The aim of this study was to compar

The aim of this study was to compare efficacy and safety of Allium Curcuma with glibenclamide in type-2 diabetes mellitus with or without dyslipidemia. Thirty five patients were recruited and randomized into 2 groups for 14 weeks treatment and assessment. One group received study drug, three times two capsules containing 200 mg turmeric and 200 mg allium extract per day. The other group received 1 capsule of 5 mg glibenclamide as standard drug per day. After 14 weeks of treatment patients with allium curcuma treatment showed significant decreased in fasting blood glucose (192.76 versus 141.71 mg/dL) and 2 hours post-prandial blood glucose (295.35 versus 204.35 mg/dL). HbA1C level was also significantly decreased (10.41 versus8.09). No difference was found in blood pressure, hematology profile, liver and kidney function of both groups. In conclusion, allium curcuma has potential to be used as antidiabetic agent.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ เปรียบเทียบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Allium ขมิ้นกับ glibenclamide ในเบาหวานชนิดที่ 2 มี หรือไม่ มีไขมัน คัดเลือก และสุ่มเป็น 2 กลุ่มสำหรับการรักษา 14 สัปดาห์และประเมินผู้ป่วยสามสิบห้า กลุ่มหนึ่งได้รับยา แยกสามครั้งสองแคปซูลที่ประกอบด้วยขมิ้นชัน 200 มก.และ allium 200 มก.ต่อวัน กลุ่มได้รับของ glibenclamide 5 มิลลิกรัม 1 แคปซูลเป็นยามาตรฐานต่อวัน หลังจาก 14 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยที่มี allium ขมิ้นรักษาพบว่ามีนัยสำคัญลดลงระดับน้ำตาลในเลือดการถือศีลอด (192.76 เทียบกับ 141.71 mg/dL) และ 2 ชั่วโมงหลัง prandial เลือด (295.35 กับ 204.35 mg/dL) ระดับ HbA1C ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (10.41 versus8.09) ความแตกต่างไม่พบความดันโลหิต ประวัติโรคเลือด ตับ และไตของทั้งสองกลุ่ม ในบทสรุป allium ขมิ้นมีศักยภาพที่จะใช้เป็นตัวแทน antidiabetic

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Allium Curcuma กับ glibenclamide ในชนิดที่ 2 โรคเบาหวานที่มีหรือไม่มีภาวะไขมันผิดปกติ ผู้ป่วยสามสิบห้าได้รับคัดเลือกและแบ่งเป็น 2 กลุ่มสำหรับการรักษา 14 สัปดาห์และการประเมินผล หนึ่งในกลุ่มที่ได้รับยาเสพติดการศึกษาสามครั้งสองแคปซูลมี 200 มิลลิกรัมขมิ้นและ 200 มก. สารสกัดจาก Allium ต่อวัน กลุ่มอื่น ๆ ที่ได้รับ 1 แคปซูล 5 มิลลิกรัม glibenclamide เป็นยามาตรฐานต่อวัน หลังจาก 14 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยด้วยการรักษา Allium ขมิ้นชันลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการอดอาหารระดับน้ำตาลในเลือด (192.76 เมื่อเทียบกับ 141.71 mg / dL) และ 2 ชั่วโมงหลัง prandial ระดับน้ำตาลในเลือด (295.35 เมื่อเทียบกับ 204.35 mg / dL) ระดับ HbA1C ยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (10.41 versus8.09) ไม่พบความแตกต่างในความดันโลหิตรายละเอียดโลหิตวิทยาตับและไตทำงานของทั้งสองกลุ่ม ในการสรุป Allium ขมิ้นชันมีศักยภาพที่จะใช้เป็นตัวแทนเบาหวาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของเลียม ขมิ้นชัน กับ ไกลเบนคลาไมด์ในโรคเบาหวานประเภทที่มีและไม่มีภาวะไขมันในเลือดสูง . สามสิบห้าผู้ป่วยที่ได้คัดเลือกแบบสุ่มเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มและ 14 สัปดาห์ การรักษาและการประเมิน หนึ่งในกลุ่มที่ได้รับยาศึกษา สามครั้งที่สองแคปซูลบรรจุ 200 มิลลิกรัมและสารสกัดขมิ้นเลี่ยม 200 มิลลิกรัมต่อวัน กลุ่มอื่น ๆที่ได้รับ 1 แคปซูล 5 ไกลเบนคลาไมด์ mg เป็นยามาตรฐานต่อวัน หลังจาก 14 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยด้วยการรักษาขมิ้นเลี่ยมอย่างมีนัยสำคัญลดลงในการอดอาหารระดับน้ำตาลในเลือด ( 192.76 เมื่อเทียบกับ 141.71 mg / dl ) และ 2 ชั่วโมงภายหลังเผยระดับน้ำตาลในเลือด ( 295.35 เมื่อเทียบกับ 204.35 มก. / ดล. ) ระดับผลการศึกษาก็ลดลง ( 10.41 versus8.09 ) แต่ไม่พบความแตกต่างในความดันโลหิต โลหิตวิทยา โปรไฟล์ ตับและไตของทั้งสองกลุ่ม สรุป เลี่ยม ขมิ้นชัน มีศักยภาพที่จะใช้เป็นตัวแทนกว่า .