History of Surat ThaniSurat Thani i

History of Surat Thani
Surat Thani is a city with a long history. Archeologists believe that it was once a community of prehistoric tribes of indigenous people including the Saemang and original Malays who built their communities on the Tapee River Basin and Ao Ban Don. Later on, the Indians migrated into the area and gradually spread out their culture, as evidenced in the discovery of ruins of ancient communities in Tha Chana and Chaiya Sub-districts.
In the 13th century, the city became a part of and, as some historians might claim, a center of the glorious Srivijaya Empire the kingdom that dominated the whole Malay Peninsula and much of Java. It was during this period that Mahayana Buddhist reached its height of influence. The empires grandeur can still be admired in many areas of Chaiya District.
When the empire hit the bottom, it was divided into 3 main cities namely Chaiya, Tha Thong and Khiri Rat. They were all under the jurisdiction of Nakhon Si Thammarat until King Rama IV decided to move Tha Thong City to Ban Don and required that it report directly to Bangkoks administration. The name Ban Don was, at the time, changed to Kanchanadit. It was with the establishment of the Monthon, a former administrative unit, that all three cities were merged into one under the name Chaiya. In 1915, King Rama VI changed the name Chaiya to Surat Thani.
The seal of Surat Thani says a lot about its history. Featuring the pagoda of Phra Boromathat Chaiya, the seal is proof of the influence of Mahayana Buddhist on Surat Thani. Phra Boromathat Chaiya is the most revered and important historical place in the province. It is believed that the pagoda contains Buddha relics.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติของสุราษฏร์ธานีสุราษฏร์ธานีเป็นเมืองที่ มีประวัติยาวนาน นักโบราณคดีเชื่อว่า ก็เมื่อชุมชนของชนเผ่ายุคก่อนประวัติศาสตร์ของชนเชื้อสายมลายูดั้งเดิมที่สร้างชุมชนในลุ่มแม่น้ำตาปีและอ่าวบ้านดอน และ Saemang ภายหลังเมื่อ อินเดียอพยพเข้าในพื้นที่ และค่อย ๆ แผ่วัฒนธรรมของพวกเขา ตามที่เป็นหลักฐานในการค้นพบซากปรักหักพังของชุมชนโบราณในท่าชนะและไชยาย่อย ๆในศตวรรษที่ 13 เมืองกลายเป็น ส่วนหนึ่งของ และ นักประวัติศาสตร์บางอาจ อ้าง ศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองอาณาจักรที่ครอบงำมลายูทั้งหมดและส่วนใหญ่ของ Java มันเป็นช่วงเวลานี้ว่า พุทธมหายานถึงความสูงของอิทธิพล แกรนเดอร์จักรวรรดิสามารถยังสามารถชื่นชมในหลายพื้นที่ของอำเภอไชยา เมื่ออาณาจักรตีด้านล่าง จะถูกแบ่งออกเป็น 3 เมืองหลักได้แก่ไชยา ท่าทองและคีรี พวกเขาได้ทั้งหมดภายใต้การดูแลของนครศรีธรรมราชจนกระทั่งตัดสินใจย้ายเมืองท่าทองไปบ้านดอนรัชกาล และจำเป็นที่จะรายงานโดยตรงกับการจัดการทั่ว ชื่อบ้านดอน เวลา เปลี่ยนกาญจนดิษฐ์ ก็ ด้วยการจัดตั้งมณฑล หน่วยดูแลอดีต ที่เมืองสามทั้งหมดได้ผสานเป็นหนึ่งภายใต้ชื่อไชยา ใน 1915 รัชกาลเปลี่ยนชื่อไชยาสุราษฏร์ธานีตราจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวว่า มากเกี่ยวกับประวัติ มีพระธาตุของพระ Boromathat ไชยา ตราประทับเป็นหลักฐานของอิทธิพลของพุทธศาสนามหายานในสุราษฏร์ธานี พระ Boromathat ไชยาเป็นที่สุดสิ่งสำคัญประวัติศาสตร์สถานที่ และในจังหวัด เชื่อกันว่าเจดีย์ประกอบด้วยพระธาตุที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นักโบราณคดีเชื่อว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นชุมชนของชนเผ่ายุคก่อนประวัติศาสตร์ของคนพื้นเมืองรวมทั้ง Saemang และมาเลย์เดิมที่สร้างชุมชนของพวกเขาในแม่น้ำตาปีและลุ่มน้ำอ่าวบ้านดอน ต่อมาชาวอินเดียที่อพยพเข้ามาในพื้นที่และค่อยๆแผ่ออกมาจากวัฒนธรรมของพวกเขาเป็นหลักฐานในการค้นพบซากปรักหักพังของชุมชนโบราณในท่าชนะไชยาและตำบล.
ในศตวรรษที่ 13 เมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของและเป็นบางส่วน ประวัติศาสตร์อาจจะอ้างว่าเป็นศูนย์กลางของศรีวิชัยจักรวรรดิรุ่งโรจน์ราชอาณาจักรที่โดดเด่นทั้งคาบสมุทรมลายูและมากของ Java มันเป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธมหายานถึงความสูงของอิทธิพล ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิยังสามารถชื่นชมในหลายพื้นที่ของอำเภอไชยาอำเภอ.
เมื่อจักรวรรดิกดปุ่มด้านล่างมันถูกแบ่งออกเป็น 3 เมืองหลัก ได้แก่ ไชยาท่าทองและคีรีราษฎร์ พวกเขาทั้งหมดภายใต้อำนาจของนครศรีธรรมราชจนถึงรัชกาลตัดสินใจที่จะย้ายท่าทองเมืองบ้านดอนและจำเป็นที่จะรายงานตรงต่อการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร ชื่อบ้านดอนในเวลาที่เปลี่ยนไปกาญจนดิษฐ์ มันเป็นที่ตั้งของมณฑล, หน่วยการบริหารอดีตว่าทั้งสามเมืองที่ถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ชื่อไชยา ในปี 1915 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าเปลี่ยนชื่อไชยาสุราษฎร์ธานี.
ตราประทับของจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวว่ามากเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา เนื้อเรื่องของเจดีย์พระบรมธาตุไชยาประทับตราเป็นหลักฐานของอิทธิพลของพุทธศาสนามหายานในสุราษฎร์ธานี พระบรมธาตุไชยาเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เคารพมากที่สุดและมีความสำคัญในจังหวัด เป็นที่เชื่อกันว่าพระเจดีย์มีพระบรมธาตุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติของสุราษฎร์ธานี
สุราษฎร์ธานีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน นักโบราณคดีเชื่อว่ามันเคยเป็นชุมชนของชนเผ่าโบราณของชนพื้นเมือง รวมทั้ง saemang มาเลเซียเดิมและสร้างชุมชนในลุ่มน้ำตาปี และ ดอน บ้านอ่าว . หลังจากนั้น ชาวอินเดียอพยพเข้ามาในพื้นที่ และค่อย ๆแพร่กระจายออกไป วัฒนธรรมของพวกเขาเป็นหลักฐานในการค้นพบซากปรักหักพังของชุมชนโบราณ ใน ท่าชนะ ไชยา แขวงและเขต
ในศตวรรษที่ 13 เมืองเป็นส่วนหนึ่งของและเป็นนักประวัติศาสตร์บางคนอาจอ้างว่า ศูนย์ของรุ่งโรจน์ศรีวิชัยอาณาจักรอาณาจักรที่ครอบงำทั้งคาบสมุทรมลายูและมากของจาวา มันคือช่วงเวลาที่พุทธมหายานถึงความสูงของอิทธิพลอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ยังสามารถชื่นชมในหลายพื้นที่ของอำเภอ ไชยา .
เมื่อจักรวรรดิกดปุ่มด้านล่าง มันถูกแบ่งออกเป็น 3 เมืองหลัก ได้แก่ ไชยา ท่าทอง และ คีรี . พวกเขาทั้งหมด สังกัดจังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึงรัชกาลที่ 5 จึงตัดสินใจย้ายท่าทองเมืองบ้านดอน าที่รายงานตรงต่อการบริหารกรุงเทพมหานคร . ชื่อบ้านก็เป็นในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป กาญจนดิษฐ์ . มันมีการจัดตั้งมณฑล อดีตหน่วยบริหารที่ทั้งสามเมืองที่ผสานเป็นหนึ่ง ภายใต้ชื่อ ไชยา 1915 , รัชกาลที่ 6 ได้เปลี่ยนชื่อ ไชยา สุราษฎร์ธานี .
ประทับตราสุราษฎร์ธานี says มากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ มีเจดีย์พระบรมธาตุไชยาตราประทับพิสูจน์อิทธิพลของพุทธมหายาน ใน สุราษฎร์ธานี พระบรมธาตุไชยามากที่สุดเคารพและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัด เชื่อกันว่า เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ .