ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (History of the Holidays: Easter)อีสเต การแปล - ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (History of the Holidays: Easter)อีสเต ไทย วิธีการพูด

ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (Hi

ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (History of the Holidays: Easter)

อีสเตอร์ วันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสต์ เป็นการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แล้วปาฏิหาริย์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระต่ายและไข่หลากสีด้วย คำตอบซ่อนอยู่ในพิธีกรรมและประเพณีที่สืบต่อกันมาเป็นหลายร้อยชั่วอายุคน

ตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต (The Apostle) เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) เพื่อประกอบพิธี Passover ซึ่งเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวเพื่อรำลึกถึงการที่ชาวฮิบรูได้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส หลังอาหารค่ำในพิธี Passover พระเยซูทรงถูกจับกุม และในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่า วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่เพียงสองวันนับจากนั้น ท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์

ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์นี้ โดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Passover ที่จริงแล้ว การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่า Pascha ซึ่งมาจากคำว่า Pasach คำในภาษายิวที่แปลว่า Passover

เดิมที เทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจากวัน Passover ดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตย์ แต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธ ออกจะรู้สึกแปลกๆอยู่

ในปี ค.ศ. 325 จักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ของอาณาจักรโรมัน และที่ประชุมแห่งไนเซีย (The Council of Nicaea) ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา วันอีสเตอร์ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์นั้น จะเป็นวันอาทิตย์แรก หลังพระจันทร์เต็มดวงในวัน Spring Equinox ซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-25 เมษายน

ในช่วงเดียวกันนี้ ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลองเทศกาลอีกสเตอร์ขึ้นเป็นอย่างแรก นั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา (Paschal Candle) ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เป็นเหมือนแสงที่ส่องสว่างออกมาท่ามกลางความมืดมิด

ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป มีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย ที่จริงแล้ว คาดว่าคำว่า อีสเตอร์ (Easter) อาจจะมาจากชื่อของ เทพีเอสตรา (Eastra) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์ (Easter Egg)

ไข่เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดตามความเชื่อในตำนานมาเป็นพันๆปี คาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไข่แดงในเปลือกเป็นสัญลักษณ์แทนการปรากฏตัวของพระคริสต์จากหลุมฝั่งพระศพ และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน

ไม่นาน ไข่อีสเตอร์หลากสีก็ได้มีประเพณีเป็นของมันเอง และประเพณีที่เป็นที่ชื่นชอบมากคือประเพณีการกลิ้งไข่อีอีสเตอร์ (Egg Rolling) ในปี ค.ศ. 1876 สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆเล่นการละเล่นนี้ในพื้นที่ของสภา ดังนั้น ประธานาธิบดี รัทเธอร์ฟอร์ด บี. เฮส จึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆได้เข้ามาเล่นกัน หลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ประจำทำเนียบขาว (The White House Easter Egg Roll) ก็กลายเป็นประเพณีประจำที่เกิดขึ้นทุกปี

แล้วกระต่ายอีสเตอร์กระโดดมาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลได้อย่างไร กระต่ายวัยเจริญพันธุ์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เกิดใหม่ตามความเชื่อของเพเกนมาเป็นเวลานาน ในช่วงศตวรรษที่ 16 พ่อแม่เริ่มบอกลูกตัวเองว่า ถ้าเด็กๆเป็นเด็กดี กระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้าน เด็กๆก็จะทำรังไว้ในบ้าน เพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามา นี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ (Ester Egg Hunt) และตะกร้าไข่อีสเตอร์ (Easter Basket)

เพื่อช่วยให้เด็กๆ เติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้น ช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรป ในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมา ขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และคนในปัจจุบันใช้เงินเป็นพันๆล้านดอลลาร์ทุกปี เพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์

เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมาย บ้างเป็นประเพณีทางศาสนา และบ้างก็เป็นประเพณีเพื่อความสนุกสนาน แต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วย ฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็นของฤดูหนาว

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (ประวัติของวันหยุด: อีสเตอร์)

ตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต (อัครสาวก) เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) เพื่อประกอบพิธีปัสกาหลังอาหารค่ำในพิธีปัสกาพระเยซูทรงถูกจับกุมและในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวันศุกร์ประเสริฐ (ดีศุกร์) พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่เพียงสองวันนับจากนั้นท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์
ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์นี้ โดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล ปัสกาที่จริงแล้ว การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่า pascha ซึ่งมาจากคำว่า pasach คำในภาษายิวที่แปลว่า
เดิมที เทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจากวัน เทศกาลปัสกา ดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตย์ แต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธออกจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่

ในปี ค.ศ.325 จักรพรรดิคอนสแตนติน (คอนสแตนติ) ของอาณาจักรโรมันและที่ประชุมแห่งไนเซีย (สภาไนซีอา) ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจะเป็นวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืนฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม -25 เมษายน
ในช่วงเดียวกันนี้ ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลองเทศกาลอีกสเตอร์ขึ้นเป็นอย่างแรก นั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา (เทียนปาสคาล) ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป มีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย ที่จริงแล้วคาดว่าคำว่าอีสเตอร์ (อีสเตอร์) อาจจะมาจากชื่อของเทพีเอสตราเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์ (ไข่อีสเตอร์)

ไม่นาน ไข่อีสเตอร์หลากสีก็ได้มีประเพณีเป็นของมันเอง และประเพณีที่เป็นที่ชื่นชอบมากคือประเพณีการกลิ้งไข่อีอีสเตอร์ (ไข่กลิ้ง) ในปี ค.ศ.1876 สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆเล่นการละเล่นนี้ในพื้นที่ของสภา ดังนั้นประธานาธิบดีรัทเธอร์ฟอร์ดบีเฮส จึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆได้เข้ามาเล่นกัน หลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ประจำทำเนียบขาว (บ้านสีขาวม้วนไข่อีสเตอร์) ก็กลายเป็นประเพณีประจำที่เกิดขึ้นทุกปี

กระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้าน เด็ก ๆ ก็จะทำรังไว้ในบ้านเพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามา นี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ (เอสเตอร์ล่าไข่) และตะกร้าไข่อีสเตอร์ (ตะกร้าอีสเตอร์)
เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ เติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้น ช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรปในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมาขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกเพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์
เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมายบ้างเป็นประเพณีทางศาสนา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (ประวัติของวันหยุด: อีสเตอร์)

อีสเตอร์วันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสต์เป็นการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูแล้วปาฏิหาริย์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระต่ายและไข่หลากสีด้วย
เพื่อประกอบพิธีตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต (อัครสาวก) เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม (เยรูซาเลม) เทศกาลปัสกา หลังอาหารค่ำในพิธีเทศกาลปัสกาพระเยซูทรงถูกจับกุมและในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวันศุกร์ประเสริฐ (วันศุกร์ดี) พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแต่เพียงสองวันนับจากนั้นท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์

ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์นี้โดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเทศกาลปัสกาที่จริงแล้วการเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่าอย่างไร Pascha ซึ่งมาจากคำว่า Pasach คำในภาษายิวที่แปลว่า
เดิมทีเทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจากวันเทศกาลปัสกาดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตย์แต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธออกจะรู้สึกแปลกๆอยู่

ในปีค.ศ 325 จักรพรรดิคอนสแตนติน (คอนสแตนติน) ของอาณาจักรโรมันและที่ประชุมแห่งไนเซีย (สภาไนเซีย) ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา จะเป็นวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวันฤดูใบไม้ผลิวิษุวัตซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-25 เมษายน

ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูในช่วงเดียวกันนี้ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลองเทศกาลอีกสเตอร์ขึ้นเป็นอย่างแรกนั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา (เทียนปาสคาล)
ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรปมีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วยที่จริงแล้วคาดว่าคำว่าอีสเตอร์ (อีสเตอร์) อาจจะมาจากชื่อของเทพีเอสตรา เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์ (ไข่อีสเตอร์)

ไข่เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดตามความเชื่อในตำนานมาเป็นพันๆปีคาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน

ค.ศในปีไม่นานไข่อีสเตอร์หลากสีก็ได้มีประเพณีเป็นของมันเองและประเพณีที่เป็นที่ชื่นชอบมากคือประเพณีการกลิ้งไข่อีอีสเตอร์ (ไข่ม้วน) 1876 สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆเล่นการละเล่นนี้ในพื้นที่ของสภาดังนั้นประธานาธิบดีรัทเธอร์ฟอร์ดบี เฮสจึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆได้เข้ามาเล่นกันหลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ประจำทำเนียบขาว (บ้านขาวไข่อีสเตอร์ม้วน) ก็กลายเป็นประเพณีประจำที่เกิดขึ้นทุกปี

พ่อแม่เริ่มบอกลูกตัวเองว่าแล้วกระต่ายอีสเตอร์กระโดดมาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลได้อย่างไรกระต่ายวัยเจริญพันธุ์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เกิดใหม่ตามความเชื่อของเพเกนมาเป็นเวลานานในช่วงศตวรรษที่ 16 กระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้านเด็กๆก็จะทำรังไว้ในบ้านเพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามาและตะกร้าไข่อีสเตอร์นี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ (เอสไข่ล่า) (ตะกร้าอีสเตอร์)

เพื่อช่วยให้เด็ก ๆ เติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้นช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรปในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมาขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์

เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูแค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมายบ้างเป็นประเพณีทางศาสนา แต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วยฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็นของฤดูหนาว

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์(ประวัติศาสตร์ของวันหยุดนักขัตฤกษ์:วันอีสเตอร์)

อีสเตอร์วันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสเป็นการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซแล้วปาฏิหาริย์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระต่ายแ
ตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต(ผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ครั้งแรก)เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม(เยรูซาเล็ม)เพื่อประกอบพิธีเทศกาลเทศกาลหลังอาหารค่ำในพิธีพระเยซูทรงถูกจับกุมและในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่าวันศุกร์ประเสริฐ(ที่ดีวันศุกร์)พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแต่เพียงสองวันนับจากนั้นท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์

ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองกาโดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเทศกาลที่จริงแล้วการเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่า pascha ซึ่งมาจากคำว่าคือปาสัคบิมฮาล คำในภาษายิวที่แปลว่า
เดิมทีเทศกาลเทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจาดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตแต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธออกจะรู้สึกแปลกๆอยู่

ในปีค.ศ.325 จักรพรรดิคอนสแตนติน( Constantine )ของอาณาจักรโรมันและที่ประชุมแห่งไนเซีย(คณะมนตรีแห่ง nicaea )ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนจะเป็นวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวันฤดูใบไม้ผลิ Equinox ซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม - 25 เมษายน

ในช่วงเดียวกันนี้ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลองเทศกาลอนั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา( paschal เทียน)ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคื
ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุมีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่าที่จริงแล้วคาดว่าคำว่าอีสเตอร์(วันอีสเตอร์)อาจจะมาจากชื่อของเทพีเอสตราเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์(วันอีสเตอร์ไข่)

ไข่เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดตามความเชื่อในตคาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธ 13และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตท
ไม่นานไข่อีสเตอร์หลากสีก็ได้มีประเพณีเป็นของมันเและประเพณีที่เป็นที่ชื่นชอบมากคือประเพณีกา(ไข่เป็นลอนคลื่น)ในปีค.ศ.สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆเล่นการละเล่นนี้ใน ดังนั้นเมื่อปี 1876 ประธานาธิบดีรัทเธอร์ฟอร์ดบี.เฮสจึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆได้เข้หลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ประจำทำเ(บ้านสีขาววันอีสเตอร์ไข่ไก่หมุน) ก็กลายเป็นประเพณีประจำที่เกิดขึ้นทุกปี

แล้วกระต่ายอีสเตอร์กระโดดมาเป็นส่วนหนึ่งขอกระต่ายวัยเจริญพันธุ์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 16 พ่อแม่เริ่มบอกลูกตัวเองว่ากระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้าเด็กๆก็จะทำรังไว้ในบ้านเพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามานี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์( Ester ไข่ล่า)และตะกร้าไข่อีสเตอร์(วันอีสเตอร์ตะแกรง)

เพื่อช่วยให้เด็กๆเติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้นช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรปในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมาขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกเพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์
ตามมาตรฐาน
เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริแค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใถูกผนวกเข้าไว้มากมายบ้างเป็นประเพณีทางศาสนาแต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็น
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: