์มีชื่อเสียง การเฉลิมฉลองคบกลาง หรือ "ไฟไหม้ กระดูก" ถูกไฟเขียนสลักและสัญลักษณ์ "กระดูก" ของสมเด็จพระสันตะปาปาคาทอลิก โดยต้นศตวรรษที่ 19 เด็กแบริ่งสลักของฟอกส์ถูกข้ามถนนในช่วงเย็นของวันที่ 5 พฤศจิกายน ขอ "มีสตางค์สำหรับผู้ชาย"ทริกออร์ทรีตในสหรัฐอเมริกาบางอาณานิคมอเมริกันฉลองวันฟอกส์ผู้ชาย และในกลาง ศตวรรษ จำนวนมากอพยพใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หลบหนีอดอยากมันฝรั่งของไอร์แลนด์ในทศวรรษที่ 1840 ช่วยผลักฮาโลวีน ในต้นศตวรรษที่ 20 ไอริช และสก็อตชุมชนฟื้นฟูประเพณีเก่าของ souling และ guising ในสหรัฐอเมริกา โดยปีค.ศ. 1920 อย่างไรก็ตาม แผลงเป็น กิจกรรมฮาโลวีนของทางเลือกสำหรับคนหนุ่มเกเร บางครั้งเป็นเงินกว่า $100,000 ในความเสียหายในแต่ละปีในปริมณฑลที่สำคัญตกต่ำเลวร้ายปัญหา ฮาโลวีนร้าย devolving มักจะเป็นการก่อกวน โจมตีทางกายภาพ และการกระทำความรุนแรงประปราย ทฤษฎีหนึ่งถือว่า เป็นการแผลงมากเกินไปฮาโลวีนที่นำไปสู่การยอมรับอย่างกว้างขวางของประเพณี trick-or-treating การจัด ชุมชนในทศวรรษ 1930 แนวโน้มนี้ได้ทันทีถูกตัดทอน อย่างไรก็ตาม กับการระบาดของสงครามโลกครั้งที่ เมื่อเด็กมีงดทริกออร์ทรีตเนื่องจากการปันส่วนน้ำตาลที่ความสูงของบูมเด็กหลังสงคราม คืนทริกออร์ทรีตทำให้คนอื่น ๆ ศุลกากรฮาโลวีน รวดเร็วกลายเป็น มาตรฐานการปฏิบัติสำหรับการนับล้านคนในเมืองและชานเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ของอเมริกา ไม่จำกัด โดยน้ำตาลที่ปันส่วน บันทึกในพิธีกรรมร่ำรวย ลูกกวาดบริษัทเปิดตัวแคมเปญโฆษณาแห่งชาติโดยเฉพาะมุ่งเป้าไปที่ฮาโลวีน วันนี้ ชาวอเมริกันใช้จ่ายที่ประมาณ 6 พันล้านเหรียญต่อปีในฮัลโลวี ทำพาณิชย์ใหญ่อันดับสองของประเทศวันหยุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ORIGINS โบราณของทริกออร์ทรีต
ฮาโลวีนมีรากในสมัยโบราณก่อนคริสเตียนเซลติกเทศกาล Samhain ซึ่งได้รับการเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมเซลติกส์ที่อาศัยอยู่ 2,000 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่ว่าขณะนี้เป็นไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักรและภาคเหนือของฝรั่งเศสเชื่อว่าคนตายกลับไปยังแผ่นดินบน Samhain คนจะรวมตัวกันเพื่อกองไฟถวายและกราบไหว้ผู้ตาย.

รู้หรือไม่?
แม้ว่ามันจะไม่เป็นที่รู้จักอย่างแม่นยำที่ไหนและเมื่อวลีที่ว่า "เคล็ดลับหรือรักษา" ได้รับการประกาศเกียรติคุณที่กำหนดเองได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงในวัฒนธรรมอเมริกันนิยมโดย 1951 เมื่อทริกออร์ทรีตเป็นภาพในถั่วลิสงการ์ตูน . ในปี 1952, Disney ผลิตการ์ตูนที่เรียกว่า "Trick or Treat" เนื้อเรื่องเป็ดโดนัลด์และหลานชายของเขาฮิวอี้ดิวอี้และหลุย

ระหว่างการเฉลิมฉลองของ someCeltic Samhain ชาวบ้านปลอมตัวในเครื่องแต่งกายที่ทำจากหนังสัตว์ที่จะขับรถออกไปผู้เข้าชมผี; ตารางที่จัดเลี้ยงได้จัดทำและการนำเสนอที่กินได้ถูกปล่อยออกมาเพื่อปิดปากวิญญาณที่ไม่พึงปรารถนา หลังจากนั้นในศตวรรษคนเริ่มการแต่งกายเป็นผีปีศาจและสัตว์ร้ายอื่น ๆ , การแสดงการแสดงตลกในการแลกเปลี่ยนสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ประเพณีนี้เป็นที่รู้จัก mumming, วันที่กลับไปในยุคกลางและคิดว่าจะเป็นมาก่อนของทริกออร์ทรีต.

คริสเตียนและรากในยุคกลางของทริกออร์ทรีต
โดยศตวรรษที่สิบเก้าคริสต์ได้แพร่กระจายเข้าไปในดินแดนเซลติก ที่มันค่อยๆผสมกับและแทนที่ด้วยพิธีกรรมศาสนาเก่า 1000 AD คริสตจักรที่กำหนด 2 พฤศจิกายนเป็นวัน All Souls 'เวลาสำหรับการเคารพความตาย ฉลองสิริราชสมบัติในอังกฤษคล้าย commemorations เซลติก Samhain สมบูรณ์ด้วยกองและปลอม คนยากจนจะไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวที่ร่ำรวยและได้รับการเรียกว่าขนมเค้กขนมอบจิตวิญญาณเพื่อแลกกับสัญญาว่าจะอธิษฐานขอให้ดวงวิญญาณของญาติคนตายเจ้าของบ้านที่ ที่รู้จักกันเป็น souling การปฏิบัติหลังจากนำขึ้นมาจากเด็กที่จะไปจากประตูไปที่ประตูขอของขวัญเช่นอาหาร, เงินและเบียร์.

ในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์คนหนุ่มสาวเข้ามามีส่วนร่วมในประเพณีที่เรียกว่า Guising, การแต่งเนื้อแต่งตัวในเครื่องแต่งกาย และยอมรับข้อเสนอจากผู้ประกอบการต่างๆ แทนที่จะให้คำมั่นว่าจะอธิษฐานขอให้ตายพวกเขาจะร้องเพลงท่องบทกวีที่บอกเป็นเรื่องตลกหรือดำเนินการเรียงลำดับของ "เคล็ดลับ" อีกก่อนที่จะเก็บรวบรวมรักษาของพวกเขาซึ่งมักจะประกอบไปด้วยผลไม้ถั่วหรือเหรียญ.

ฉลอง Guy Fawkes คืน
ยังคง อื่นที่มีศักยภาพบรรพบุรุษทริกออร์ทรีตเป็นที่กำหนดเองอังกฤษสำหรับเด็กที่จะสวมหน้ากากและดำเนินการในขณะที่ effigies ขอทานสำหรับ pennies กับ Guy Fawkes คืน (ยังเป็นที่รู้จักกันในกองไฟกลางคืน) ซึ่งเอกราชของลายที่เรียกว่าพล็อตดินปืนใน 1605 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1606, Fawkes ถูกประหารชีวิตสำหรับบทบาทของเขาในการสมรู้ร่วมคิดคาทอลิกนำไปสู่การระเบิดอาคารรัฐสภาของอังกฤษและลบคิงเจมส์ฉันโปรเตสแตนต์จากอำนาจ กับต้นฉบับที่เป็นผู้ชายวัน Fawkes ฉลองทันทีหลังจากการดำเนินการพล็อตที่มีชื่อเสียงของกองชุมชนหรือ "ไฟกระดูก" ถูกไฟจะเผาไหม้ effigies และสัญลักษณ์ "กระดูก" ของสมเด็จพระสันตะปาปาคาทอลิก โดยในช่วงต้นศตวรรษที่ 19, เด็กแบก effigies ของ Fawkes ถูกถนนสัญจรในตอนเย็นวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ขอ "เงินหาผู้ชายได้."

ทริกออร์ทรีตในสหรัฐอเมริกา
บางอาณานิคมอเมริกันเฉลิมฉลอง Guy Fawkes วันและ ในจำนวนมากกลางศตวรรษที่ 19 ของผู้อพยพใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หลบหนีความอดอยากมันฝรั่งของไอร์แลนด์ในยุค 1840, ช่วยให้ติดตลาดฮาโลวีน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ชุมชนไอริชและสก็อตฟื้นประเพณีเก่าแก่โลกของ souling และ Guising ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปี ค.ศ. 1920 แต่เล่นแผลง ๆ ได้กลายเป็นกิจกรรมวันฮาโลวีนของทางเลือกสำหรับคนหนุ่มสาวนักเลงบางครั้งเป็นจำนวนเงินมากกว่า $ 100,000 ในความเสียหายในแต่ละปีในเขตปริมณฑลที่สำคัญ.

ตกต่ำเลวร้ายปัญหาที่มีความชั่วร้ายฮาโลวีนมักจะจุติลงในป่าเถื่อนทางกายภาพ ข่มขืนและทำหน้าที่เป็นระยะ ๆ ของความรุนแรง หนึ่งในทฤษฎีที่ถือได้ว่ามันเป็นแผลงมากเกินไปในวันฮาโลวีนที่นำไปสู่การยอมรับอย่างกว้างขวางจากการจัดประเพณีทริกออร์ทรีตชุมชนในช่วงทศวรรษที่ 1930 แนวโน้มนี้ได้ลดทันที แต่การที่มีการระบาดของสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อเด็กมีการละเว้นจากการหลอกลวงหรือการรักษาเนื่องจากการปันส่วนน้ำตาล.

ที่ระดับความสูงของน้องบูมหลังสงครามทริกออร์ทรีตยึดสถานที่ในหมู่ ฮาโลวีนศุลกากรอื่น ๆ อย่างรวดเร็วกลายเป็นมาตรฐานการปฏิบัติสำหรับล้านของเด็กในเมืองของอเมริกาและชานเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ จำกัด โดยการปันส่วนน้ำตาล บริษัท ลูกอมทุนในพิธีกรรมร่ำรวยเปิดตัวแคมเปญโฆษณาระดับชาติที่มุ่งเน้นเฉพาะวันฮาโลวีน วันนี้ชาวอเมริกันใช้จ่ายประมาณ $ 6000000000 เป็นประจำทุกปีในวันฮาโลวีนทำให้ประเทศวันหยุดค้าที่ใหญ่ที่สุดที่สอง